|
คนเรามักสนใจเรื่องตัวเองเป็นหลัก-คุยเฟื่องเรื่องงานขาเทียม
อย่างที่จั่วหัวไว้ "คนมักสนใจเรื่องตัวเองเป็นหลัก" ซึ่งเป็นธรรมดาของคนที่มักจะเอาตัวเองเป็นที่ตั้ง เป็นศูนย์กลางของจักรวาล(ถ้าเป็นมากๆ)
อ่านแล้วก็จะประมาณว่า "เอ๊ะ นายคนนี้เป็นอะไร เขียนอะไร บ่นอะไร" ก็ไม่มีอะไรหรอกครับ แค่อยากเตือนสติ(ตัวเอง)ว่าอย่าสนใจแต่เรื่องตัวเองมากนัก"
เอาเรื่องนี้ดีกว่า...เรื่องที่ทำงาน
ตอนนี้ ผมทำงานที่มูลนิธิขาเทียมในสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ที่จังหวัดเชียงใหม่ ที่ตั้งก็หาง่ายครับ ติดริมคลองชลประทานตามแนวถนนเลียบคลองฯ ห่างจากอำเภอเมือง 8 กม. และห่างจากอำเภอแม่ริม 9 กม.(ตามหลัก กม.) อยู่เลยจากสนามกีฬาสมโภช 700 ปีเชียงใหม่ประมาณ 1 กม. อยู่ติดกับวิทยาลัยพยาบาลฯ หลักรพ.นครพิงค์ และไม่ห่างจากกองพันสัตว์ต่าง(สำหรับคนที่เป็นทหาร) สำหรับคนเชียงใหม่ก็น่าจะรู้จักเพราะเป็นทางจากสนามกีฬา 700 ปี ไปยังห้วยตึงเฒ่านั่นเอง
ถามว่าที่ทำงานทำอะไร ตามชื่อเลยครับ "ทำขาเทียม"ไงเล่าครับ
มูลนิธิฯถือกำเนิดจากพระราชประสงค์ของสมเด็จพระศรีนครินทราฯและสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯกรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ที่เสด็จทรงงานและทอดพระเนตรเห็นความทุกข์ยากของผู้พิการขาขาดในถิ่นทุรกันดาร ซึ่งไม่มีโอกาสได้รับขาเทียมซึ่งสมัยนั้นนำเข้าจากต่างประเทศและมีราคาแพง กอปรกับอาจารย์ รศ.นพ.เทอดชัยฯ (ท่านเลขาธิการมูลนิธิฯ)และคุณบุญอยู่ฯได้คิดค้นขาเทียมซึ่งมีราคาถูกขึ้น จึงทรงโปรดเกล้าฯให้จัดตั้งมูลนิธิฯขึ้น ซึ่งสมเด็จฯพระพี่นางฯในพระโกศ ทรงจดทะเบียนมูลนิธิฯเมื่อปี 2535 และทรงเป็นองค์ประธานมูลนิธิฯ โดยสมเด็จพระศรีนครินทราฯทรงพระราชทานฯพระนามและทรงเป็นองค์ประธานกิตติมศักดิ์
มูลนิธิฯมีลักษณะเป็น NGO ทางสังคมและสาธารณสุข หน้าที่หลักคือทำขาเทียมให้แก่ผู้พิการโดยไม่เลือกชนชาติ ศาสนา ความเชื่อ ซึ่งผู้พิการจะได้รับบริการฟรี ใช่ครับ "ได้ฟรี ไม่ต้องเสียเงิน" นอกจากนี้มีหน้าที่คิดค้นประดิษฐ์ชิ้นส่วนขาเทียม และวิธีการทำใหม่ๆให้ง่ายและดียิ่งขึ้น อีกทั้งอบรมบุคลากรทำขาเทียม(เรียกว่าช่างกายอุปกรณ์/นักกายอุปกรณ์ ตามวุฒิการศึกษา)และร่วมงานกับองค์กรอื่นในการพัฒนาด้านผู้พิการ
นี่เป็นงานย่อๆนะครับ
บางคนอาจจะงงว่า "ให้ฟรีแล้วเอาเงินมาจากไหน" ตอบง่ายๆ เงินค่าใช้จ่ายของมูลนิธิฯมาจาก "การบริจาคจากผู้มีจิตศรัทธา" นั่นเองครับ ไม่ว่าจะในรูปเงินสด เช็ค สิ่งของ อุปกรณ์ และเศษอะลูมิเนียม (ไม่เคยได้รับงบประมาณแผ่นดินเลยนะครับ)
อะลูมิเนียมที่รับบริจาคมักมาในรูปห่วงเปิดกระป๋อง กระป๋องน้ำอัดลม/เบียร์ ฝาขวด ฯลฯ มูลนิธิฯเอาไปส่งที่โรงงานหลอมโลหะเพื่อหล่อเป็นแท่งแล้วใช้งาน แต่ชิ้นส่วนของขาเทียมบางชิ้นต้องการคุณสมบัติพิเศษเช่น ข้อเข่าเทียมซึ่งต้องแข็งแรงทนทานมาก จึงเอาไปแลกกับโรงงานหลอมโลหะเพื่อเอาโลหะที่ต้องการ (คือมีข่าวว่าทางมูลนิธิไม่รับโลหะ หรือมูลนิธิเอาไปขาย แต่ไม่ใช่ครับ เพียงแต่เอาไปแลกเพื่อให้ได้ตามเกรดที่ต้องการ เพราะโลหะมีหลายชนิด และแต่ละชนิดมีหลายเกรดตามคุณสมบัติและส่วนประกอบ อย่างบางชิ้นส่วนต้องการความเหนียวมากก็เอาไปแลกเป็นสแตนเลส เพราะอะลูมิเนียมเปราะเกินไปใช้ไปต้องหักแน่ๆ)
แล้วผมมาทำอะไรหล่ะ
แหงครับผมเป็นหมอ จบเวชศาสตร์ฟื้นฟูมา มาทำงานที่นี่ก็ทำงานเป็นหมอตรวจคนไข้ซิครับ คือที่ทำการมูลนิธิฯมีการเปิดรับผู้พิการที่ต้องการขาเทียม ผมก็ทำหน้าที่สั่งขา ตรวจสอบขาเทียมที่ช่างฯทำ และตรวจสอบท่าทางการเดิน และสอนผู้พิการเดินด้วย
เวลาออกหน่วยฯ...อ้อลืมเล่าไป...มูลนิธิฯมีการออกหน่วยขาเทียมพระราชทานเคลื่อนที่ด้วยครับ ออกมาประมาณ 80 ครั้งแล้วครับ จำนวนผู้พิการตั้งแต่ 150 - 300 คน โดยได้รับความร่วมมือจากอาสาสมัครช่างกายอุปกรณ์ในการทำขา หน้าที่ผมก็คล้ายๆกับในที่ตั้งนั่นแหล่ครับแต่สเกลใหญ่กว่า เพราะเราออกหน่วยใช้เวลา 5 วัน ผู้พิการ"ต้อง"ได้ขาเทียมกลับบ้าน
นอกจากนี้ก็เป็นวิทยากรอบรมด้วย และต้องหาความรู้เสมอๆ (ตอนนี้กำลังศึกษาเรื่องวัสดุศาสตร์ กลศาสตร์ ฯลฯ ด้วยตนเอง ในการเอาไปประยุกต์ใช้กับคน) ผมเองยังไม่โปรขนาดท่านอาจารย์เทอดชัยฯหรอกครับ ยังได้ประมาณ 50 - 60 % ของท่านเอง
ลืมบอกไปตำแหน่งปัจจุบันคือผู้ช่วยเลขาธิการครับ แต่งานบริหารยังไม่มากนักเพราะผมต้องเพ่งไปที่การ"ช่วย"อาจารย์ด้านการบริการและวิชาการอยู่ก่อน (เนื่องจากเป็นหมอ) ครับ
อาจสงสัยว่าทำไมมาอยู่ที่นี่ มันเป็นเรื่องของความชอบเป็นการส่วนตัว + โอกาส ครับ โดยส่วนตัวผมเป็นคนชอบความท้าทายและไม่ชอบความจำเจ ไม่ชอบการจู้จี้และคนงี่เง่าครับ
มาอยู่นี่ก็แปลกๆ เพราะเป็นทั้งคนใหม่ เป็นทั้งคนต่างถิ่นไม่ค่อยมีเพื่อนใหม่เท่าไหร่ ไม่รู้จะไปเที่ยวไหนดี
ถามว่าเบื่อไหม...............เบื่อเป็นบางครั้ง เป็นวูบๆแล้วก็หายไป (แต่ไม่ได้เบื่องานนะครับ)
โถ...จะมีใครบ้างที่ไม่เบื่อครับ ผมเองก็คิดถึงที่กรุงเทพฯ ที่อุบลฯที่ผมเคยอยู่ คิดถึงพวกพ้องน้องพี่และเดอะแก๊งค์ที่เคยตะลุยมาด้วยกัน.....แต่.....นี่คือการฝึกความอดทน นี่คือชีวิตคน คิดมุมต่าง...ผมไปกรุงเทพฯก็แค่นั่งเครื่องบินประมาณ 1 ชม.ก็ถึงแล้ว
(บางคนอ่านๆไปอาจว่า หมอนี่แปลกๆไหม...คนรู้จักผมทุกคนก็ว่าผมแปลก นิสัยไม่ค่อยเหมือนหมอเท่าไหร่ ชอบลุย บางคนหาว่า"เพี้ยน" แต่เพื่อนรู้ว่าจริงๆผมเป็นไง ใช่ไหมท่านเพื่อนเลิฟ!!!)
ชีวิตการเป็นหมอฟื้นฟูและทำงานที่นี่สอนอะไรผมหลายๆอย่างครับ
"เรามักจะแหงนคอขึ้น แล้วก็เฝ้าถามว่า ทำไมเราไม่เป็นอย่างนั้น ทำไมเราไม่ได้อย่างเขา"
เรามักจะมองแต่คนที่ประสบความสำเร็จ รวย ฯลฯ เรามองเราอยากเป็นแต่เราก็มาบั่นทอนตัวเองโดยการท้อใจ เราอยากเป็นก็ยึดเอาไว้แล้วทำให้ดีที่สุดซิครับ
ชีวิตคนสำคัญที่สุดคือ "ปัจจุบัน" อนาคตขึ้นกับการกระทำในปัจจุบัน โดยเอาอดีตมาเป็นบทเรียนทั้งแง่ที่ดีและไม่ดีนะครับ
อีกอย่าง ผู้พิการไม่ต้องการการสงสาร เขาต้องการแค่"โอกาส"ครับ
ผู้พิการที่เคยผ่านมือผ่านตาผมมา มีทั้งที่ท้อ มีทั้งที่สู้ หลายๆคนสู้ไม่ถอยนะครับ เด็กหลายๆคนเกิดมาแขนขาไม่มีหูหนวกตาบอด เขายังสู้เลย เราเองเกิดมาครบ 32 สติปัญญาแขนขาก็มี ทำไมไม่สู้ละครับ
ลองจินตนาการว่าวันหนึ่งคุณเป็นอัมพาต ถ้าคนที่ท้อก็จะหมดอาลัยตายอยาก แต่หลายๆคนที่ผมพบเขาสู้ครับ บางคนกลับไปเดินได้ บางคนนั่งรถเข็นแล้วเป็นนักกีฬา ฯลฯ
บางทีคุณไม่รู้หรอกว่าตัวคุณเอง ชีวิตตัวเองมีคุณค่าแค่ไหน อย่าทิ้งมัน ตั้งเป้าหมายไว้แล้วไปให้ถึง แต่ถ้าผิดหวังอาจเศร้าได้แต่อย่าท้อ เอาบทเรียนมาจากมันแล้วแก้ไขทำให้ดีครับ
หวังว่าคงจะได้"อะไรๆ"ไปบ้างนะครับ ไม่ไร้สาระเกินไป (หลังๆมีออกทะเลนิดหน่อย แต่ก็วนๆอยู่แต่กับเรื่องตัวเอง Ego-centric หน่อยๆ)
คราวหน้าเอาเรื่องอะไรดี ถ้าตามคิว "...ว่างๆจะมาเล่าต่อ เพราะยังเหลือเรื่องอีกแยะ ทั้งที่ทำงาน ดนตรีที่ชอบ งานอดิเรก งานสมัยก่อนและภารกิจต่างประเทศ ฯลฯ ใครสนใจถามอะไรก็เชิญครับ ถามมาได้เลย หรือแค่อยากทักทายก็เชิญครับ.." ก็น่าจะเป็นเรื่องดนตรี
แต่...ดูก่อนนะครับ อาจเป็นเรื่อง "งานเก่า" ของผมก็ได้ ใบ้ให้นิดนึง...ไม่เอาดีกว่า
อยากทักทายหรือสอบถามหรือจะคอมเม้นต์ก็เชิญนะครับ ยินดีตอบเสมอครับ
ไปแล้ว...สวัสดีครับ
Create Date : 24 เมษายน 2551 |
Last Update : 24 เมษายน 2551 13:24:37 น. |
|
8 comments
|
Counter : 874 Pageviews. |
 |
|
|
โดย: murmur (murmur072 ) วันที่: 24 เมษายน 2551 เวลา:13:54:40 น. |
|
|
|
โดย: buddhi IP: 58.147.46.53 วันที่: 27 มิถุนายน 2551 เวลา:19:54:26 น. |
|
|
|
โดย: ไดยาโมโตะ IP: 210.203.178.96 วันที่: 29 กรกฎาคม 2551 เวลา:9:47:52 น. |
|
|
|
โดย: zardamonoxication (zardamon ) วันที่: 23 เมษายน 2552 เวลา:10:00:19 น. |
|
|
|
โดย: กายอุปกรณ์ก้อคิดเป็นครับ IP: 125.27.143.135 วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:21:03:36 น. |
|
|
|
โดย: กายอุปกรณ์ก้อคิดเป็นครับ IP: 125.27.143.135 วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:21:24:45 น. |
|
|
|
โดย: กายอุปกรณ์ก้อคิดเป็นครับ IP: 125.27.143.135 วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:21:32:21 น. |
|
|
|
โดย: กายอุปกรณ์ก้อคิดเป็นครับ IP: 125.27.143.135 วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:21:58:18 น. |
|
|
|
| |
|
|