bloggang.com mainmenu search
Day 4 (22 March 2009)

ความหดหู่ในค่ายกักกันและการอำลามิวนิค

เช้า Dachau, Germany
บ่าย Stuttgart, Germany

* เป็นเรื่องส่วนตัวปะปนมามาก ฉบับสาระจะรีวิวไว้อีกทีในห้อง blueplanet
** อาจมีภาพ เสียง และเนื้อหาไม่เหมาะสมด้านพฤติกรรม ผู้ชมที่มีอายุต่ำกว่า 13 ปีควรได้รับคำแนะนำ
*** จากกรณีที่ภาพหาย ก็เลยเปลี่ยนเป็นลิ้งค์มาจาก multiply แทน ไม่มีจำักัดอีกแล้ว

ศัพท์ที่ควรทราบ

Hauptbahnhof(Hbf) = สถานีหลักของเมือง เปรียบเทียบได้กับหัวลำโพงบ้านเรา
S-Bahn (Stadtschnellbahn) = รถไฟฟ้าบนดิน แต่บางครั้งก็มุดลงใต้ดินบ้าง ตามแต่ภูมิประเทศจะเอื้ออำนวย
U-Bahn (Untergrundbahn) = รถไฟฟ้าใต้ดิน จำง่ายๆ U ย่อมาจาก Underground
Tram = รถราง
RB = Regional-Bahn เป็นรถไฟที่วิ่งระหว่างเมืองใกล้ๆ
RE = Regional-Express เป็นรถไฟที่วิ่งระหว่างเมืองใกล้ๆ จอดสถานีน้อยกว่า RB
IC = InterCity คือรถไฟที่วิ่งระหว่างเมือง ความเร็วจะอยู่ประมาณ 200 km/h
ICE = InterCity-Express คือรถไฟที่วิ่งระหว่างเมืองความเร็วสูง ความเร็วจะสูงกว่า IC ถ้าเส้นจาก Mannheim ไป Cologne เค้าว่าทำความเร็วสูงสุดถึง 300 km/h เลยทีเดียว
WC (ย่อมาจาก Water Closet) = ห้องน้ำ
Fahrkarten = ตู้ขายตั๋วของ DB ใช้กดดูเที่ยวรถไฟก็ได้ บางทีอาจเรียกว่าตู้กดดูเที่ยวรถไฟ
พี่ปื๊ด = คนดำ (เรียกนิโกรเป็นการเหยียดสีผิวเกินไป อีกทั้งขืนหลุดปากคำว่านิโกรออกมาตอนอยู่ใกล้ๆพวกคนดำ คงโดนตื้บแน่)
เอาตั๋วไปแต๊ก = เอาตั๋วไป validate ที่เครื่อง entwerten



วันนี้ตื่นมา ก็เปลี่ยนเสื้อผ้า เก็บของเตรียมออกจากที่พัก กินข้าวเช้าตามปกติ วันนี้แม่ครัวที่ดูแลห้องอาหารนี้เปลี่ยนจากคุณป้าเป็นผู้หญิงสาว สวยมาก ตัวสูงมาก สูงกว่าเอ๋อีก

วันนี้ไม่เจอสาวญี่ปุ่นอีก เลยรู้สึกเซ็งๆ ใจหวิวๆยังไงชอบกล กลับไทยไปจะไปถาม たかはし先生 ว่าจีบสาวญี่ปุ่นยังไงดี ฮ่าฮ่า

กินข้าวเสร็จก็ check out ออกจากที่พัก แวะไปหาจั้มที่ Wombat Hostel จั้มถามว่า จำสาวที่หน้าเหมือนคนจีนสองคนเมื่อวานใช่ปะ เราก็บอกไปว่า ที่มีคนนึงตัวเล็กๆใช่ปะ จั้มบอกว่าเออนั่นแหล่ะ แล้วก็บอกว่าพักที่เดียวกับจั้ม เรานี่เล็งคนเดียวกับจั้มเลย ฮ่าฮ่า แต่เค้ามีสองคน ไม่เป็นไร แบ่งกันได้ 55+

พอถึงสถานีรถไฟก็ไป validate EURail ที่เคาน์เตอร์ขายตั๋ว DB ก็เจอคุณป้าคนเดิมที่ขาย Bayern Ticket ให้เราเมื่อวาน

พอคุณป้าเติมวันที่ใช้วันแรกกับวันสุดท้าย และก็ปั๊ม Validate ให้แล้ว ตั๋ว EURail พวกเราก็สามารถใช้การได้

(รายละเอียดการใช้ EURail อยู่ในหัวข้อ การเตรียมตัวก่อนเดินทาง Part 2 : ตั๋วเครื่องบิน ที่พัก และอื่นๆ)

เติมวันที่ไป 22 03 ไม่ให้ผิด ฝากของที่ล็อกเกอร์ก่อน แล้วก็ขึ้น S2 ไป Dachau

นึกว่าค่ายกักกันยิวอยู่ใกล้ๆสถานีเลยไม่ได้ซื้อตั๋วกลุ่มไว้ ต้องนั่งรถเมล์ต่อไปอีก แต่ถามรั่งแถวนั้นเค้าบอกว่าต้องนั่งรถเมล์สาย 724 ต่อไป

รถเมล์ก็มาแล้วด้วย ก็เลยต้องรีบขึ้น ซื้อตั๋วเที่ยวเดียว 1.20 ยูโร คนขับแม่งทอนเงินให้พวกกุทุกคนผิด ผิดแบบน่าเกลียด หน้าด้านๆ ต้องท้วงเค้าเค้าเลยทอนจนครบ

1. Dachau Concentration Camp

ไปถึงค่ายกักกันยิว Dachau Concentration Camp ซึ่งเข้าฟรี แต่มีให้เช่าเครื่อง audio guide ได้ แต่ไม่เช่า ก็เดินดูสถานที่ต่างๆ ซึ่งพวกนาซีกระทำกับยิวได้โหดร้ายมาก







Dachau Concentration Camp คือ ค่ายกักกัน (ก็คือคุกน่ะแหล่ะ) ที่นี่เป็นค่ายกักกันที่แรกที่สร้างขึ้นมา เป็นแบบอย่างให้ค่ายกักกันอื่นๆด้วย

ค่ายนี้ก่อตั้งโดย Hendrich Himmler หัวหน้าของ SS คนที่ดูแลค่ายนี้ก็คือหน่วย SS นั่นเอง

SS ย่อมาจาก Schutzstaffel

คือกองกำลังของพรรคนาซี (คนละอันกับกองกำลังของประเทศ(Wehrmacht)นะ)

ก็จะแบ่งเป็นหลายหน่วย เช่น หน่วยรบ(Waffen-SS)

จุดประสงค์ที่ฮิตเลอร์ตั้ง SS ขึ้นมา ตอนแรกเพื่อเป็นทหารองครักษ์ให้กับแค่ตัวฮิตเลอร์เอง แต่ตอนหลังกลายเป็นกองทัพขึ้นมาเพราะต้องการสร้างความเข้มแข็งให้กับพรรคนาซี

ตอนแรกเป็นแค่ค่ายที่ไว้ขังนักโทษทางการเมือง ตอนหลังมีไว้ขังยิว พยานพระยะโฮวา(แล้วมันต่างกับยิวยังไงวะ) ชายรักร่วมเพศ ยิปซี เป็นต้น

แต่นักโทษที่เป็นยิวจะโดนทารุณอย่างโหดร้ายที่สุด

ความโหดร้ายก็อย่างเช่น เวลาจะนับรวมพลเช็คยอด(roll-call) คนป่วย หรือตาย ก็ต้องลากศพออกมาเช็คยอดให้ครบด้วย ถ้าพบว่าคนหายไปจะโดนลงโทษ

อันนี้คือสถานที่ตั้งของโรงทหาร ซึ่งเคยเป็นที่ใช้ทดลองนักโทษ แต่ปัจจุบันรื้อทิ้งไปแล้วเหลือให้เห็นแค่นี้ล่ะ





ทดลองนักโทษในรูปแบบต่างๆ เช่น

ทดลองฉีดเชื้อมาลาเรียเข้าไปเพื่อจะทดลองว่าจะมีวัคซีนป้องกันได้หรือไม่ นักโทษที่โดนฉีดมาลาเรียมีประมาณ 1,100 คน

ทดลองความดันในที่สูงจากระดับน้ำทะเล(High Altitude Experiment) เพื่อทดสอบดูว่าถ้านักบินเวลาอยู่ในเครื่องบินแล้วความดันอากาศต่ำและขาดออกซิเจนฉับพลันจะต้องทำอย่างไร

ทดลองการแช่แข็งเพื่อดูว่าถ้าเครื่องบินตก แล้วนักบินร่วงลงมากลางทะเลแล้วจะสามารถอยู่ได้หรือไม่

อื่นๆที่ทดลองก็เช่น ทดลองโรค Scrub Typhus ทดลองโรค Cellulitis ทดลองการติดเชื้อในกระแสเลือด ทดลองโรควัณโรค ทดลองให้นักโทษดื่มน้ำทะเลแทนน้ำจืด ทดลองยาห้ามเลือด(แน่นอน ก่อนหน้านั้นก็ต้องทำให้มีแผลให้เลือดออกก่อน) เป็นต้น

ค่ายจริงๆสามารถจุได้ 5,000 คน แต่ถูกบังคับให้อยู่กัน 30,000 คน

มีห้องรมแก๊ส ไม่ได้ลงรูปไว้

สองภาพล่างนี่คือห้องเผาศพ







นี่คือรั้วลวดหนาม ก่อนถึงจะเป็นคูน้ำ





นี่คือหอคอยตรวจการณ์ ใครพยายามหลบหนีออกจากค่ายก็จะโดนยิง





โรงนอน บรรยากาศหลอนมาก ขนาดเข้าไปตอนกลางวันแสกๆยังรู้สึกน่ากลัวเลย เหมือนมีผีจะออกมา





มีห้องน้ำด้วย นี่อ่างล้างหน้า





นี่ส้วม





อันนี้โบสถ์ของโปรเตสแตนท์ สร้างมาหลังสงครามโลกครั้งที่สองจบไปประมาณยี่สิบปี คนที่คิดจะสร้างเคยเป็นนักโทษในค่ายนี้ ซึ่งเป็นโปรเตสแตนท์ สร้างเพื่อเป็นอนุสรณ์แก่ความทรมานและความตาย และเพื่อแสดงความไม่เห็นด้วยและต่อต้านค่ายนี้





อันนี้เป็นอนุสรณ์ของยิว สร้างขึ้นมาเพื่อจุดประสงค์เดียวกัน





ของออร์ธอดอกซ์กับคาทอลิกก็มีนะแต่ไม่ได้เอามาลงไว้

ตอนค่ายเปิดปีแรกๆนั้น มีคนมาเยี่ยมชมอย่างเป็นทางการก็มีการสร้างภาพว่าค่ายนี้เป็นค่ายที่ทำงานกันอย่างขยันขันแข็ง มีระเบียบวินัย สะอาด

สิ่งเหล่านี้หายไปเมื่อสงครามโลกครั้งที่สองกำเนิดขึ้น ค่ายนี้กลายเป็นค่ายที่โหดร้ายทันที

นักโทษในค่ายนี้จะต้องแข็งแรงในทุกสถานการณ์ ไม่มีการรักษาโรคยามเจ็บป่วย ใครที่ป่วยไม่ยอมทำงานจะถือว่าหนีงาน แล้วก็จะโดนลงโทษ

จะหยุดงานได้ต่อเมื่ออุณหภูมิร่างกายเกินกว่า 40 องศาเซลเซียสและไม่สามารถยืนได้

ค่ายนี้ถูกปลดปล่อยโดยทหารอเมริกัน เมื่อ 29 April 1945 ช่วงหลังของสงครามโลกครั้งที่สอง

สรุป ค่ายนี้มีคนเข้ามาประมาณ 200,000 คน ตาย 31,951 คน

รายละเอียดเยอะอะ ขี้เกียจพิมพ์ต่อแล้ว แต่ถ้าใครสนใจ ผมซื้อหนังสือเกี่ยวกับค่ายนี้มาด้วย (Dachau Concentration Camp) มี 27 หน้า เป็นภาษาอังกฤษ ใครอยากอ่านบอกได้เดี๋ยวซีร็อกให้

ออกจากค่ายนี้ก็ขึ้นรถเมล์ รถออกช้าอะ เลยไม่ทันรถ ICE 596 เวลา 12:23 กลับไปถึง Hbf รีบเอาของออกจาก locker แล้วรีบจับรถ IC 2260 เวลา 12:41 แทน เพื่อแวะไป Stuttgart








ขึ้นไปถึงก็หาที่นั่ง ที่นั่งติดๆกันไม่ค่อยมีเลยต้องแยกกัน แต่ก็ไม่ซีเรียส พอได้นั่งซักพัก รถก็ออก คนตรวจตั๋วก็มาตรวจ ก็ยื่น EURail ให้เค้า stamp แล้วก็หลับเลย

ตื่นมาอีกทีเมือง Ulm เป็นเมืองที่ไอน์สไตน์เกิด เมืองนี้คนลงเยอะ เอ๋เลยมาปลุกแล้วให้ไปนั่งด้วยกัน


2.Benz Museum


ถึง Stuttgart ก็เอาของไปฝากล็อกเกอร์ แล้วคิดกันว่าจะไปไหนดีระหว่าง Porsche Museum หรือ Benz Museum ได้ข้อสรุปมาแล้วว่า Benz Museum เพราะว่าปิดช้ากว่าชั่วโมงนึง





ก็จับรถไฟ S-Bahn สาย S1 ไปลง Neckarplaz station และเดินประมาณสิบนาทีถึง Benz Museum ซื้อตั๋ว 4 ยูโร (ได้ส่วนลดจากบัตรนักเรียนน่ะ) มี audio guide ให้ฟรีๆ

สายคล้องคอที่ยึด audio guide สามารถถอดเก็บเอากลับบ้านไปเป็นที่ระลึกได้





ในพิพิธภัณฑ์ก็มีประวัติของรถต่างๆ ตั้งแต่เริ่มใช้ม้า จนเริ่มประดิษฐ์เครื่องยนต์ จนมาเป็นรถ ซึ่งสมัยนั้น รถใช้เป็นสิ่งของที่บ่งบอกถึงความร่ำรวย ลูกค้าของ Benz คนแรกไม่ใช่คนเยอรมัน แต่เป็นนายทุนชาวฝรั่งเศส

รถเบนซ์มีประวัติมาช้านานมาก ตั้งแต่ปี 1886 ฝ่าฝันอุปสรรคหลายๆอย่าง เช่น วิกฤติเศรษฐกิจของเยอรมัน เงินเฟ้อ สงครามโลกทั้งสองครั้ง ซึ่งสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง Benz ได้เป็นกำลังสำคัญในการผลิตยานพาหนะที่ใช้ในสงคราม

ส่วนประวัติศาสตร์อื่นๆไม่ได้จดมา ดูพิพิธภัณฑ์เสร็จก็ออกไปเดินดูสนามของทีม Stuttgart Vfb ชื่อ Mercedes-Benz Arena ใกล้ๆแถวนั้นมีตู้โทรศัพท์อยู่ ป้อ เอ๋ จั้ม ก็โทรศัพท์กลับไปเมืองไทย ส่วนเราก็ขอเข้าไปหลบลมหนาวอยู่ในตู้โทรศัพท์ด้วย





หลังจากนั้นกลับไปสถานี Neckarplatz สถานีร้างมาก เลยไปนั่งห้อยขาลงมาตรงปลายชานชาลา (ที่นี่ไม่มีเส้นเหลืองและก็ไม่มียามมาเป่าปี๊ดๆด้วย 55+) ทำเพื่ออะไร ก็เพื่อความเกรียน

ก็มีฝรั่งพ่อกับลูกสาว พ่อดูเถื่อนๆหนวดเยอะๆ อารมณ์ประมาณแฮกริดในแฮร์รี่พอตเตอร์ เข้ามาคุยด้วย แลวก็พูดภาษาด๊อยช์รัวๆ เราก็ฟังไม่รู้เรื่อง เค้าก็พยายามพูดภาษาอังกฤษแบบผิดๆถูกๆ เค้าก็ถามว่ามาจากไหน ก็คุยๆไป

เค้าก็บอกว่ามีร้านอาหารไทยชื่อ สมุย ใน Stuttgart ด้วยน่ะ ลูกสาวเค้าน่ารักมาก(ยังเด็กอยู่เลยนะ !! ไม่น่าเกิน 10 ขวบ) เลยขอถ่ายรูปด้วย เราก็ให้ postcard สถานที่ท่องเที่ยวในไทยกับเค้า และก็พับดาวกระจายให้ลูกเค้าเล่นด้วย (พับนกไม่เป็นหว่ะ 55+)

ให้นามบัตร แล้วเค้าก็ขอที่อยู่เราเพื่อส่ง postcard กลับมาหาเรา เค้าทำนามบัตรเราหาย ก็เลยมาขอใบใหม่ ให้เราเขียนใหม่ แต่อยู่บน S-Bahn เลยเขียนไม่ค่อยถนัด ลายมือหวัดๆไปหน่อย กลัวส่งมาไม่ถึงจัง





พอ S-Bahn ถึง Hbf ก็จากลากันโดยไม่ทันได้อำลา เพราะรีบลง เดี๋ยวประตูปิด ถึงจะไม่ได้ say goodbye โดยตรงแต่ก็จากกันด้วยรอยยิ้ม มิตรภาพที่เกิดขึ้นระหว่างท่องเที่ยวนี้ ผมคิดว่าหาไม่ได้จากการมากับทัวร์แน่นอน ต้องลงมาลุยเอง ถึงจะเจอ เป็นอะไรที่ประทับใจ

กลับมาถึง Hbf ก็หาอะไรกินกันหน่อย เดินเข้า Minimart ซื้อน้ำชาเลม่อน + Kit Kat และก็ไอติม Mövenpick เสร็จแล้วไปหาอาหารหลักกินต่อ ระหว่างนั้นก็หาตู้กดดูเที่ยวรถไฟไป Heidelberg แล้วก็จดเวลาไว้ว่าต้องมาขึ้นรถไฟเวลานี้





หลังจากนั้นก็เข้าร้านฟาสต์ฟู้ด กินฮอตดอกไส้ซาลามี่และก็กินฮอทดอกไส้บราสเวิสท์ด้วย เสร็จแล้วปิดท้ายด้วยเบียร์ Kulmbach รสชาติเหมือนเบียร์สิงห์เลย ขมๆ





ระหว่างรอเพื่อนๆก็มีคนขี้เมาลงไปนอนบนสถานีรถไฟ แล้วก็มีตำรวจมาลากคอไป





พอเพื่อนๆมา ก็รีบไปขึ้นรถไฟ เบียร์ก็ยังกินไม่หมดด้วย ไม่มีคนช่วยกิน แถมรถไฟจะออกแล้ว เลยโยนทิ้งถังขยะไป ถ้าขึ้นรถไม่ทันต้องรออีก 40 นาที

พอมาถึง Heidelberg Hbf ก็มึนๆกันซักพัก หาทางไปที่ขึ้นรถ Tram ซึ่งใบจองที่พักบอกว่าอยู่ทิศเหนือของสถานีรถไฟ ก็หยิบเข็มทิศขึ้นมา เดินตามทิศเข็มทิศ ก็เจอป้ายรถ Tram กับรถบัส

ซื้อตั๋ว Ticket 24 Plus ซึ่งเป็นตั๋วที่ใช้ได้ 24 ชั่วโมงหลังจาก validate (ไม่เหมือนตัววันทั่วไปที่จะหมดอายุเมื่อหมดวัน) ใช้ได้ 5 คน (ถ้าตั๋ววันแบบเดี่ยวๆจะชื่อ Ticket 24 เฉยๆ)





ก็หาทางขึ้นรถไปที่ Czernybrücke พยายามเดินไป แต่มันเป็นสะพานทอดข้ามถนนที่เราเดินอยู่ ไม่มีทางขึ้นจากตรงนี้ เลยต้องย้อนกลับไปทางเดิม แล้วก็ขึ้น Tram สาย 22 ไป Betriebhof แทน

แล้วต่อ Tram สาย 22 ไปลง Kranichweg แล้วเดินต่อเข้าไปไกลเหมือนกันนะ ไปถึงโรงแรม Hotel Kranich ประตูโรงแรมกล็อกอีก เลยกดกริ่ง จนเค้ามาเปิดให้ เช็คอิน นอนที่นี่ 2 คืน อาบน้ำนอน แล้วก็จบไปอีกหนึ่งวัน


สรุปค่าใช้จ่ายวันนี้

ตั๋วรถเมล์ไปกลับ 2.40 ยูโร
ชีสเบอร์เกอร์ของแม็คโดนัลด์ 1.00 ยูโร
ล็อกเกอร์สองอันที่ Munich 2.00 ยูโร (10.00 ยูโร หารกันห้าคน)
ล็อกเกอร์ที่ Stuttgart 1.60 ยูโร
ตั๋ว Benz Museum 4.00 ยูโร (ได้ส่วนลดบัตรนักเรียนแล้วครับ)
ชาเลม่อนพีช + Kit Kat + ไอติม Mövenpick 5.10 ยูโร
Hot Dog ใส่ Salami 1.00 ยูโร
Hot Dog ใส่ Bratwurst 2.30 ยูโร
เบียร์ Kulmbach 1.30 ยูโร
ที่พักที่ Hotel Kranich (Heidelberg) 2 คืน 50.50 ยูโร
Ticket 24 Plus 1.80 ยูโร (หารกันห้าคน)

รวม 73.00 ยูโร

ของฝาก

หนังสือ Dachau Concentration Camp 2 เล่ม 6 ยูโร

Next : Day 5 : บรรยากาศแห่งการศึกษา

Prev : Day 3 : ปราสาทในฝัน
Create Date :13 เมษายน 2552 Last Update :12 กุมภาพันธ์ 2562 9:24:12 น. Counter : Pageviews. Comments :2