bloggang.com mainmenu search
{afp}


หัวใจปรารถนา ปี 2000
[Return of the Cuckoo]




จางจื้อหลิน รับบท เหวินชู
เสอซือมั่น รับบท จูจินห่าว
หม่าจุ้นเหว่ย รับบท ซือถูหลี่ซิ่น


download Theam Title

download End Title

download main song

download sub song1

download sub song2

download sub song3


เรื่องย่อ: หัวใจปรารถนา.. [Return of the Cuckoo]

เหวินชู เด็กน้อยซึ่งเกิดจากความไม่ตั้งใจของมารดา และด้วยอุบัติเหตุจากความตั้งใจของมารดาในวัยเด็กทำให้ตนต้องพิการกลายเป็นคนที่พูดไม่ได้ หรือเรียกง่ายๆ ว่า คนใบ้ นั่นเอง ประกอบกับเคราะห์ซ้ำกรรมซัดด้วยปัญหาในครอบครัวอันเกิดจากบุพการีทำให้ เหวินชู เสมือนเป็นเด็กกำพร้าในเวลาต่อมา แต่โชคของเขายังดีที่ได้รับการช่วยเหลือและเลี้ยงดูจาก จูซาเจียว หญิงผู้ที่มีความโอบอ้อมอารี และเป็นนักร้องที่มีชื่อเสียงกับกิจการไนท์คลับแห่งหนึ่ง โดยที่ จูซาเจียว รัก เหวินชูเหมือนลูกแท้ๆ คนหนึ่ง



ครอบครัวของจูซาเจียวไม่ได้เป็นครอบครัวที่ร่ำรวยอะไร เพียงแต่ในครอบครัวเล็กๆ แห่งนี้ประกอบไปด้วยความอบอุ่นที่เกิดขึ้นจากลูกสาว จูจินห่าว เด็กสาวช่างพูด น่ารัก น่าเอ็นดู และ เหวินชู เด็กชายที่มีน้ำใจอันงดงาม ที่ตนรับเลี้ยงไว้ และด้วยความมีอัธยาศัยในครอบครัวแห่งนี้ทำให้มีเพื่อนบ้านที่น่ารักตามมา



ด้วยความใกล้ชิดและอาศัยอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เด็กระหว่าง เหวินชู และ จินห่าว ทำให้ทั้งสองเกิดความสนิทสนมและรักกันเป็นอันมาก ดูภายนอกหลายๆ คนเข้าใจว่าทั้งคู่รักกันแบบพี่น้อง แต่แท้จริงแล้วด้วยความผูกพันธ์ทำให้ทั้งคู่เกิดความรู้สึกพิเศษต่อกัน แต่ต่างก็เก็บความรู้สึกนั้นไว้อยู่ข้างใน สำหรับ เหวินชู แล้วรู้ตัวอยู่เสมอว่าไม่เหมาะสมกับ จินห่าว ด้วยประการทั้งปวง แต่สำหรับ จินห่าว นั้นด้วยวัยและความรู้สึกนึกคิดทำให้ตนก็ไม่ทราบความรู้สึกที่แท้จริงว่าตนรัก เหวินชู แบบใดกันแน่ จนกระทั่ง ซือถูหลี่ซิ่น นักข่าวหนุ่ม ไฟแรง และไม่เกรงกลัวอิทธิพลใดๆ ผ่านเข้ามาในชีวิต ทำให้ จินห่าว เกิดความรู้สึกสับสนในความรักของตนกับชายหนุ่มถึง 2 คน แล้ว จินห่าว จะเลือกใครระหว่าง เหวินชู พี่ชาย (ไม่แท้) ที่มีความรัก ความผูกพันธ์กันมาแต่วัยเยาว์ กับ ซือถูหลี่ซิ่น นักข่าวหนุ่ม กับความรักที่เกิดขึ้นตามวัยของตน ต้องติดตามใน หัวใจปรารถนา ภาพยนตร์จีนสากลเรื่องเยี่ยมที่สร้างชื่อให้กับ จางจื้อหลิน และ เสอซือมั่น ในปี 2000



บทวิจารณ์
โดย จางงี้

สำหรับบท เหวินชู หนุ่มผู้ที่มีชะตาชีวิตที่น่าเห็นอกเห็นใจ อุปนิสัยโอบอ้อมอารี มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี และไม่ย่อท้อกับโชคชะตาที่เกิดขึ้นกับตนเอง ดูเหมือนจะไม่ใช่เรื่องยากเลยสำหรับ จางจื้อหลิน ที่รับบทนำแสดงในเรื่องนี้ สิ่งที่แตกต่างจากภาพยนตร์จีนชุดเรื่องอื่นๆ ที่ผ่านมาของเขาก็คือเขาจะต้องรับบทที่ไม่สามารถสื่อสารกับตัวละครอื่นๆ ในเรื่องด้วย วาจา นั่นเอง ฉะนั้นบทบาทของ จางจื้อหลิน ในเรื่องนี้ถือได้ว่าเป็นบทที่ท้าทายความสามารถของเขาไม่น้อย นับตั้งแต่การแสดงออกของตัวละครที่ไม่สามารถสื่อสารกันได้ด้วยวาจา ดังนั้นเขาจึงต้องทำการบ้านอย่างหนักด้วยการศึกษาภาษามือ เพื่อนำมาใช้ในการแสดง ประการที่สองเขาจะต้องสื่อสารกับตัวละครอื่นๆ โดยการเน้นหนักด้านภาษากายและอารมณ์มากยิ่งขึ้นกว่าเรื่องที่ผ่านมา ส่วนประการสุดท้ายในเรื่องการการแสดงความรู้สึกด้านความรักที่แตกต่างกันที่มีให้กับตัวละครในเรื่อง สำหรับประการหลังสุดคงไม่ใช่เรื่องยากสำหรับ จางจื้อหลิน เพราะคงเคยมีประสบการณ์จากการแสดงเรื่องอื่นที่ผ่านมา เพียงแค่เน้นหนักในด้านการแสดงอารมณ์ทั้งหมดแทนที่จะใช้การแสดงออกด้าน วาจา ด้วย ทีนี้เราคงต้องมาพิจารณาแต่ละข้อข้างต้นว่า พัฒนาการด้านการแสดงของจางจื้อหลิน เป็นอย่างไร



ประการแรก: แน่นอนสำหรับบท เหวินชู ที่ จางจื้อหลิน ต้องแสดงนั้นเกือบทั้งเรื่องเขาไม่สามารถใช้บทพูดช่วยได้เลย ดังนั้นถ้าจะให้เปรียบเทียบระดับการพัฒนาการแสดงจากเรื่องก่อนๆ ย่อมเป็นไปไม่ได้ แต่หากพูดถึงบทบาทของนักแสดงที่ได้รับในเรื่องนี้ อีกทั้งเป็นเรื่องแรกที่เขาเล่นเป็น คนใบ้ เขาก็สามารถแสดงได้ดีขนาดที่ว่าบท เหวินชู สามารถถูกกล่าวถึงได้อย่างมากมาย จึงนับได้ว่า จางจื้อหลิน เป็นนักแสดงที่เปี่ยมไปด้วยความสามารถ เข้าได้ถึงบทบาทการแสดงทุกประเภท เขาสามารถสวมบทคนไบ้ ที่เป็นคนใบ้จริงๆ ซึ่งบทบาททั่วไปที่คิดว่ายากแล้ว แต่บทนี้เขาไม่สามารถพูดได้ตลอดเกือบทั้งเรื่อง ซึ่งต้องใช้ความพยายามและสมาธิอย่างมากในการแยกโสตประสาทเพื่อสื่อสารทางการแสดง ไม่ว่าจะเป็นการใช้ภาษามือ ประกอบกับภาษากาย ในเวลาเดียวกัน หรือในบางครั้งที่ต้องผสมผสานสื่ออารมณ์เข้าร่วมด้วย เพื่อให้ผู้ชมเข้าใจถึงบทบาทในแต่ละตอนได้ ดังนั้นสำหรับบทบาทของ จางจื้อหลิน ในบท เหวินชู คงไม่มีอะไรที่ต้องพูดกันให้มากความเพราะก็ไม่รู้ว่าจะติติงอย่างไรดี แค่อยากเสริมว่าการแสดงของเขาในเรื่องนี้ นับได้ว่าเขาโชคดีที่ได้ร่วมแสดงกับ เสอซือมั่น ซึ่งเป็นคู่พระ-นางที่สามารถช่วยเกื้อหนุน หรือช่วยรับส่งบทได้ดี (มิเช่นนั้นผู้ชมคงไม่ถูกใจในการแสดง จนกระทั่งทั้งคู่ได้รับบทคู่กันในเรื่องอื่นๆ ถัดมาและยังดังเปรี้ยงป้างอีกต่างหาก)



ประการถัดมา: แน่นอนในเมื่อไม่สามารถ พูดได้ ก็ต้องใช้อวัยวะส่วนอื่นในร่างกายเพื่อช่วยในการสื่อสารให้ผู้อื่นได้รับรู้ นอกจากภาษามือ ก็ต้องมีภาษากาย ในบทของคนไบ้ไม่ว่าจะเป็น ความทะเล้น ความโอบอ้อมอารี หรืออุปนิสัยต่างๆ ของ เหวินชู ที่มีความรู้สึกอยากแสดงออกให้ผู้ชมรับรู้ในสภาวะที่แตกต่างกัน ยกตัวอย่างเช่น ตอนที่เขานึกขึ้นได้ว่ามีการวางระเบิด แต่ไม่สามารถบอกใครได้หรืออธิบายอย่างไรก็ไม่มีคนเข้าใจ เขาจึงต้องทำทุกวิถีทางเพื่อไม่ให้เกิดโศกนาฏกรรมขึ้น จนตนเองต้องรับเคราะห์แทน จุดนี้ถ้าพูดกันง่ายๆ คือ ขนาดคนที่สามารถพูดหรืออธิบายได้บางคนยังไม่สามารถกระทำได้อย่างที่เหวินชูกระทำ ตรงนี้บ่งบอกให้ผู้ชมรับรู้และเข้าถึงอุปนิสัยของ เหวินชู ได้ว่าเขาเป็นคนมีน้ำใจไม่ใช่กับแค่บุคคลในครอบครัวเท่านั้น แต่กระทั่งคนที่เพิ่งรู้จักกันเขาก็สามารถแสดงตนเป็นมิตรที่ดีกับทุกคนได้ หรือการแสดงออกถึงความรักที่มีให้กับเพื่อนที่เขาแสดงออก คงต้องไปชมกันเอาเองว่า เหวินชู ใช้วิธีการในการสื่อสารในแบบฉบับของจางจื้อหลิน ได้อย่างไร เพราะก็ไม่สามารถอธิบายถูกเช่นกัน เอาเป็นว่าเรื่องก่อนๆ ที่เขาเคยแสดงมา เขาแสดงได้ดีในระดับชั้นครูอยู่แล้ว แต่สำหรับเรื่องนี้คงต้องบอกได้ว่าถึงขั้นปรมาจารย์ก็ว่าได้ (จริงๆ ไม่ได้วิจารณ์กันแบบเข้าข้างนักแสดงคนใดคนหนึ่งโดยเฉพาะ เพียงแต่ผู้ชมก็ต้องพิจารณาดูว่าเขาสามารถแสดงได้ถึงบทบาทดีเพียงไร เพราะโดยปกติขนาดคนที่พูดได้ยังสื่อสารกันไม่รู้เรื่อง แต่นี่ คนใบ้ ก็สามารถสื่อสารออกมาให้รับรู้ได้ว่า ตอนใดเศร้า ตอนใดเสียใจ หรือผิดหวังเป็นต้น)



ประการสุดท้าย: บทระหว่างคู่พระ-นางของเรื่อง ซึ่งทั้ง จางจื้อหลิน และ เสอซือมั่น ที่สามารถสวมบทบาทถ่ายทอดรับส่งกันได้อย่างดี แต่บทหนักหน่อยก็คงไม่พ้น เหวินชู ที่พูดไม่ได้ บอกรักไม่ได้ สื่อให้ จินห่าว เข้าใจไม่ได้ว่า แท้จริงแล้วเขาก็รักเธอในแบบที่เธอรักเขา แต่ด้วยความที่ตนเองรู้ตัวว่าไม่เหมาะสมกับ จินห่าว ด้วยประการทั้งปวงก็ต้องหาวิธีการบอกใบ้ให้ จินห่าว รู้ถึงความรู้สึกที่(ไม่)แท้จริงนั้น ทำให้จินห่าวเข้าใจผิดในเวลาต่อมา จินห่าวเองก็พลาดตรงที่เป็นคนลังเลและไม่มั่นใจในความรู้สึกของตนเองทำให้เข้าใจได้ว่าเธอตัดสินใจผิดที่ใช้ชีวิตคู่กับ ซือถูหลี่ซิ่น ซึ่งถึงแม้ชีวิตคู่จะมีความสุข แต่ภายในใจเธอนั้นยังคงรักเหวินชูไม่เปลี่ยนแปลง ดังที่เธอสื่อออกมาด้วยการใช้นกหวีดเป่า 3 จังหวะในความหมายว่า ฉันรักเธอ นั่นเอง จะเห็นว่าทั้งสองมีความผูกพันกันมากเพียงไร ถึงแม้บทสรุปของเรื่องจะออกมาแบบไม่เป็นที่ชื่นชอบของผู้ชมหลายๆ ท่าน เพราะถ้าหากทั้งคู่แสดงได้ไม่ดีและไม่เป็นที่ชื่นชอบแล้วละก็ ผู้ชมส่วนใหญ่คงไม่ถึงขนาดไม่ชอบใจจินห่าว ที่เลือก หลี่ซิ่น แทน เหวินชู ซึ่งตรงนี้ทั้งคู่ก็ต้องสามารถสื่อสารให้ผู้ชมทราบถึงความผูกพัน ความรักแบบพี่น้อง และแบบหนุ่มสาว ที่ทั้งคู่มีโดยก็ต้องมีการรับส่งบทในการแสดงกันเป็นอย่างดีถึงจะสื่อสารกันออกมาได้อย่างเข้าถึงตัวละครได้ดีอย่างที่เห็น



โดยรวมแล้วสำหรับเรื่อง หัวใจปรารถนา นั้นประทับใจในตัวบทละครมากกว่า ที่ทำให้คนดูต้องติดตามกันทุกตอน และบทส่งท้ายก็สื่อให้คิดได้หลายแง่มุม อีกทั้งไม่ได้สอนเค่เรื่องความรักของหนุ่มสาว แต่สอนถึงการใช้ชีวิตของ เหวินชู ว่าถึงเขาจะเป็นบุคคลที่มีปัญหาแต่เขาก็สามารถดำรงชีวิตอย่างปกติสุขได้ โดยไม่เดือดร้อนใคร ก็คงต้องแล้วแต่ผู้ชมเองว่าจะคิดไปในแง่ไหน ส่วนนักแสดงนำนั้นก็ต้องชื่นชมตรงที่ว่าสามารถสื่อสารให้ผู้ชมเข้าถึงบทบาทของตัวละครได้อย่างชัดเจน รวมทั้งผู้ชมยังอินกับบทละครทั้ง เศร้า เสียใจ สงสาร กดดัน หรืออีกหลายๆ สถานการณ์ที่เกิดขึ้นตามท้องเรื่อง มิเช่นนั้น หัวใจปรารถนา คงไม่สามารถสร้างชื่อให้กับนักแสดงนำคู่ใหม่อย่าง จางจื้อหลิน และ เสอซือมั่น จนมีแฟนคลับมากมาย เสียแต่ไม่เข้าใจตรงที่ว่า หัวใจปรารถนา ดังขนาดนี้ทำไมไม่มีผู้จัดทำรายใดคิดจะทำออกมาเป็นภาพยนตร์ชุดยอดนิยมสำหรับนักสะสมทั้งหลาย จนกระทั่งผู้ชมที่ไม่สามารถชมช่วงเวลาที่นำมาฉาย ณ ตอนนั้นต้องไขว่คว้าหาแผ่น(เถื่อน) กันเป็นว่าเล่น ก็รู้สึกเสียดายแทนผู้จัดทำที่ไม่มองถึงความต้องการของแฟนละครอย่างแท้จริง

Create and Credit by Phanit A. ….ซ้อจางงี้



บทวิจารณ์
โดยหลินกุเหนียง

หัวใจปรารถนา เป็นซีรี่ย์สากลของ tvb ที่จางจื้อหลินกลับมารับเล่นอีกครั้ง หลังจากไม่ต่อสัญญากับ tvb เรียกได้ว่าเป็นซีรี่ย์แนวดราม่าคุณภาพมากๆในชีวิตการแสดงของเขา บทคนไบ้พูดไม่ได้ต้องใช้ภาษามือสื่อออกมาให้คนดูเข้าใจและยังต้องแสดงอารมณ์ความรู้สึกทางสีหน้าท่าทาง อีกทั้งยังต้องจำบทได้อย่างแม่นยำ ทั้งสามอย่างจางจื้อหลินสามารถสื่อออกมาพร้อมกันได้อย่างยอดเยี่ยม แม้จะเป็นเพียงซีรี่ย์สากลเรื่องที่ 4 ของเขา เขาก็สามารถถ่ายทอดจิตวิญญาณของชายหนุ่มไบ้ผู้น่าสงสารออกมาได้ดีเกินความคาดหมาย ทุกอิริยาบถ ทุกอารมณ์ ความรู้สึก เขาสลัดคราบจางจื้อหลินสวมบทเป็นเหวินชู ชายหนุ่มพิการผู้น่าสงสารจนคนดูเรื่องนี้ต้องจดจำเขา และน้อยรายนักที่ดูเรื่องนี้แล้วจะไม่หลั่งน้ำตาเพื่อเขา เพราะเหวินชูในหัวใจปรารถนา ไม่ใช่จางจื้อหลิน แต่เป็นหนุ่มพิการน่าสงสาร แต่หัวใจของเขาไม่ได้พิการหรือมีปมด้อยอย่างที่เขาเป็น เขาคือชายหนุ่มจิตใจดีงามที่พร้อมจะให้ความรักแก่คนรอบข้างและพร้อมจะเสียสละให้แก่คนที่เขารัก จางจื้อหลินสวมบทนี้ได้อย่างกลมกลืนไม่มีที่ติสักนิดเดียว



นอกจากบทและการแสดงที่นักแสดงทุกคนต้องทำการบ้านเป็นอย่างดีแล้ว ในเรื่องนี้จางจื้อหลินยังต้องเพิ่มความสามารถพิเศษนั่นคือต้องจดจำภาษามือให้ได้อย่างแม่นยำ จึงไม่น่าแปลกใจที่เขาจะได้รับรางวัลนักแสดงนำเยี่ยมจากซีรี่ย์เรื่องนี้มาการันตรีความสามารถ พร้อมกับหัวใจปรารถนนาก็ได้รับรางวัลซีรี่ย์ยอดนิยมในปีเดียวกัน เพราะเป็นซีรี่ย์ที่กระชากเรทติ้งสูงที่สุดของ tvb ในขณะนั้นและส่งให้ชื่อเสียงของเขาเป็นที่รู้จักมากขึ้นกว่าเดิมในปี 2000 และนับแต่นี้จางจื้อหลินถือได้ว่าไม่มีบทไหนที่จะยากเกินความสามารถซึ่งเขาต้องหวั่นเกรงอีกแล้ว เราเชื่อว่าเขาสามารถทำได้ดีในบทที่ได้รับมอบหมาย และไม่ทำให้คนดูผิดหวังอย่างแท้จริง

วิจารณ์โดย หลินกุเหนียง



.................................

Wish You Well - Cheung Chilam
(Return of the Cuckoo Theme Song)


Listen, you don't have to call me
Although my heart is silent and heavy with burden
It's hard because I can't say this love will not be fulfilled
My mouth and heart is locked tightly
Look, you don't have to say another word
I'm afraid I will hurt you for the rest of your life
All I can do is be thankful that I met you
But I gave you too many sorrows
I rather not hold you and grow old with you
I'm letting you go find another while you stay in my heart
If you happen to find someone better than me
I will wish you both happiness from a safe distance
Even if I might not be able to say it out loud
Speak, there are just too many words I want to say
But I have to leave and say goodbye
To lose myself in this big ocean sky
I only need you to stay as pure as snow


แปลไทยโดย iamtomtam

ฟังนะ เธอไม่จำเป็นต้องเรียกหาฉัน
แม้ว่าหัวใจของฉันนั้นจะเงียบสงบ แต่มันมีบางอย่างซ่อนเร้นอยู่
ช่างลำบากใจเหลือเกิน ที่ฉันไม่สามารถจะเอ่ยคำว่ารักออกมาได้
เพราะว่าปากกับหัวใจของฉันนั้นมันถูกปิดสนิท
ดูนะ เธอไม่จำเป็นต้องพูดอะไรทั้งนั้น
เพราะฉันไม่อาจจะทำลายอนาคตที่สดใสของเธอได้
สิ่งเดียวที่ฉันทำได้ คือ ขอบคุณที่เราได้พบกัน
แต่ฉัน กลับทำให้เธอผิดหวังเรื่อยมา
ดังนั้น ฉันไม่อาจจะกอดเธอเอาไว้ตลอดไปได้
ฉันควรจะปล่อยให้เธอได้พบกับคนที่ดี และเก็บเธอเอาไว้ในใจของฉัน
หากเธอพบใครที่ดีกว่าฉัน
ฉันหวังว่า เธอทั้งสองจะมีความสุขและรักกันตลอดไป
แม้ว่าฉันจะไม่สามารถพูดมันออกมาได้ก็ตาม
พูดสิ มีสิ่งที่ฉันต้องการบอกเธอมากมาย
แต่ในที่สุดฉันก้อจำต้องกล่าวลา และจากเธอไป
ฉันขอยอมแพ้ต่อท้องฟ้าอันกว้างใหญ่สีครามแห่งนี้
และหวังให้เธอได้อยู่อย่างสดใสเหมือนดั่งหิมะสีขาว…ตลอดไป





Create Date :30 กันยายน 2549 Last Update :12 ตุลาคม 2549 23:23:55 น. Counter : Pageviews. Comments :5