ร่างต้นแห่งความฝัน
Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2552
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
1 พฤษภาคม 2552
 
All Blogs
 
11.09.2001

คิดอยู่ก็หลายเพลาว่าจะเอาไงดี ในที่สุดก็ตัดสินใจว่าจะเขียน เพราะไหนๆ ก็ต่อเนื่องมาจากกระทู้ ไข้หวัดหมูแล้ว นี่คือ รายละเอียดที่แท้จริงของ 9/11 เท่าที่ผมมี และสืบค้น เสาะหามาได้

อย่าเชื่อ อ่านแล้วพิจารณาหาคำตอบที่เหลือด้วยครับ

ถ้าผมบอกว่า 9/11 คือความบัดซบต่อเนื่องจากวิกฤติการเงินในปี 2540 คุณคิดว่า?

วิกฤตปี 40 คือยุทธวิธีของกลุ่มนายทุนที่ควบคุมระบบเศรษฐกิจโลกอยู่ในสมัยนั้น นั่นก็คือ พวกนายทุน นักลงทุน เจ้าของกิจการรวมไปถึงสถาบันการเงิน รวมไปถึงบริษัทประกันชีวิตหลายแห่ง ต่างรู้เห็นเป็นใจ เพื่อ "ง้าง" เอเซียให้พวกเขาสามารถเข้าครอบครอง เพราะคนกลุ่มนี้คิดอยู่เพียงอย่างเดียว คือ กำไร ทุกอย่างต้องขายได้ และต้องมีกำไร เท่านั้น

แต่อนิจจา......ภารกิจชีวิต ในครั้งนั้น ไม่สำเร็จ เพราะเอเซียดันฟื้นเร็ว และไม่ล้มท้ังระบบเหมือนอย่างที่พวกเขาคาดหวังไว้ เพราะ สังคมคนเอเชีย มีความแตกต่างจากทุนนิยมสมบูรณ์อยู่อย่างนึ่งคือ เราเป็นสังคมกลุ่มย่อยและพึ่งพาอาศัยกัน ดังนั้น การช่วยเหลือ ซึ่งกันและกันก็เลยช่วยให้รอดเร็ว และอีกอย่างหนึ่งคือ

เขาคิดผิดที่ทำลายระบบเงิน เพราะ เอเซีย ไม่ได้ตั้งฐานที่ระบบเงิน แต่ฐานอยู่ที่การท่องเที่ยว ดังนั้น การท่องเที่ยว และการช่วยเหลือกันในกลุ่มย่อย คือยาขับพิษ

แต่คนกลุ่มนี้ซึ่งมีอยู่ไม่กี่พันคน ก็ไม่หยุด เพราะพวกเข้ารู้แล้วว่า อะไรคือฐานของเอเซีย เค้าจึงจำเป็นต้องทำลายจุดนั้น และก็เพราะ ฐานของพวกเค้าก็อยู่ใน กิจการท่องเที่ยว เช่นกัน ดังนั้น หลังจากวิกฤติครั้งนั้น ผ่านไป พวกนายทุนต่างก็เข้ายึดครอง "ที่ดิน" แล้วก้ปรับปรุงพัฒนาให้เป็น โรงแรม รีสอร์ท แหล่งท่องเที่ยวฟุ้งเฟ้อ เพ่ิมมากขึ้น แต่.....

คนเอเซีย ก็ยังแข็งแกร่งอยู่ เพราะ กิจการการท่องเที่ยวนั้น ยังมีสัดส่วนการเป็นหนี้น้อยมาก เพราะการเกิดของกิจการขนาดกลางและเล็ก ทั้ง โรงแรม รีสอร์ท และอื่นๆ และหลายๆ กิจการ ดันเป็น "กิจการกงสี" นี่คือสิ่งที่นายทุน ไม่เข้าใจ ไม่รู้จัก

เขาก็จำเป็นต้องยึดตรงนี้ให้ได้ เข้าก็เลยคิดจะทำให้คนเอเซีย ซึ่งมีอยู่กระจัดกระจายทั่วโลก กลายเป็น "ผู้ร้าย" จะได้ชูประเด็นสงคราม ใช้ ตะวันออกกลางเป็นฐาน แล้วก็ไล่เข้ามาเอเซีย และเรื่องนี้ ไอ้บุช มันรู้เรื่อง และมันเล่นด้วย แต่.....

ผมเรียนไว้แล้วว่า มันคือละครผิดคิว
เพราะกลุ่มนายทุนไม่รอให้เกิดสงคราม เพราะมันนานเกินไป เงินของพวกเขาขาดช่วง การยึดครองพื้นที่ต่างๆ เริ่มช้าลง สิ่งที่พวกเขาต้องการคือ ทำให้กิจการการท่องเที่ยวในเอเซีย พังพินาศ จะได้เกิดการฟื้นฟู และนั่นหมายถึง "การกู้เงิน" เพื่อให้คนในกลุ่มการท่องเที่ยว "ติดหนี้" ทั้งชีวิต ติดหนี้ตลอดไป และมันจะอยู่เพียงระยะหนึ่ง เพราะเขาเตรียม "โรคซาร์ส" ไว้บดต่ออยู่แล้ว เขารอไม่ไหว เขาก็เลย "ชิงลงมือก่อน" และแน่นอนครับ เหตุการณ์ 9/11 คือเหตุการณ์ที่ว่า และ ไอ้บุชเองก็ตกใจรับไม่ได้ เพราะ

หลังจากเกิดเหตุการณ์วันนั้น แทนที่เอเซียจะพัง กลับไม่โดนอะไรเลย กลับกลายเป็นว่ากลุ่มกิจการของอเมริกา และยุโรป โดยเฉพาะกิจการที่พวกเขามีผลประโยชน์ต่างหากที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง โดยเฉพาะกิจการการบิน ทำให้ตั้งแต่ 9/11 จนวันนี้ กิจการการบิน ไม่สามารถโผล่ขึ้นมาเหนือน้ำเพื่อหายใจได้เลยแม้แต่วินาทีเดียว ทุกองค์กร เต็มไปด้วยหนี้สินล้นพ้นตัว ทุกสายการบินต้องหันมาแข่งขันด้านราคากันอย่างรุนแรง คุณภาพ มาตรฐาน ลดลงอย่างเห็นได้ชัด และหนี้สินต่างๆ ทำให้ กลุ่มทุนที่ว่านี้ ต้องควักตัวเลขของพวกเขาเข้าช่วย เพราะ ไอ้บุช สั่งให้ช่วย ไม่ช่วย บุชจะเล่นให้หัวทิ่ม สุดท้าย เค้าก้ไม่มีตัวเลขเหลือเพียงพอที่จะเอาไปปั่นออกมาเป็นเงิน

พวกเค้าเลยต้องเร่งเอา "ซาร์ส" ออกมาทั้งๆ ที่กะไว้ว่า จะทิ้งระยะไว้ซัก 5 -7 ปี ค่อยเอาออกมา เพราะ ประเด็นโรคร้อน มันยังไม่ชัดเจน และพอเขาเอา "ซาร์ส" ออกมา อ้อ ทำไมมีชื่อว่า "ซาร์ส" ก็เพราะมันอ่านออกเสียงเดียวกับ Tzar ซึ่งแปลว่า "กษัตริย์" ไงครับ

พอ "ซาร์ส" เดินเครื่อง แน่นอนครั้งนี้ การท่องเที่ยวเอเซียพินาศย่อยยับตามที่เข้าต้องการ หลังจากเหตุการณ์นี้ กิจการการท่องเที่ยวของเอเซีย เกือบหมด ต้องกู้เงินเพิ่ม บางแห่งต้องขายกิจการ และแน่นอนว่าพวกเขานั่นแหล่ะเข้ามาซื้อต่อ นอกจากนั้น เค้าก็ส่ง "ไวรัส" ที่ทำลายระบบกิจการการท่องเที่ยวในที่อื่นๆ ไปแล้วเข้ามานั่นคือ "บัตรเครดิต"

กลุ่มนายทุนครอบครองระบบเศรษฐกิจได้อย่างสมบูรณ์จนถึงวันที่ 4 พฤศจิกายน ปีที่แล้ว

นั่นคือวันสุดท้าย ณ ตอนนี้ สมาชิกในกลุ่มนี้ทั้งหมด โดนปืนจ่อหัว บังคับให้ทำในสิ่งที่ Change สั่งให้ทำ หลายๆ คนที่ขัดขืนก็ตายไป หลายๆ คนต้องโดนดำเนินคดี ถ้าทุกคนตามข่าว จะเห็น ไอ้เฒ่า Mardoff นั่นคือ หนึ่งในกลุ่มนี้ สำหรับคนที่ยอม เช่น บิลล์ เกตต์ส ที่ยอมให้ยึดทรัพย์สินทั้งหมดเอามาตั้งมูลนิธิ แต่ เกตต์ส ไม่มีสิทธิใช้เงินของตัวเอง เพราะต้องเอาไปให้ประชาชนหมด เช่นเดียวกับ วอร์เรน บัฟเฟตส์ ที่เอาทรัพย์สินทั้งหมดให้กับ มูลนิธิของเกตตส์ เพราะถ้าเค้าทำ เค้าก็ยังรอด พอเหลือเงินดำรงชีวิต แต่ถ้าไม่ทำ ก็ตายยกครัว และมันจะมีอีกครับ รวมไปถึงคนที่เล่นหุ้น ลงทุนในกองทุนทั้งหลายทั้งปวง ตอนนี้พวกคุณหนีไม่ทันแล้ว คุณจำเป็นต้องรับผลที่จะเกิดขึ้น

ถ้าคุณสังเกตุดูนะครับ ตั้งแต่วันที่ 4 พฤศจิกายนเป็นต้นมา ไม่มีการเข้าซื้อกิจการอะไรเลย แม้แต่กิจการการบิน หรือ กิจการการท่องเที่ยว ในขณะเดียวกันก็ไม่มีการช่วยเหลือ หรือการขอความช่วยเหลือ หรือขอกู้เงิน จากกิจการการท่องเที่ยวในประเทศไหนเลยแม้แต่ "การงาบ" หรือการควบรวมกิจการ ทุกอย่างเงียบกริบจนวันนี้ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านั้น ไอ้โน่นซื้อนี่ ไอ้นี่จะควบไอ้นั่น มั่วไปหมด ปั่นตัวเองจนตาลายเพื่อหนีตาย แต่พอตอนนี้ มันสายไป

และทุกครั้งหลังจากที่ พี่เข้ม แถลงข่าวอย่างเป็นทางการ ที่ผ่านมาประมาณ 3-4 ครั้ง มันจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้นทันที เช่นครั้งล่าสุด เมื่อสานนี้ ผมถอดประเด็นมาให้เลย

พี่เข้ม พูดถึงเรื่องสงคราม ใช้คำว่า War ตลอด แม้แต่เรื่อง Health หรือสุขภาพ ใช้คำว่า Commander of ตลอดเมื่อพูดถึงหน้าที่ หรือสิ่งที่จะต้องทำ เช่น Commander of economics recovery หรือ Commander of health problems และใช้คำว่า Operation เมื่อพูดถึงว่าจะทำอะไร

ทำไม พี่เข้ม ใช้คำลักษณะอย่างนี้

ก็เพราะการแถลงข่าวนั้น คือ การประกาศเริ่มต้นสงครามโลกครั้งที่ 3 ไปแล้วน่ะซิครับ เพราะ พี่เข้มพูดช่วงหนึ่งว่า เขาไม่อยากเป็นนายธนาคารซะเอง หรือเป็นเจ้าของบริษัทผลิตรถยนต์เอง แต่เขาทำเพื่อให้ "คนที่มีสิทธิ และเหมาะสมมาทำหน้าที่นี้ต่างหาก" เพราะตอนนี้ ระบบการเงินโลกอยู่ในมือ พี่เข้ม เกลี้ยงกริ๊บ มันคือต้นทางของระบบเศรษฐกิจ และ ปลายทาง คือ การท่องเที่ยวของโลก พินาศสันตะโร ดังนั้น หัวครบ หางครบ ก็เอาพร้าฟันซีทีนี้

เป้าหมายต่อไป คือ บริษัทยา, เวชภัณฑ์, อุปกรณ์ เครื่องมือแพทย์ และ....และ....และ
บริษัทประกัน.........

สงครามชุดแรก คือ Health ไงครับ ก็ ไข้หวัดสายพันธ์ตื่นตูม ไง
Health ก็คือสุขภาพ สุขภาพ ก็คือ ชีวิต ใช่ป่าวล่ะ

และเมื่อพี่เข้ม ส่งสัญญาณไปแล้ว คุณเห็นข่าวมั้ย เรื่องที่นานาประเทศต่างประกาศเรื่องไข้หวัดบ้านี่ หลังจากพี่เข้ม แถลงข่าวเพียง 9 ชั่วโมงครึ่งแล้วประกาศอย่างเป็นทางการด้วย มันมีนัยยะอยู่ 2 ข้อ คือ

หนึ่งรับทราบ ยอมรับในการเข้าร่วมสงครามครั้งนี้ เพราะเดือดร้อนจาก "ไวรัสทุนนิยม" เหมือนกัน
สองคือ ประเทศของตนพร้อมรับมือ

และถ้าคุณลองไปอ่านข่าวย้อนหลังตั้งกะวันที่ พี่เข้ม ออกแผนกระตุ้นเศรษฐกิจ เรื่องโบนัสผู้บริหาร เรื่อยมาจนเรื่อง Cooperation และเรื่อง Press Commander (อันนี้เป้นคำศัพท์ของเพื่อนๆ สื่อมวลชนของผม ที่เค้าจะใช้ตลอด หากเป็นการแถลงข่าวของ พี่เข้ม) ในครั้งนี้

ไม่มีประเทศที่ตอบรับเรื่องในครั้งต่างๆ ที่ "ซ้ำกัน" เลย และถ้าไปดูรายละเอียดจะเห็นเลยว่า ครบทุกประเทศบนโลก ยกเว้น

อังกฤษ ฝรั่งเศส และเยอรมัน ที่เหลือครบ สำหรับไทยก้คือ การไปร่วมงานที่ดาวอซ และการประชุม G20 นั่นแหล่ะครับ

ขอต้อนรับทุกท่านเข้าสู่ Change Revolution ครับ



Create Date : 01 พฤษภาคม 2552
Last Update : 27 มกราคม 2553 23:12:33 น. 1 comments
Counter : 730 Pageviews.

 
Very interesting ka. I don't have any doubt that those conspiracy is true.


โดย: Lilac Girl วันที่: 2 พฤษภาคม 2552 เวลา:1:31:33 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

เด็กคน
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




Friends' blogs
[Add เด็กคน's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.