Bloggang.com : จูล่งฝ่าทัพ_รับอาเต๊า : เปิดบัญชี ยากไหม ??

พฤศจิกายน 2553

	1	2	3	4	5	6
7	8	9	10	11	12	13
14	15	16	17	18	19	20
21	22	23	24	25	26	27
28	29	30

17 พฤศจิกายน 2553

เปิดบัญชี ยากไหม ??

ที่มานะครับ //www.soccersuck.com/soccer/viewtopic.php?t=348614

ผู้ตั้งคือ Extream Aggressor

ตามไปชมคนเขียนได้ที่นั่นนะครับ
พอดีผมไม่ได้เป็นสมาชิกเวปนั้นครับ

เปิดบัญชี ยากไหม ??

เนื่องจาก ชมรมนี้ มีคนที่ัยังไม่เคยเปิดบัญชี ซื้อขายหุ้น สนใจ
อยู่จำนวนหนึ่ง ผมในฐานะที่เคยทำงานเป็น เจ้าหน้าที่การตลาด
ซึ่งเป็นคนแรกที่ลูกค้าจะได้พูดคุยก่อนการเปิดบัญชีซื้อขายหุ้น

และปัจจุบัน ทำงานตรวจสอบความเสี่ยง และความครบถ้วนของการ
เปิดบัญชีซื้อขายหุ้น รวมถึงตรวจการทุจริตต่อลูกค้า หรือลูกค้าทุจริต
ต่อบริษัท ซึ่งจะมีเกร็ดเล็กเกร็ดน้อย มาแบ่งปัน

ก็จะพยายามเขียนให้ครอบคลุมทุกๆ หัวข้อ ที่คนเล่นหุ้นมือใหม่
ควรรู้ ทั้งกลโกงที่อาจจะต้องระวังต่างๆ

ส่วนในเรื่องการลงทุน การประเมินมูลค่าหุ้น ฯลฯ
ผมให้อยู่คนละเรื่องกับ เรื่องนี้ครับ อันนั้นผมเองคงไม่มีปัญญาไปสอนใคร
เพราะไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญ

..........................................................................................

ใคร ?? คือผู้ที่สามารถเปิดบัญชีซื้อขายหุ้นได้

คำตอบ

ทุกๆ คน ซึ่ง คำว่าทุกๆ คนนี้ หมายถึง ทุกคนจริงๆ ครับ
หากท่านจินตนาการไม่ออก ให้ลองคิดว่า ใครบ้าง ที่สามารถ
มีบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ กับธนาคารพาณิชย์ได้

ก็คนเหล่านั้นนั่นเอง ที่สามารถ มีบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ได้

จากประสบการณ์ ผมเคยเห็นเด็กอายุ 14 (ยังไม่ทำบัตรประชาชน)
มาเปิดบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ โดย มี มารดา เป็นผู้เซ็นชื่อ
กำกับในเอกสารสำคัญ เช่น สัญญาแต่งตั้งนายหน้าฯ ต่างๆ
(เด็กคนนี้ มีหุ้นในพอร์ต ราวๆ 32 ล้านบาท)

นอกจากนี้ นักเรียน นักศึกษาในช่วงอายุ 18 - 22 ปี ก็สนใจ
เปิดบัญชีซื้อขายหุ้นกันมากขึ้น

....................................................................................................

จะเปิดบัญชี ต้องมีอะไรบ้าง ??

คำตอบ

เอกสารสำคัญในการเปิดบัญชี (ไม่รวมเงินที่จะมาลงทุน) คือ

1 ) บัตรประจำตัวประชาชน สาเหตุ เพราะ มันเป็นหลักฐานแสดงตัวตน
ของบุคคลตามกฎหมาย ซึ่งใช้ในธุรกรรมกับสถาบันการเงินทุกประเภท
และ เป็นไปตามกฎหมายป้องกันการฟอกเงิน ว่าด้วย กระบวนการรู้จัก
ลูกค้า และยืนยันตัวตนของลูกค้า (KYC/CDD) ซึ่งเป็นมาตรฐานสากล

จากปรสบการณ์ของผม การทุจริตใดๆ ที่จะส่งผลเสียกับเรา เริ่มต้นจาก
สำเนาบัตรประชาชนทั้งสิ้น การทำ Workshop กับ หน่วยงานของทางการ
ให้ข้อสรุป ก็คือ ลูกค้า มักไว้ใจ เจ้าหน้าที่การตลาด มากเกินไป
และเห็นแก่ความสะดวกรวดเร็วมากเกินไป ทำให้ ชอบทิ้งสำเนาบัตรฯ
ไว้กับ เจ้าหน้าที่การตลาด หลายๆ ใบ ไม่มีการขีดคร่อม ไม่เซ็นกำกับ
ซึ่งเป็นความเสี่ยงอย่างที่สุด สำหรับเจ้าของบัญชี ซึ่งเจ้าหน้าที่การตลาด
สามารถใช้ประโยชน์จากเอกสารใบเดียวนี้ได้อย่างมากมายมหาศาล
จนท่านคิดไม่ถึง ซึ่งผมจะนำมาเล่าให้ฟังในโอกาสต่อๆ ไปครับ

ดังนั้น ควรรักษา บัตรประชาชนของท่านให้ดีครับ

2 ) สำเนาหน้าสมุดเงินฝาก เนื่องจาก ตลาดหลักทรัพย์ฯ กำหนดให้
ลูกค้าทุกรายของทุกบริษัทหลักทรัพย์ ชำระเงินผ่านระบบ ATS หรือ
ระบบหักบัญชีเงินฝากอัตโนมัติ (บังคับให้ต้องทำ) ระหว่างที่รอธนาคาร
อนุมัติการหักบัญชี จะเป็นระบบการโอนเงิน / เช็ค ไปก่อนชั่วคราว
ในมุมมองของผู้ตรวจสอบ การที่ลูกค้าหลีกเลี่ยงไม่ตัดเงินผ่าน
ATS ถือเป็นความเสี่ยงในการทำูธุรกรรม ที่เกี่ยวกับการฟอกเงิน
เพราะฉะนั้น ลูกค้าที่มีประวัติ ไม่ชำระผ่าน ATS บ่อยๆ จะถูกเพ่งเล็ง
ทั้งจากฝ่ายตรวจสอบ และจากหน่วยงานของทางการ ครับ

........................................................................................................

ข้างต้นเป็นเอกสารสำคัญทางฝั่งเรา ส่วนทางฝั่ง บริษัทหลักทรัพย์ หรือ
โบรกเกอร์ฯ หรือ บล. (ผมจะเรียกย่อๆ) ก็มีอยู่ 3 - 4 รายการ ได้แก่

1 ) แบบคำขอเปิดบัญชี ที่เราต้องกรอกรายละเอียดทั้งหมด และเซ็นชื่อ
2 ) สัญญาแต่งตั้งตัวแทนนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ เราเซ็นชื่อ และจ่าย
ค่าอากรสแตมป์ 30 บาท
3 ) บัตรตัวอย่างลายเซ็น เราเซ็น 2 จุด เหมือนของธนาคาร
4 ) อื่นๆ เช่น ใบคำขอตัด ATS (ส่งให้ธนาคาร) หนังสือมอบอำนาจ

.......................................................................................................

สำหรับเอกสารแสดงฐานะการเงิน เช่น สลิปเงินเดือน , รายการเดินบัญชี
และ เอกสารแสดงความมั่งคั่งอื่นๆ จะใช้ ก็ต่อเมื่อท่านเปิดบัญชีแบบ
มีวงเงินครับ

การมีวงเงิน สะดวกในทางหนึ่ง แต่ ก็เสี่ยงในทางหนึ่ง เนื่องจาก
เจ้าหน้าที่การตลาด สามารถหาช่องทางทุจริตจากบัญชีที่ไม่ค่อยมีการ
ซื้อขาย และเจ้าของบัญชีทิ้งหุ้นไว้ในพอร์ตนานๆ

หากท่านไม่คิด จะซื้อขายบ่อยๆ ผมแนะนำให้เปิดบัญชีอีกประเภทหนึ่งครับ

บัญชีนั้นเรียกว่า Cash Balance ยิ่งถ้าเปิดเป็น Internet Cash Balance
คือ ท่านส่งคำสั่งเองผ่านอินเทอร์เน็ต จะเสียค่าคอมฯ ต่ำสุด (0.15%)

โดยบัญชีข้างต้น จะตั้งวงเงินท่านเป็น ศูนย์ เมื่อท่านโอนเงินเข้าไป
สมมติว่า 100,000 บาท และแจ้งการโอนเงินต่อฝ่ายชำระราคา
ท่านจะได้รับวงเงิน 100,000 บาท ตามที่ท่านโอนเข้ามา เมื่อซื้อหุ้นไปแล้ว
เหลือเงิน เงินสดจะถูกเก็บไว้ในบัญชีของท่าน และได้รับดอกเบี้ย
(ต่ำกว่า เงินฝากออมทรัพย์ของธนาคาร)

.........................................................................................................

จะเปิดบัญชี ต้องเดินทางไปโบรกฯ ไหม ?

คำตอบ

ไม่จำเป็นครับ โบรกฯ ส่วนใหญ่ มีการเิปิดช่องทาง สำหรับลูกค้าที่จะเปิด
บัญชีแบบ Internet โดยลูกค้าไม่ต้องไปที่บริษัท

แม้ว่า กฎหมายฟอกเงิน จะกำหนดให้ โบรกฯ ต้องพบหน้าลูกค้า
แต่มีข้อยกเว้น ถ้าลูกค้าเปิดบัญชี Cash Balance หรือ มีวงเงินต่ำกว่า 5 ล้าน

แต่หากวันนึงท่านรวยขึ้นมา มีหุ้นในบัญชีซัก 5 ล้านขึ้นไป
ก็อาจจะมีจดหมายมาขอให้ท่านกรอกข้อมูล และเซ็นชื่อรับรอง
ก็อย่าแปลกใจไป เป็นขั้นตอนปกติของการดำเนินการรู้จักลูกค้า (KYC)

รายชื่อโบรกฯ ท่านสามารถเข้าไปไล่หาได้ตามเว็บไซต์ของ

ตลาดหลักทรัพย์ฯ
//www.set.or.th

Settrade (บริษัทย่อยของตลาดหลักทรัพย์ฯ)
//www.settrade.com

สำนักงาน กลต.
//www.sec.or.th

ส่วนมาก ธนาคาร มีบริษัทลูกเป็นโบรกเกอร์ แทบทั้งสิ้นครับ
สอบถามที่เคาน์เตอร์ธนาคารบางแห่ง เขาขาย Croos Product
เช่น ไทยพาณิชย์ , กสิกรไทย , กรุงไทย เป็นต้น

Create Date : 17 พฤศจิกายน 2553

Last Update : 17 พฤศจิกายน 2553 13:07:13 น.

0 comments

Counter : 342 Pageviews.