วันนี้ตื่นนอน..ตอน 5 โมงเย็น (ถ้าไม่มานั่งเขียนบล็อก จะได้นอนเร็วขึ้นนะ ) ก็ไปงานตามแผน ไปถึงประมาณทุ่มครึ่ง ไปดูเขาปิดบูธ..ตามเคย
เสียเงินจุดแรก เมื่อแวะซื้อลาฟลอร่า 9 เล่มล่าสุดให้หลานจากโซน D แล้วก็ตรงไปบูธศิลปากร
ที่ศิลปากร (ไปงานมาสี่ครั้ง ในที่สุดก็ถึงบูธนี้ซะที 555) เห็นหนังสือ "ชมกรุงรัตนโกสินทร์" ที่ตีพิมพ์ในวาระกรุงเทพครบรอบ 200 ปี ขายเล่มละ 270 บาท อยากได้ตะหงิดๆ
เพราะ...
...ตอนเด็กๆ จขบ. ฉีกรูปจากหนังสือเล่มนี้ไปทำรายงานค่ะ
ขี่ช้างจับตั๊กแตนชัดๆ
คือ รูปประกอบเล่มนี้จัดว่าสวยมากเลยนะสำหรับสมัยโน้นนนนนน (ตอนนี้ก็ยังสวย)
แต่คิดๆ แล้วก็ผ่านไปก่อน กระเป๋าเงินเริ่มแฟ่บฟีบ ต้องยั้งมือหน่อย
ส่องต่อไป เห็นปกแข็งขุนช้างขุนแผน ฉบับหอสมุด 420 บาท (มาเดินบูธโซน C2 ก็ขายเท่ากัน) เห็นสามก๊กใส่กล่องอีกแบบด้วย จำไว้ก่อน
ละจาก Main Foyer เดินเข้าเพลนนารี่ฮอลล์
ตรงเข้าบูธมิวเซียมเพรส เพิ่งหาเจอวันนี้แหละ (วันนี้มีแผนที่แล้ว) ได้มาหลายเล่ม ดังนี้
ท่องทศชาติผ่านจิตรกรรม
ชุดนี้เห็นตั้งแต่สมัยได้เดินงานหนังสือประจำนู่น จำได้ว่าตอนออกใหม่เคยเปิดดูแล้วยังไม่ซื้อ เพราะเนื้อเรื่องเล่าแบบเบาๆ ในลักษณะจดหมายไปหาเพื่อน
วันนี้เห็นที่บูธเหลืออยู่ชุดเดียว ลองทำหน้าด้านใจกล้าขอลดดู คนขายใจดีลดให้จากราคาลดแล้วเดิม 288 เป็น 240 บาท เพราะปกเล่มนึงมันบานนิดหน่อย เนื้อหาชาดกแบบนำเสนอให้อ่านง่าย ภาพประกอบสี่สีทั้งเล่ม กระดาษอาบมัน สองเล่มครบชุด ไม่ซื้อก็บ้าแล้ว
...อา ช้าๆ ได้พร้าเล่มงามจริงๆ สินะ
เนื้อหาข้างในจะเป็นแบบนี้ค่ะ
ส่วนเล่ม จิตรกรรมเล่าเรื่อง วรรณคดีอมตะ นี้เพิ่งออกช่วงงานหนังสือนี่เอง แต่มีวางขายตามร้านหนังสือแล้ว และเป็นสาเหตุหลักที่จขบ. กระเสือกกระสนไปงานหนังสืออีก ทั้งที่ได้นิยายมาพออ่านแล้วตั้งแต่การเดิน 2 รอบแรก (รอบสามไม่นับ เพราะเดินหาบูธไม่ทันงานปิด)
ด้านขวาเป็นลักษณะการเล่าของเขา คือทำเป็นคล้ายการ์ตูนญี่ปุ่น ตัดเอาบางส่วนจากจิตรกรรมฝาผนังมา ถ้าเทียบกับ "ท่องทศชาติฯ" ชุดบนจะเป็นแค่การเอาภาพใหญ่มาประกอบเรื่องเฉยๆ ดังนั้น คิดว่าเล่มนี้น่าจะอ่านสนุกได้อารมณ์การ์ตูนมากกว่า (แตที่แน่ๆ คืออ่านเพลินทั้งสองแบบ)
ต่อจากนั้นจะเป็นเล่มที่เก็บตกจากบูธเดียวกัน ลองอ่านคร่าวๆ แล้วโอเคเลย
พระประวัติ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช (สา ปุสสเทโว) วัดราชประดิษสถิตมหาสีมาราม
ชื่อก็บอกตรงตัวว่าเป็นประวัติของสมเด็จพระสังฆราชองค์นี้ เนื้อหาช่วงแรกจะเล่าถึงความเก่งกาจของท่าน ตั้งแต่สมัยเป็นสามเณรว่าเป็นสามเณรเปรียญ 9 ประโยครูปแรก ภายหลัง ยังสอบพระประยัติธรรมถึงสองครั้งจนคนเรียกกันว่า "พระมหาสา 18 ประโยค" ต่อมาได้เป็นสมเด็จพระสังฆราชที่ว่ากันว่าฝีปากเทศน์เป็นเอก ได้รับความไว้วางพระราชหฤทัยจากรัชกาลที่ 4 อย่างไร ฯลฯ
เกร็ดน่าสนใจคือท่านเป็นผู้รวบรวมพระสูตรต่างๆ ซึ่งต่อมาก็ถูกนำมาจัดพิมพ์เป็นรูปเล่มเพื่อแจกแก่พระภิกษูสงฆ์ในคราวออกพระเมรุสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ (พระนางเรือล่ม) กับพระราชธิดา ซึ่งหนังสือเล่มนี้นับได้ว่าเป็นหนังสืออนุสรณ์งานศพเล่มแรกของไทย และเป็นหนังสือสวดมนต์ของไทยเล่มแรกที่ตีพิมพ์ในไทยด้วย
สมเด็จฯ องค์นี้ยังเป็นผู้นิพนธ์คาถาบนตราอาร์มหรือตราแผ่นดินประจำรัชกาลที่ 5 รวมถึงพระคาถาประจำศาลาว่าการกลาโหม (มีเนื้อหาการจัดตั้งกระทรวงกลาโหมด้วยในส่วนนี้)
เล่มนี้ราคา 100 บาท คนขายบอกว่าซื้อแล้วถือว่าทำบุญด้วยนะ เปิดดูหลังเล่มมีประกาศรับบริจาคโครงการบูรณะวัด จขบ. ก็ไม่ทันได้ถามเสียด้วยว่าค่าหนังสือช่วยทำบุญยังไง หรือคนมาฝากขายแล้วเอารายได้ไปทำบุญ?
เล่มต่อมาก็ซื้อเพราะช่วยทำบุญ (จริงๆ คือคนซื้อใจง่าย) ลองเปิดดูแล้วรู้สึกว่าสองเล่มนี้น่าอ่านคู่กัน
ราชประดิษฐ พิพิธบรรณ
ราคา..คิดว่าลดเหลือ 188 บาท แต่ไม่แน่ใจ ที่แน่ๆ คือไม่เกินสองร้อยบาท
เล่มนี้เป็นบทความหลายตอน นำเสนอเรื่องราวของวัดราชประดิษฐ์ฯ เป็นหมวดหมู่ ดังนี้
- หมวดประวัติ (เขียนโดย ม.ร.ว. แน่งน้อย ศักดิ์ศรี)
- หมวดประติมากรรม (มีสองส่วน โดยคุณพิชญา สุ่มจินดา และคุณศานติ-นวรัตน์ ภักดีคำ)
- หมวดสถาปัตยกรรม (มีสองส่วน โดย ม.ร.ว. แน่งน้อย ศักดิ์ศรี และคุณพิมพ์พร ไชยพร)
- หมวดจิตรกรรม (มีสองส่วน โดยคุณสุรชัย จงจิตงามและคุณฉัตรบงกช ศรีวัฒนสาร)
- หมวดศาสนวัตถุ (มีสองส่วน โดยคุณณัฏฐภัทร จันทวิช และคุณพิชญา สุ่มจินดา)
จขบ. เปิดอ่านดูนิดนึง คิดว่าเกร็ดที่เล่าในหมวดแรกอ่านเพลินดี หมวดโป๊ยเซียนมีประวัติโป๊ยเซียน..ก็อ่านสนุก แต่ธรรมดาไปหน่อย หมวดสถาปัตย์นี่เสียดายรูปไม่ใช่รูปสี เพราะจะเห็นความงามที่บรรยายถึงได้มากกว่านี้ แต่รูปที่ถ่ายมาเห็นลายตามบุษบกหรือเสาบัวแล้วก็คิดว่างามจริงๆ (ยิ่งทำให้อยากเห็นเป็นรูปสี)
..ยังอ่านไม่จบ คงเล่าได้คร่าวๆ แค่นี้
จากบูธเดิม ได้อีกสองเล่มตบท้าย
ช้าง เล่มหนึ่ง จั่วปกแบบนี้แต่ความจริงเขาแค่เล่นคำ หนังสือเล่มนี้มีเล่มเดียวค่ะ
เปิดดูแล้วพบว่าเป็นอะไรที่ช้างๆๆๆๆ มาก (ก็หนังสือช้างนี่ยะ) เริ่มตั้งแต่สาแหรกวงศ์ตระกูลช้างตั้งแต่ยุคดึกดำบรรพ์ มีภาพวาดประกอบว่าช้างสมัยดึกดำบรรพ์ต่างกันยังไง (ส่วนใหญ่คือเขี้ยวต่างกัน) จนปัจจุบันเหลือช้างอยู่แค่สองพันธุ์ คือช้างเอเชียกับช้างแอฟริกา ซึ่งแต่ละพันธุ์ก็แยกย่อยมาอีกนิดนึง มีรูปวาดประกอบเช่นเคย
จากนั้นก็เล่าเรื่องช้างกับมนุษย์ ช้างในศาสนา ช้างกับกษัตริย์ ...กรี๊ดมากกับหมวดนี้เพราะตอนอ่านช่วงแรกทำให้นึกถึงตำราช้างที่เคยไปเปิดดูเล่น ว่าด้วยลักษณะช้างที่คู่ควรกับกษัตริย์อะไรยังไง (แน่นอนว่าไม่ได้ซื้อมา เล่มเบ้อเริ่มสนใจอยู่ไม่กี่หน้า ซื้อทำไม) แถมยังมีรูปประกอบด้วย (แม้ว่าจะดูเหมือนกันหมด เปลี่ยนสีแค่นั้นเอง 555)
ยังอ่านไม่จบ แต่เนื้อหาก็ประมาณนี้แล
เบิกโรง ข้อพิจารณานาฏกรรมในสังคมไทย
จขบ. ไม่ถนัดหมวดนี้ค่ะ คิดว่าถ้าอ่านเล่มนี้น่าจะได้ภาพรวมตั้งแต่สังคมโขนละครสมัยเก่าไปจนถึงสมัยนี้
โดยส่วนตัวแล้ว อยากรู้สภาพสังคมพวกคนละครสมัยที่เขาได้เจ้านายชุบเลี้ยงกันว่าระบบเขาเป็นยังไง หวังว่าจะมีคำตอบในเล่มนี้
จบจากบูธมิวเซียมฯ ก็เดินไปบูธ a day
จขบ.: น้องคะ "เด็กชายหมายเลข 34" อยู่ไหนคะ?
คนขาย: หมดค่ะ ต้องหาซื้อตามร้านหนังสือแล้ว
...
...
คือ เค้าเล็งจะซื้อตั้งแต่ก่อนงานเป็นเดือนๆ เลยนะ เล่มที่เคยเจอตามร้านมันไม่เนี้ยบ รอมาซื้อในงานเพื่อเลือกสภาพ พอเห็นโปรโมชั่น (ซื้อเล่มเดียวลด 25% ซื้อคู่กับอีกเล่มลด 40%) ตอนนั้นดีใจมาก
จขบ. เข้าเพลนนารี่ทุกครั้งที่ไปงานรอบนี้ แต่บูธเขาอยู่ตรงจุดบอดจุดเดียว (เยื้องบูธแสงดาว) ที่ไม่ได้เดินผ่านเลย ไม่งั้นด้วยความกว้าง 3 คูหานี่ไม่มีทางหลงหูหลงตาเด็ดขาด
...เฮ้อ...
หลังจากนั้น รู้สึกดวงจะเริ่มตกค่ะ
*** ตรงนี้เป็นโซนบ่น ข้ามไปเลยค่ะถ้าไม่อยากอ่าน
(หมายเหตุ: เขียนส่วนนีทันทีที่กลับถึงบ้าน)
บูธสุดท้ายที่จขบ. เข้าคือสามสิบจตุจักร ใจคิดจะสอยนิยายออกใหม่มาอ่านสักหน่อย
เดินไปถามเรื่อง Cinderella Bloodhound ว่าเล่ม 2 มายัง ปรากฎว่ามาแล้ว
เจ๊ต๋อยบอกว่า 330 บาท เราก็ "หา!" เหลือบมองปกในมือ 350 เอง
ถามไถ่ไปมา..อ๋อ เล่ม 2 ปก 380 ขาย 330 / เล่ม 1 ปก 350 ขาย 300
(นิยายชุดนี้เขาไม่ลดเป็นเปอร์เซ็นต์ให้ แต่กำหนดราคาเป๊ะๆ)
ทีนี้ จขบ. คิดว่าคนขายพูดนะว่าสองเล่มคิด 600 ให้
เลยโทรไปถามเพื่อนที่รู้ว่าเขาจะซื้อ ว่าเอาไหม จะได้ซื้อด้วยกัน
เพื่อนก็ฝากซื้ออีกชุด
ก่อนคุยเรื่องซินเดอเรลล่าฯ จขบ. มีถามนำคำถามแรกเลยว่า "ซื้อกี่เล่มได้ลด 25%"
ซึ่งพอคุยเรื่องซินฯ จบ ยังยืนยันว่าถ้าซื้อซินแล้วเรื่องอื่นลด 25% นะ เจ๊ก็โอเค
ถามหานิยายคุณปราณธร แจ่มใส - ไม่มี
ถามหาแจ่มใสจีน - มีแต่เรื่องที่ซื้อไปแล้ว
ถามหานิยายคุณพงศกร - ไม่มี นิยายคุณวราภา - ไม่ได้เอามาขาย
โอเค สุดท้ายเลยได้ "พระจันทร์ลายดาว" ของคุณดวงตะวันไปเล่ม
คนขายลดให้ 20% แต่อันนี้เข้าใจ เพราะบูธคนเขียนเองลด 15% ได้เพิ่มอีกนิดเราก็โอแล้ว
จ่ายเงินเสร็จ เดินมาหน่อยก็โทรคุยกับเพื่อน เพื่อนถามว่าเขาให้ที่คั่นมาไหม
(ที่คั่นทวีสาส์นจะให้ส่วนลด 30% ต่อเล่ม ถ้าซื้อหนังสือทวีสาส์นครั้งหน้า -- แต่ต้องเป็นโลโก้พื้นขาวเท่านั้น โลโก้พื้นชมพูไม่ได้)
..เปิดดูเห็นที่คั่น 2 อัน เพื่อนก็ว่าซื้อตั้ง 5 เล่มทำไมให้แค่สอง
จขบ. ก็ว่า "ห้าที่ไหน หกย่ะ ฉันซื้อนิยายกลิ่นแก้วมาด้วย"
แต่..เอ๊ะ รื้อถุงดู นิยายกลิ่นแก้วเขาไม่ได้คิดเงินมานี่หว่า เลยวิ่งกลับไปซื้อเล่มนี้อีกรอบ
ระหว่างเดินไปป้ายรถเมล์ผ่านโรงงานยาสูบ มาคิดๆ แล้วตะหงิดใจ
จ่ายเงินไป 1530 บาท (ปัดเศษ 2 บาทให้)
นิยายดวงตะวัน ปก 340 บาท ลด 20% คิดคร่าวๆ ก็เหลือ 270
1530-270=1260
อ้าว ชุด Cinderella เขาคิด 630 บาท ไม่ได้ลดเพิ่มจากราคาที่บอกตอนแรกเลยนี่!
จขบ. พยายามทบทวนคิด คือ ยอมรับว่าตอนคุยกันก็คุยเรื่องโน้นเรื่องนี้ เราอาจจำผิด
แต่ถ้าจำผิด แล้วเราจะโทรไปหาเพื่อนทำไม (กลับรถเมล์นะ ใครจะไปแบกเพิ่มถ้าไม่ได้ดีลพิเศษ)
ยังคุยกับเพื่อนแล้วก็ทำตัวเป็นกระบอกเสียงถามโน่นนี่กับคนขายอยู่เลย
...ตรงนี้ทำให้เสียอารมณืไปนิดนึงแล้วค่ะ เพราะราคานี้คือเพื่อนเข้าใจผิดตามไปด้วย
ระหว่างนั่งรถ สังหรณ์ใจ..หยิบนิยายกลิ่นแก้วที่วิ่งไปซื้ออีกรอบมาดู จำได้ว่าจ่ายไป 230 กว่าๆ
ราคาปกคือ 290 บาท แสดงว่าลดให้ 20%
ทั้งๆ ที่คนขายรับปากแล้วว่า "ทุกเล่มนอกจากนั้นลดให้ 25%"
(กรณีนิยายดวงตะวันนี่เราถามแล้วเขาบอกว่าไม่ให้ เราเข้าใจ)
จขบ. ไปซื้อตอนงานปิดแล้ว (แต่ตอนคุยกันเขายังไม่คลุมผ้า) ไม่มีลูกค้าอื่นมาทำให้สับสนแน่
ตอนไปซื้อรอบสอง (ห่างกันไม่ถึง 5 นาที) เจ๊ต๋อยยังหันมามองหน้าเราเลย
เราก็บอกว่า "เมื่อกี้หยิบแล้วเจ๊ไม่ได้คิดเงิน"
หนังสือก็ของค่ายเขาเอง จะมาบอกว่าค่ายนี้ลดน้อยไม่ได้ เราตกลงกันไว้แล้วว่าลด 25%
เฟลค่ะ
เฟลเพิ่มเมื่อกลับมาคิดอีกที อ้าว นิยายกลิ่นแก้วที่อยากได้มันอีกเล่มนี่หว่า? (ขอเอาหัวโหม่งกำแพงทีเหอะ)
เฟลซ้ำกระหน่ำ เมื่อแวะลงข้างทาง สั่งส้มตำน้ำตก (คนละแผง) แล้วอีตาคนขายน้ำตกไม่ได้ทำให้ บอกว่า "นึกว่าพี่ไม่เอาแล้ว เห็นเดินผ่านไป"
..ฉันเดินไปกดเอทีเอ็ม แล้วก็เดินผ่านร้านไปเซเว่น แล้วก็เดินกลับมาเอาอาหารไง จะให้แบกเดินไปมาทำไม
รถเข็นอื่นก็กลับหมดแล้ว จะให้กินอะไรกับส้มตำล่ะเนี่ย?
เซ็งค่อดๆ ตอนนี้
* * * * * * * จบการบ่น * * * * *
หลังนั่งอ่านหนังสือที่ซื้อมา ใจเย็นขึ้น(นิดนึง)
ก็ยอมรับว่า ตัวเองขาดสติ ค่ะ ถ้าไม่รีบ หรือคิดเงินในหัวไปด้วย คงท้วงเขาได้เลย
แต่อีกใจนึงก็คิดว่าการที่เราต้องมานั่งคำนวณในใจกับการซื้อทุกครั้ง โดยเฉพาะในงานหนังสือ (ที่หนอนมักสติแตกเวลาช้อป) มันก็ไม่ถูกต้องยังไงไม่รู้
...จำไว้ละกัน โดยเฉพาะกับบูธนี้ คะแนนความเชื่อใจติดลบตอนนี้
สรุป ยังไม่ได้เข้ามติชน ยังไม่ได้ซื้อพวกแจ่มใส พิมพ์คำ (อารมณ์ตอนนี้แบบว่าช่างมันเหอะ ไว้ค่อยๆ หาละกันวุ้ย)
ไม่แน่อาจได้ไปงานอีกรอบ หวังว่าจะไม่เผลอไปซื้อปกแข็ง "โขน" 1600 บาท
ขันติ ขันติ ขันติ
ป.ล.
ซื้อนิยายของหัทยาวดีมาแล้ว (เย้) กับนิยายแปลอีกเล่มจากโซน C2 ลืมถ่ายรูปไว้
ป.ล.2
ข่าวน่าเจ็บใจสำหรับคนที่อาจซื้อบางเล่มต่อไปนี้มาแล้ว
- วีรบุรุษที่สาบสูญ และ บุตรแห่งเทพสมุทร เข้าร้านมือสองขณะเดียวกับที่จขบ.อยู่ในงาน
- บัลลังก์แห่งไฟ ก็เข้า
(จขบ. ไม่ได้ซื้อชุดที่เป็นเทพอียิปต์ ซื้อแต่ชุดกรีกโรมัน มันเข้าชุดที่ซื้อแล้วซะงั้น แง่ง)
ฝากเพื่อนซื้อ รวม 5 เล่ม คละหมวดกัน ยังไม่ได้หนังสือ