ยังคงติดเกมและเล่นเฟสมากกว่า อาจไม่ค่อยมาตอบคอมเม้นท์นะคะ

ยาคูลท์
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 30 คน [?]




ข้าพเจ้าเป็นสุข และเชื่อว่าใครก็ตามซึ่งมีรสนิยมในการอ่านหนังสือดี ย่อมสามารถทนต่อความเงียบเหงาในทุกแห่งได้ -- วาทะของท่านมหาตมะ คานธี


Book Archive by Group



หมายเหตุ: โซน Romance และ การ์ตูน ยังไม่ทำเพราะมีน้อย


Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2550
 
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
26 สิงหาคม 2550
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add ยาคูลท์'s blog to your web]
Links
 

 
Hide by Lisa Gardner

by Lisa Gardner
Paperback: 447 pages
Publisher: Bantam Books (August 2007)

คุณมีเหตุผลทุกอย่างที่จะกลัว...

มันเป็นคดีที่เกือบคร่าชีวิตนักสืบประจำกรมตำรวจแมสซาชูเซตส์ บ็อบบี้ ด็อดจ์ และเปลี่ยนชีวิตเขาไปตลอดกาล
ตอนนี้ การค้นพบสุดสยองในห้องใต้ดินปลุกฝันร้ายที่สุดของเขา...การกลับมาของฆาตกรที่เขาคิดว่าตายและถูกฝังไปแล้ว

เพื่อจับฆาตกรรายนี้ ด็อดจ์และอดีตคู่หูต้องตามเบาะแสที่ชักนำไปสู่หญิงอันตรายในอดีตของบ็อบบี้ ---สาวงามผู้รอดชีวิตเพื่อกลายเป็นผู้ล้างแค้น ซึ่งเกี่ยวพันกับหญิงลึกลับนามแอนนาเบล

คุณรู้ว่าเขาจะหาคุณพบ...

เท่าที่จำได้ แอนนาเบล เกรนเจอร์ หลบซ่อนมาโดยตลอด วัยเด็กของเธอเลือนรางไปกับการปลอมตัวมากมาย แต่เธอไม่เคยรู้ว่าครอบครัวเธอหลบหนีจากอะไร—หรือใคร
ตอนนี้ ศพหนึ่งถูกขุดขึ้นมาจากสุสาน สวมสร้อยคอที่มีชื่อแอนนาเบล และอันตรายเข้ามาใกล้เกินกว่าจะหนีได้

คราวนี้ เธอจะไม่หนี เพราะไม่มีที่ซ่อนเหลืออีกแล้ว และไม่มีใครที่เชื่อได้—นอกจากชายคนเดียวที่ตั้งใจจะยุติปริศนาอันน่ากลัวและมืดมิดที่สุดนี้

(แปลจากปกหลัง)

* * * * * * * *


รีวิวแบบไม่สปอยล์ :
เล่มนี้เป็น page turner ที่ดีเล่มหนึ่งค่ะ อ่านได้อารมณ์ suspense และเน้นที่การสืบสวนของตำรวจ
การเดินเรื่องสลับกันเล่าระหว่างแอนนาเบลกับบ็อบบี้ คนหนึ่งเป็นพยานและมีความเป็นมาน่าสนใจ อยากรู้ว่าครอบครัวเธอหนีอะไรกันขนาดนั้น อีกคนเป็นนายตำรวจที่เคยพัวพันกับพยานอีกรายในคดีอื่นที่อาจเกี่ยวพันกับคดีนี้ แล้วช่วงหลัง สองคนนี้ก็แอบกิ๊กกันด้วย พอจะอนุมานได้ว่าเล่มนี้เป็นเรื่องรักแบบไม่หวาน


จากนี้ไป จะ SPOIL โลดล่ะนะ

การเล่าเรื่องใช้มุมมองสลับกันระหว่างแอนนาเบลกับบ็อบบี้ เริ่มจากแอนนาเบล ตัวละครที่ตรึงความสนใจจขบ. ได้มาก

แอนนาเบล เล่าถึงชีวิตที่ต้องเริ่มหลบหนีตั้งแต่อายุ 7 ขวบ สามคน-พ่อแม่ลูก-หลบหนีกันจนเป็นมืออาชีพ โดยมีพ่อเป็นผู้นำ วันไหนพ่อตัดสินใจจะหนีขึ้นมาก็เก็บของใส่กระเป๋าหกใบ แล้วก็ผลัดกันเลือกเมือง เลือกชื่อใหม่ที่จะใช้ จากนั้นก็เริ่มชีวิตใหม่ในเมืองใหม่ ไม่คบเพื่อนสนิท ไม่ยึดติดศาสนา ทำความเข้าใจระบบองค์กรและระบบสังคมเพื่อเอาตัวรอด แอนนาเบลถูกพ่อฝึกให้รู้จักกลวิธีรับมือคนร้ายทุกรูปแบบเพื่อเตรียมพร้อมอยู่เสมอ
พวกเขาใช้ชีวิตแบบนี้ตลอด 25 ปี จนผู้เป็นแม่ตาย แอนนาเบลโตเป็นสาวและเริ่มสงสัยจนถึงขั้นคับแค้น พ่อก็ยังไม่หยุดหนี และไม่อธิบายเหตุผลแต่อย่างใด

แล้วอยู่ ๆ พ่อเธอก็ตายด้วยสาเหตุสุดแสนธรรมดาคืออุบัติเหตุรถชน แอนนาเบลจึงตัดสินใจเลิกหนี และปักหลักถาวรในบอสตัน เมืองแรกในความทรงจำวัยเด็กของเธอ
... จนวันหนึ่ง หนังสือพิมพ์ลงข่าวการพบหลุมใต้ดินในเขตซึ่งเคยเป็นโรงพยาบาลโรคจิต ในห้องใต้ดินนั้นมีศพเด็กหญิงล่อนจ้อน 6 คน แต่ละคนติดป้ายชื่อไว้ และหนึ่งในนั้นคือ “แอนนาเบล เอ็ม. เกรนเจอร์” ชื่อเดิมของแอนนาเบลก่อนเริ่มชีวิตหลบหนี

หลังจากนั้น เรื่องก็เปลี่ยนมาเป็นน้ำเสียงของบ็อบบี้ เพื่อเล่ามุมมองของฝ่ายตำรวจบ้าง

บ็อบบี้ เป็นตำรวจรัฐ แต่ดี.ดี. อดีตคู่หูที่เป็นหัวหน้าทีมสืบสวนคดีนี้ดึงเขามาร่วมทีม เพราะเขาเคยเกี่ยวข้องกับคดีริชาร์ด อัมบริโอ ซึ่งมีรูปแบบการลงมือคล้ายคดีนี้

ในปี 1980 ริชาร์ดลักพาตัวแคทเธอลีน แก็จโนน วัย 12 ปีไปเป็นทาสบำเรอกามในห้องใต้ดินลักษณะคล้ายกับในคดีนี้ คือเป็นห้องที่ขุดลงไปใต้ดิน ปิดแผ่นไม้พรางทางเข้า มีถังพลาสติกและบันไดโลหะ เพียงแต่ห้องของริชาร์ดกว้าง 4 คูณ 6 แต่ห้องในคดีนี้กว้าง 6 คูณ 8 และสร้างพิถีพิถันกว่า
ในคดีนั้น นักล่าสัตว์เผอิญผ่านไปได้ยินเสียงร้องเลยช่วยแคทเธอลีนไว้ ริชาร์ดติดคุก เขาไม่ได้สารภาพว่ามีเหยื่อรายอื่น แต่ศพ 6 ศพในคดีนี้อาจเป็นฝีมือเขาก็ได้ หลังจบคดี แคทเธอลีนแต่งงานกับสามีที่ชอบทำร้ายครอบครัว อันเป็นสาเหตุให้บ็อบบี้ได้พบแคทเธอลีน

บ็อบบี้พบแคทเธอลีนครั้งแรกในฐานะมือยิงประจำหน่วยจู่โจม ซึ่งเข้าไปจัดการเหตุรุนแรงในครอบครัวที่พ่อใช้ปืนจ่อใส่ภรรยาและลูกชาย บ็อบบี้ส่องกล้องดูเหตุการณ์และตัดสินใจลั่นไกปลิดชีวิตสามีของแคทเธอลีนก่อนเขาฆ่าเธอ นั่นเป็นการฆ่าคนครั้งแรกของบ็อบบี้
เขาเริ่มดื่ม และเมื่อเผอิญพบแคทเธอลีนหลังจากนั้น ก็ยิ่งถลำตัวเข้าสู่ปัญหา เพราะดันไปมีใจให้แม่ม่ายที่เขาเป็นคนส่งสามีเธอลงหลุมเอง ทั้งคู่ไม่มีอะไรกัน แต่คนรอบข้างเชื่อว่าเขามีความสัมพันธ์กับเธอ

สองปีก่อน ริชาร์ด อัมบริโอได้รับทัณฑ์บนด้วยความผิดพลาดบางอย่าง เขากลับมาตามรังควานแคทเธอลีน เธอยิงเขาตายในวันที่เกิดเรื่อง บ็อบบี้อยู่ในเหตุการณ์ด้วยและบาดเจ็บ เขาลาออกจากหน่วยภายหลัง

เนื้อหาจนถึงตอนนี้ เดาว่าอยู่ในเล่ม Alone ที่เป็นเล่มก่อนหน้านี้
แต่เล่มนี้มีสรุปไว้ ถือเป็นภูมิหลังของตัวละคร ตั้งแต่นี้ไปจะเป็นเรื่องในปัจจุบัน


การสืบสวน:
อุปสรรคในการสืบสวนครั้งนี้คือไม่มี timeline ของการฆ่า และไม่สามารถระบุตัวศพ เพราะศพอยู่ในสภาพ “มัมมี่เปียก” นั่นคือ ศพถูกห่ออย่างมิดชิดในถุงขยะจนของเหลวออกมาไม่ได้และเน่าสลายในนั้น การชัณสูตรศพลักษณะนี้..จำนวนมากถึง 6 ศพ..ต้องใช้เวลามาก โดยเฉพาะเมื่อแพทย์ชัณสูตรไม่เคยจัดการกับศพแบบนี้และมีพนักงานไม่พอ
เมื่อไม่รู้ช่วงเวลาที่เกิดการฆ่า ตำรวจต้องเริ่มหาข้อมูลคนหายย้อนไปตั้งแต่ปี 1965 แต่กรมเพิ่งเริ่มใช้ระบบคอมพิวเตอร์เก็บข้อมูลในปี 1998 ดังนั้น พวกเขาต้องพิมพ์ข้อมูลจำนวนมหาศาลทั้งหมดตั้งแต่ปี 65-97 แล้วนำมาแยกอีกทีว่ารายไหนบ้างที่อาจเป็นศพในห้องใต้ดิน นอกจากนี้ยังต้องรับมือกับผู้ที่ดูข่าวแล้วโทรเข้ามาให้เบาะแสอีกนับไม่ถ้วนอีกด้วย

ทีมสืบสวนมีงานเอกสารกองโต มีเบาะแสต้องตามอีกเพียบเกี่ยวกับเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลและคนไข้เก่า แต่ไม่มีเบาะแสเด็ดเลย จนกระทั่งแอนนาเบลตัดสินใจมาหาตำรวจเพื่อแจ้งว่าเธอคือหนึ่งในศพพวกนั้น และกลายเป็นพยานรายเดียวในคดีนี้

แต่การปรากฏตัวของเธอกลับยิ่งเพิ่มปริศนาและความปวดหัวให้นักสืบ เพราะถ้าพ่อของเธอหลบหนีจากคนร้ายที่ฆ่า 6 ศพในคดีนี้ เวลาก็ขัดแย้งกันกับคดีริชาร์ด อัมบริโอ

ในแฟ้มข้อมูลตำรวจ... รัสเซล เกรนเจอร์แจ้งความว่ามีคนคอยตามดูลูกสาวของเขาในปี 1982 เขามีท่าทีคลุ้มคลั่งมากขึ้นในแต่ละครั้งที่แจ้งความ และเมื่อพบหลักฐานว่ามีคนแอบใช้ห้องใต้หลังคาบ้านตรงข้ามเพื่อสอดส่องแอนนาเบล รัสเซลก็สติแตก หอบครอบครัวหนีหายไปเลย ตำรวจได้แต่ยักไหล่ให้คุณพ่อจอมห่วงรายนี้
ดังนั้น เมื่อดอรี่ เด็กหญิงที่เป็นเพื่อนสนิทของแอนนาเบลโดนลักพาตัวระหว่างไปเที่ยวบ้านของยายหลังจากนั้นไม่นาน ตำรวจไม่ได้โยงสองคดีนี้เข้าด้วยกัน สาเหตุหลักเพราะเหตุเกิดคนละท้องที่

แต่แอนนาเบลจำได้ว่าเธอเคยได้ล็อคเก็ตเป็นของขวัญจากชายนิรนาม เมื่อพ่อรู้ก็โกรธมากและสั่งให้เอาไปทิ้ง แอนนาเบลเสียดายเลยฝากไว้กับดอรี่ แต่พอย้ายบ้านกะทันหันก็ลืมเรื่องนี้ไปเลย และตอนนี้ ศพที่ติดป้ายชื่อแอนนาเบลสวมล็อคเก็ตอันนั้นไว้ จึงเป็นไปได้ว่าศพนี้คือดอรี่ ซึ่งโดนจับไปในปี 82 และน่าจะเสียชีวิตช่วงนั้นนั่นเอง

ดังนั้น ริชาร์ด อัมบริโอ...ผู้ต้องสงสัยหลัก...ซึ่งติดคุกตั้งแต่ปี 1980 และตายเมื่อสองปีก่อน จึงไม่น่าจะเป็นคนร้ายในคดีนี้ได้
แต่ทำไมรายละเอียดของสองคดีนี้ถึงคล้ายกัน? นอกจากสภาพห้องใต้ดินที่เหมือนกันแล้ว แคทเธอลีนกับแอนนาเบลยังมีลักษณะทางกายภาพคล้ายกัน--เพียงแต่คนหนึ่งเป็นเหยื่อที่หนีมาได้ ส่วนอีกคนไม่เคยตกเป็นเหยื่อเพราะหนีมาตลอด

เบาะแสอื่น:
เมื่อแคทเธอลีนกับแอนนาเบลได้พบกัน แคทเธอลีนยืนยันว่าเธอไม่เคยพบเห็นแอนนาเบลมาก่อนแน่นอน แต่ที่แปลกก็คือ...เธอเคยเจอรัสเซล เกรนเจอร์ตอนอยู่ในโรงพยาบาล (หลังนักล่าสัตว์ช่วยเธอจากหลุม) หากแต่ตอนนั้น เขาแนะนำตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่เอฟบีไอ

ข้อมูลจากอดีตเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลที่ชื่อชาร์ลี มาร์วิน บอกว่ามีอดีตคนไข้รายหนึ่งที่มีประวัติทำมิดีมิร้ายกับเด็กหญิง คริสโตเฟอร์ อีโอล่าเป็นลูกเศรษฐีที่มีอะไรกับน้องสาวตัวเอง เลยโดนพ่อแม่จับขังลืมในโรงพยาบาลโรคจิต แต่อีโอล่าไม่ใช่คนบ้าทั่วไป เขาเรียนรู้การทำตัวให้คนชอบและเป็นตัวอันตราย เมื่อย้ายไปโรงพยาบาลอื่น ร่องรอยของอีโอล่าก็หายไป

ชาร์ลียังเล่าถึงเรื่องราวมากมายในโรงพยาบาลนี้ ทั้งเจ้าหน้าที่ที่แอบย่องเข้าหาคนไข้สาว ทั้งพวกคนไข้ที่หายดีได้เพราะโรงพยาบาลนี้ เช่น เบนจิ ซึ่งรับตัวมาในสภาพบ้าคลั่งจนย้อนกลับไปเป็นเด็กอีก แต่เมื่อรักษาหายแล้วกลับกลายเป็นคนเรียบร้อย รักเรียน

คนร้ายเป็นใครกันแน่? สาวกหรือศิษย์ของริชาร์ด อัมบริโอ? คนไข้โรคจิตที่เคยอยู่ที่โรงพยาบาลและรู้ลู่ทางดี? หรือใครบางคนที่ใช้ชีวิตหลบ ๆ ซ่อน ๆ อยู่ใต้เรด้าร์ตำรวจมาตลอด และพรางตัวอยู่ใต้ฉากหน้าของพ่อผู้แสนห่วงใย?


หมายเหตุ:
เล่มนี้มีจุดที่อ่านแล้วเข้าใจผิดง่ายอยู่แห่งหนึ่งในบทแรก แอนนาเบลเล่าว่าเธอหนีตั้งแต่ 7 ขวบ ต่อมาเล่าถึงตอนพ่อตาย และบอกว่า I was twenty-two.
>> จขบ. เลยนึกว่าตอนนี้ เธออายุ 22 และเกิดคดีนี้ขึ้น แต่ยิ่งอ่านก็ยิ่งงง เพราะแอนนาเบลหลบหนี 25 ปี (มีย้ำหลายครั้งในเรื่อง) อายุเธอตอนนี้จึงควรเป็น 25+7 = 32 ปี

อาจเป็นไปได้ว่า พ่อเธอตายตอนเธออายุ 22 และเธออยู่คนเดียวจนอายุ 32
เท่ากับว่าเธอใช้เวลาหลบหนีไปหลายเมือง 15 ปี ปักหลักในเมืองเดียวอีก 10 ปี

... คิดว่างั้นนะ



Create Date : 26 สิงหาคม 2550
Last Update : 28 สิงหาคม 2550 23:29:08 น. 8 comments
Counter : 1059 Pageviews.

 
สวัสดีคะคุณยาคูลท์ ... เราว่าหนังสือของ Lisa Gardner ส่วนใหญ่จะเป็น page turner ได้ดีเลยนะคะ เพราะว่าอ่านง่าย แล้วก็มีปม เราว่าอ่านแล้วติด และอ่านได้เรื่อยๆ จริงๆ เคยอย่างเรื่องของเธอคนนี้มาก่อนแล้วสองเล่ม แต่ดันจำชื่อไม่ได้ เล่มนี้มีแนะนำอีกก็น่าสนใจค่ะ .. ว่าแล้วต้องหามาอ่านแล้วล่ะคะ




โดย: JewNid วันที่: 26 สิงหาคม 2550 เวลา:8:43:51 น.  

 
สวัสดีค่ะ คุณนิด

สองเล่มก่อนน่าจะมีเรื่อง Gone ด้วยแน่เลย เราก็เหล่ ๆ อยู่หลายรอบแล้ว แต่ดองแนวนี้ไว้เยอะเลยวางทุกที

อ่านเล่มนี้แล้วชักสนใจเล่มอื่นของลิซ่า การ์ดเนอร์ค่ะ
คิดว่าวันไหนอยากอ่านอะไรลุ้น ๆ คงได้อ่านอีกแน่


โดย: ยาคูลท์ วันที่: 26 สิงหาคม 2550 เวลา:8:56:13 น.  

 
//ทำตาลุกวาวในความมืดด้วยความสนใจ หุหุ


โดย: แพนด้ามหาภัย วันที่: 26 สิงหาคม 2550 เวลา:22:42:48 น.  

 
^
^
ลอกๆๆ


โดย: ลูกสาวโมโจโจโจ้ (the grinning cheshire cat ) วันที่: 27 สิงหาคม 2550 เวลา:22:54:47 น.  

 
บอกหมีไปแล้ว บอกแมวอีกคน

เล่มนี้ให้ยืมได้นะ จะยืมอ๊ะป่าว? ส่งซิกมาเลย
ถ้าจะยืมทั้งคู่ ไปตบตี..เอ๊ย ต่อคิวกันเอง ฮา


โดย: ยาคูลท์ วันที่: 28 สิงหาคม 2550 เวลา:0:31:41 น.  

 
กำลังอ่านเล่มนี้อยู่เลยครับ
สนุกดี ศัพท์อ่านง่าย เพลินครับ


โดย: takky_sc วันที่: 2 กันยายน 2550 เวลา:21:46:28 น.  

 
อืม...น่าสนใจค่ะ
ยังไม่เคยลองอ่านของนักเขียนคนนี้เลย


โดย: ศรีสุรางค์ วันที่: 5 กันยายน 2551 เวลา:10:53:01 น.  

 
มีงานเป็นเล่มแปลของนักเขียนท่านนี้บ้างมั้ยคะ หุๆ แบบว่า eng อ่อนแอ


โดย: Whatever it is IP: 125.24.178.84 วันที่: 6 พฤษภาคม 2552 เวลา:14:53:06 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.