สารภาพผิด ... เก็บไว้ตรวจจิตสำนึกตัวเอง
ตอนเย็นที่ผ่านมา เดินออกจากร้านหนังสือ ผ่านรถเข็นที่เรียงรายอยู่ตามริมถนน กลิ่นหมูปิ้งหอมยั่วน้ำลาย คิดในใจว่าไม่ได้กินนานแล้ว ขอตามใจปากหน่อย
กลิ่นหมูปิ้งคงหอมหวนทวนลมจริง ถึงมีหมาจรจัดตัวหนึ่ง ขนาดโตเต็มที่ ขนสีเหลืองมายืนหน้ารถเข็น ประหนึ่งเป็นลูกค้าอีกราย คนขายมีสองคน คนหนึ่งยืนด้านข้างที่เป็นเตาด้วย คอยพลิกหมูพลิกตับ โดยไม่สนใจลูกค้าสี่ขารายนี้เลย
จขบ. ยืนเลือกหมูแบบไม่ติดมัน สังเกตเห็นหมามองตามมือ แอบดีใจที่ตู้กับเตาอยู่ใกล้กัน ไม่งั้นเสียวแย่ รอสักพัก พออุ่นร้อนอีกรอบแล้วก็เดินอ้อมหมามาจ่ายเงินกับรับถุงด้านหน้า
ที่เดินมาด้านหน้า หนึ่งเพราะตั้งใจจะไม่ให้กลิ่นหมูในถุงไปยั่วกิเลสเจ้าหมาจรจัดตัวนั้น สองเพราะกำลังเล็ง ๆ พวกตับกับกึ๋นในตู้ คิดถึงเจ้าตัวเล็ก 2 ตัวที่บ้าน ...ว่าจะซื้อให้มันหลายครั้งแล้วลืมทุกที วันนี้ไม่ผิดสัญญาตัวเองละ ... สอบถามสนนราคา หยิบมาสองไม้ไปฝากลูกรักที่บ้าน
แล้วก็เดินจากมาอย่างมีความสุข กลับถึงบ้าน แบ่งหมูกับเครื่องในให้หมาที่บ้าน แล้วก็จบ
เมื่อกี้ นั่งคิดเรื่อยเปื่อยไปตามประสา แล้วภาพแววตาหมาจรจัดที่มองตามมือเราก็แว่บขึ้นมา
เออ.. มันไม่ดุนะ มันมองแบบ "อยากกิน อยากกิน อยากกิน" แต่ยังสงวนท่าที ไม่เปล่งรังสีข่มขู่ออกมา--แบบที่เคยเจอ ยิ่งคิด ก็ยิ่งรู้สึกเหมือนถูกตำหนิโดยจิตสำนึกตัวเอง "ทำไมควักสิบบาทให้หมาตัวเอง-ที่มีกินอิ่มหมีพีมันได้ ควักอีกสิบยี่สิบบาทให้หมาที่หิวอยู่ชัด ๆ ตรงหน้าไม่ได้?"
น้ำใจ ความเมตตา การให้ทาน-ที่ตรงตามหลักพุทธศาสนา ความเป็นสัตว์ประเสริฐ..หายไปไหน?
'หมาจรจัด' ตามความหมายก็บอกอยู่แล้วว่ามันเร่ไปเร่มา ไม่มีเจ้าของถาวร รอดได้ด้วยอาหารที่คนใจดีแบ่งให้ คนไทยสมัยก่อน (ไม่แน่ใจว่าสมัยนี้ด้วยไหม? ใครตอบที) มีนิสัยเมตตา ดูแลเลี้ยงดูสัตว์ที่พลัดเข้ามาในครัวเรือน จึงไม่มีปัญหาหมาอดอยาก หมาป่วยตายอนาถาแบบปัจจุบัน บลาบลาบลา (หยุดตัวเองไม่ให้เขียนยาว เดี๋ยวจะพล่ามไปถึงระบบสังคมโน่น)
วันนี้ ข้าพเจ้าทำผิดไปแล้วค่ะ
...เฮ้อ...
จากคีย์เวิร์ด หมูปิ้ง กับ หมาจรจัด
ทำให้นึกถึงเรื่องนี้ เล่าต่ออีกนิด
สมัยก่อน จขบ. แวะตลาดแถวบ้านบ่อย ของที่ซื้อติดมือกลับบ้านทุกครั้งคือไก่ย่าง หมูปิ้งเพิ่งย่างขึ้นจากเตาร้อน ๆ เลือกแบบติดมันกำลังดี จะมีน้ำซึมเยิ้มออกมา เอาไว้จิ้มข้าวเหนียว กินคู่กับส้มตำ แค่นี้ ก็อร่อยไม่แพ้สเต็กแล้ว
ปัญหาคือ ระหว่างทางเดินจากตลาดกลับบ้าน (ประมาณครึ่งป้ายรถเมล์มั้ง?) จะผ่านดงหมาจรจัด หลายครั้งที่มันเดินรี่เข้ามา 2-3 ตัว ชวนผวามาก ต้องพยายามเดินติดกลุ่มคนอื่นไว้..ซึ่งบางครั้งก็ไม่มี ต้องเอาถุงหมูซุกกับถุงอื่นเพื่อกลบกลิ่นหน่อย รีบจ้ำเหมือนตามควายหาย แถมบางครั้งไปสาย กว่าจะกลับก็ทุ่มแล้ว ฟ้าเริ่มมืด ยิ่งน่ากลัวเลย
รู้สึกผวาและกลัวแบบนี้หลายครั้ง สุดท้ายก็เลิกไปตลาด เลี้ยวทิศตรงข้าม ไปห้างดีกว่า
จขบ. ไม่ประทับใจหมาจรจัดฝูงที่อยู่ตรงนี้เท่าไหร่ หนึ่งเพราะมันดูดุร้ายยังไงไม่รู้ ประกอบกับเหตุการณ์หนึ่ง นั่นคือ หมาที่บ้าน..ตัวที่รักมาก อยู่กันมานาน โตมาด้วยกันเลยแหละ..เดินออกมาพ้นซอยแล้วโดนฝูงนี้ไล่กัด เตลิดหนีหายไป กว่าจะตามเจอ หมาเราก็ร่อแร่ (มันแก่แล้วด้วยน่ะ) ต้องฝากเลี้ยงตามคลีนิค ตามโรงพยาบาลอยู่นาน แต่ก็ตายอยู่ดี
จขบ. คิดว่าตัวเองไม่ได้เกลียดหมาจรจัดเพราะเหตุนี้นะ คือ..ไม่ค่อยชอบเฉพาะฝูงตรงถนนเส้นนั้น กับตัวอื่นก็เฉย ๆ แค่ระวังมันมากขึ้นหน่อย แต่ตอนนี้ อดคิดขึ้นมาไม่ได้ว่า..หรือเราจะแอบเก็บกดความเกลียดไว้หนอ?
Create Date : 26 กรกฎาคม 2549 |
|
7 comments |
Last Update : 26 กรกฎาคม 2549 1:44:08 น. |
Counter : 662 Pageviews. |
|
|
|
ถ้าของนั้นตั้งใจจะซื้อไปฝากเจ้าหมาที่บ้าน
ผมไม่แบ่งให้หมาระหว่างทางดอกครับ
แต่...อ่านแล้ว ทำให้ผมนึกถึงหมาเร่ร่อนในสถานศึกษาแห่งหนึ่ง
คนแถวนั้นเรียกมันว่าเจ้าบราวน์
มันจะมีนิสัยเฉพาะตัว ที่ไม่เหมือนใคร
เวลามันหิว และเห็นใครนั่งกินข้าวอยู่
ไม่ว่าคนๆ นั้นจะสนใจมันหรือไม่
มันจะเข้าไปยืนข้างๆ อย่างสุภาพ
และเอาจมูกมาชนเพื่อสะกิด
ชนอยู่อย่างนั้นแหละครับ จนกว่าจะให้มัน
เจอไม้นี้เข้า คนปกติไหนๆ ก็เสร็จทุกราย
ผมเคยเจอหนึ่งครั้งเท่านั้น
ยังบ่นตอนมันรบเร้าเลยว่า
แกเอ้ย...มาขอผิดคนแล้ว
เพราะผมเป็นคนไม่เลือกกิน ดังนั้นจึงมักไม่มีอาหารใดๆเหลืออยู่ในจานเลยแม้แต่ชิ้นเดียว
แต่เจอจมูกเจ้าบราวน์เข้า ก็เสร็จมันครับ