Group Blog
 
 
เมษายน 2549
 
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
25 เมษายน 2549
 
All Blogs
 
น้ำเน่า บทที่ 7-9

“ว่าไงจูน”เอกรับโทรศัพท์มือถือที่จูนโทรมา


“เอก ว่างคุยไหม” จูนถามด้วยความเกรงใจเพราะตอนนี้เป็นเวลาทำงาน


“คุยได้ มีอะไรเหรอจูน”


“พรุ่งนี้เอกกลับบ้านที่หัวหินใช่ไหม กลับกี่โมงเหรอ”จูนรู้แต่ถามเพื่อความแน่ใจ เนื่องจากตอนแรกจูนจะนัดเอกมาคุยเรื่องงานแต่งงานของจูนกับพี่บอล แต่เอกปฎิเสธเพราะต้องกลับบ้าน น้ำเสียงของจูนเหมือนคนที่กำลังไม่สบายใจเพราะการพูดของจูนจากปกติที่พูดแบบสดใสร่าเริง แต่
วันนี้น้ำเสียงที่เอกได้ยินกลับราบเรียบไม่มีสีสัน


“คิดว่าจะออกจากคอนโดซักแปดโมง ทำไมเหรอ”


“พรุ่งนี้มารับจูนที่บ้าน ตอนแปดโมงครึ่งแล้วกันจูนจะไปด้วย แค่นี้นะจูนไปทำงานต่อแล้ว”จูนรีบวางสายทันทีที่พูดเสร็จโดยที่เอกไม่ทันได้ถาม ยิ่งปล่อยให้เอกสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมาอีกครั้งทำให้เอกสะดุ้งจากความคิดเรื่องของจูน


“ว่าไงตรี” เอกตั้งสติคุยกับน้องชายคนเล็กซึ่งนานๆเค้าจะโทรมาสักที


“พี่เอกพรุ่งนี้พี่กลับบ้านใช่ไหม” ตรีถามเอกทำเหมือนเพิ่งจะรู้ว่าเอกกลับบ้าน ซึ่งตรีรู้ว่าเอกกลับบ้านแน่นอนแต่ไม่รู้เวลาที่จะกลับแค่นั้น


“อืม.....ใช่มีอะไรเหรอ”


“ดีเลยพรุ่งนี้พี่เอกไปรับลูกค้าด้วยคนเดียวตอนเก้าโมงครึ่ง เค้าชื่อคุณเดือนฉาย ที่เก่านะพี่”ตามปกติแล้วถ้ามีลูกค้าจากกรุงเทพฯ แล้วเอกกลับบ้านพอดี ที่บ้านจะให้เอกพาลูกค้ามาด้วย โดยที่ประจำที่ทางบ้านเอกจะนัดก็คือหน้าเซ็นทรัลปิ่นเกล้า เป็นที่รู้กัน เอกเงียบไปครู่หนึ่งเพราะต้องคิดถึงเวลาที่จะต้องไปรับจูนด้วย


“ได้ตรี แต่คราวหน้าบอกให้เร็วกว่านี้หน่อย ดีนะที่เวลาไม่ทับกัน”เอกคำนวณดูแล้วว่าไปรับจูนที่สุขุมวิทแล้วมาที่ปิ่นเกล้า ทันเวลาพอดี เอกเอาโทรศัพท์ที่แหนบหูมาดู เพราะได้ยินเสียงเหมือนมีโทรศัพท์อีกสายเข้ามา
“แค่นี้นะตรีมีสายซ้อน”เอกวางสายตรี แล้วกดรับโทรศัพท์อีกสายที่เข้ามา


“ว่าไงโท”


“พี่เอกเย็นวันนี้ว่างไหม”โทถามเอกทันที

“มีอะไรเหรอ” เอกถามกลับ

“แค่อยากชวนพี่ไปเที่ยว ดูเหมือนช่วงนี้เซ็งๆ ไปไหมพี่”


“ได้งั้นเย็นนี้เจอกันที่คอนโดก่อนแล้วค่อยว่ากัน แค่นี้นะพี่ทำงานก่อน”เอกรีบวางสายแล้วนิ่งไปชั่วขณะ


“ช่วงนี้เป็นไรว่ะ ชอบมีอะไรแปลกๆ”เอกบ่นพรึมพร่ำอยู่คนเดียว


ที่ลานจอดรถสนามบินภายในประเทศ เด่นพาพี่สาวขึ้นรถหลังจากที่ไปรับเดือนจากประตูผู้โดยสารขาออก ช่วงเดินมาที่รถทั้งคู่แทบไม่ได้คุยอะไรกับเลยเพราะต้องเดินฝ่าฝูงชนออกมา


“พี่คิดถึงผมขนาดนั้นเลยเหรอ หรือว่าพ่อแม่ส่งมาให้ดู”เด่นเพิ่งมาอยู่ได้ไม่กี่วันเดือนก็มากรุงเทพฯทำให้เด่นสงสัย


“พี่ลาพักร้อนมาเที่ยวนะ พรุ่งนี้จะไปหัวหิน”เดือนบอกแบบเซ็งๆ


“พรุ่งนี้ไปหัวหิน แล้วพี่จะไปยังไง ให้ไปส่งไหม แล้วจองห้องพักหรือยัง”เด่นถามด้วยความเป็นห่วง


“เรียบร้อยแล้วพี่ให้รุ่นน้องที่ทำงานจองไว้หมดแล้ว พรุ่งนี้พี่มีคนมารับที่เซ็นทรัลนะ อย่าลืมสิพี่ทำงานโรงแรมเรื่องจองแบบนี้เตรียมไว้หมดแล้ว”พนักงานโรงแรมส่วนใหญ่เรื่องที่ต้องจองห้องพัก หรือจองเรื่องการเดินทางเป็นเรื่องที่ทำกันอยู่ประจำ เพราะว่าบางทีลูกค้าที่เชียงใหม่อาจจะต้องเดินทางไปจังหวัดอื่น แล้วให้ทางโรงแรมเป็นคนช่วยจองให้


“แล้วคืนนี้พี่นอนกับผมที่อพาร์มเม้นท์ก็ได้”


“ไม่เป็นไรพี่ไปนอนบ้านเพื่อน เด่นจะได้ไม่ต้องกังวลเรื่องงานต้องมารอพี่กลับห้อง แล้วไปส่งพี่ตั้งแต่เช้าจะได้นอนพักเยอะๆ ดูสิจะเหมือนหมีแพนด้าอยู่แล้ว”เดือนตอบเพราะว่าได้คิดแล้วว่าคืนนี้จะไปนอนไหน


“งั้นก็แล้วแต่ คืนนี้ไปเที่ยวที่ร้านผมไหม อยู่แถวเอกมัย”


“ไปสิ แต่พาพี่ไปหาอะไรอร่อยๆกินกันก่อนนะ”เดือนแทบจะไม่ได้ทานอะไรจนเมื่อมาเจอเด่นก็เลยนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้ทานอะไรมาตั้งแต่เช้าแล้ว “ทำงานเป็นไงบ้างเหรอ”เดือนถามด้วยความเป็นห่วงน้องชาย


“ก็ดีครับพี่ รายได้ดีกว่าที่เชียงใหม่ แล้วที่สำคัญสาวๆก็เยอะด้วยครับพี่”ทั้งคู่มุ่งหน้าเข้าไปในเมืองตามถนนวิภาวดีรังสิต


ช่วงค่ำเอกกับโทซึ่งนัดกันไว้เพื่อจะไปเที่ยวกันตามภาษาพี่น้อง ระหว่างที่เดินเข้าไปในร้าน เอกก็สังเกตเห็นรถที่เพิ่งเข้ามาแล้วผ่านไป แต่เนื่องจากรถจอดกันจนเต็มลานและข้างนอกก็มืดมากทำให้คนที่ขับรถสวนเอกไป ไม่ทันได้เห็นว่าเป็นเอก


“รถพี่บอลนี่หว่า มาคนเดียวด้วย” เอกทัก


“อืม......รีบเข้าไปก่อนพี่ เดี๋ยวค่อยไปทักข้างใน ไม่ได้จองโต๊ะมาด้วย ถ้าช้าจะเต็มเอานะพี่ชาย”โทรีบดึงตัวเอกไปทันทีขณะที่เอกยังหันมองตามรถของพี่บอล สักพักหลังจากที่เอกกับโทเข้าไปหาที่นั่งสั่งอาหารและเครื่องดื่มแล้ว เอกก็พยายามมองหาพี่บอลเพื่อเข้าไปทักทายตามปกติที่เคยได้เจอกันประจำ


“มองอะไรพี่”โทตะโกนถาม เนื่องจากเสียงเพลงเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ


“ดูว่าพี่บอลแกนั่งตรงไหน”


“จะไปชกเค้าเหรอ ข้อหามาแย่งแฟน”โทกวนขึ้นมาทันที


“บ้าเหรอ พอดีพี่เรื่องสงสัยนิดหน่อย งั้นเดี๋ยวมานะไปเข้าห้องน้ำก่อน”เรื่องที่เอกสงสัยก็คือว่าทำไมวันนี้พี่บอลมาคนเดียวปกติพี่บอลกับจูนจะติดกันเหมือนตังเม และอีกเรื่องก็คือทำไมพรุ่งนี้จูนถึงต้องการจะไปหัวหินกับเอก พอดีจังหวะที่เอกเดินเข้าห้องน้ำก็สวนกับพี่บอลที่หน้าห้องน้ำ


“พี่บอลหวัดดีครับ”เอกยกมือไหว้ทันทีที่เจอ


“อ้าว.......เอก”พี่บอลถึงกับสะดุ้งเหมือนทำอะไรผิด หลังจากตั้งสติได้พี่บอลก็ดึงเอกหลบจากทางเข้าห้องน้ำ “มากับใครเหรอเอก”


“มากับน้องครับ แล้วพี่นั่งอยู่ตรงไหน ผมเข้าห้องน้ำเสร็จแล้วจะเดินไปหา”เพื่อจะได้ไม่ต้องมายืนหน้าห้องน้ำนานเอกเลยรีบยื่นข้อเสนอ


“โซฟาด้านข้างร้านตรงนั้นนะ”พี่บอลชี้นิ้วผ่านหน้าเวที ไปยังโซฟาที่อยู่ข้างกระจก ซึ่งหลังกระจกมองออกไปจะเป็นที่ทางร้านจัดไว้อย่างสวยงาม


“ซักพัก ผมเดินไปหานะครับ ขอเข้าห้องน้ำก่อน”หลังจากที่เข้าห้องน้ำเสร็จเอกเดินไปหาโทเพื่อบอกว่าจะต้องไปนั่งที่โต๊ะพี่บอลสักพัก พร้อมถือแก้วติดมือไปด้วย เมื่อเอกเดินมาถึงโต๊ะพี่บอลก็เห็นพี่บอลดื่มเหล้าอย่างหนัก เพราะว่าเหล้าที่พี่บอลนั้นไม่ได้ผสมอะไรเลยนอกจากน้ำแข็ง เอกเห็นเลยรู้ว่าพี่บอลต้องกลุ้มใจแน่นอน


“พี่บอลวันนี้ดื่มหนักนะครับ”เอกนั่งลงแล้วมองออกไปรอบๆ ผู้คนเต็มร้านต่างสนุกสนานกัน


“พอดีพี่ทะเลาะกับจูนว่ะเอก สงสัยจะไม่ได้แต่งกันแล้ว”พี่บอลเงยหน้าขึ้นพร้อมกับเทเหล้าจากขวดลงสู่แก้วที่เพิ่งดื่มไปหมดตอนที่เอกมาถึง เอกถึงกับวางแก้วกระแทกกับโต๊ะที่เป็นกระจกดังเปรี้ยง


“ว่าไงพี่” เอกเริ่มคิดถึงจูนที่จะไปหัวหินกับเค้าในวันพรุ่งนี้ แล้วเรื่องที่พี่บอลมาคนเดียวในวันนี้ “เรื่องเป็นไงเหรอครับ”


“พอดีจูนเค้าจับได้ว่าพี่มีกิ๊ก เค้าเลยบอกเลิกกับพี่ นี่ก็หายไปเลยโทรไปก็ไม่รับสาย ไปที่บ้านเค้าก็ว่าไม่อยู่ แต่พี่ว่าน่าจะอยู่ที่บ้านว่ะเอก”พี่บอลดื่มเหล้าอีกหลังจากที่พูดเสร็จ เอกเริ่มกังวลเรื่องที่พี่บอลบอก และอีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญก็คือถ้าพี่รู้ว่าพรุ่งนี้จูนไปกับเอกที่หัวหิน ไม่รู้ว่าเรื่องจะเป็นยังไงต่อไป เอกเลยไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อเนื่องจากเรื่องแบบนี้คุยไปก็มีแต่เสียอย่างเดียว


“ใจเย็นๆพี่ เรื่องแบบนี้ผมว่าค่อยๆคุยกันจะดีกว่า” เอกพยายามพูดเพื่อให้พี่บอลใจเย็นๆ


“โทษทีนะที่พี่ไม่รู้จะคุยอะไรต่อ”เป็นสัญญาณว่าพี่บอลต้องการอยู่คนเดียว


“งั้นพี่บอลนั่งคนเดียวได้นะ ผมไปนั่งกับน้องก่อน”เอกรีบลุกขึ้นหลังจากที่พี่บอลพยักหน้า แล้วเดินไปที่โต๊ะที่โทกำลังนั่งรออยู่


หลังจากที่เด่นเล่นดนตรีมาได้ 45 นาที ก็ได้เวลาที่วงดนตรีต้องพัก 15 นาที เด่นก็ลงมาหาเดือนที่นั่งรออยู่คนเดียว เสียงเพลงจากดนตรีที่ดีเจเปิดดังขึ้นเรื่อยๆ เพราะยิ่งเริ่มดึกเสียงคนในร้านก็ยิ่งดังขึ้น


“เป็นไงพี่เดือนใช้ได้ไหม” เด่นถามหลังจากที่เดินมาถึงที่โต๊ะ


“ก็ดีนะ สนุกดี”จริงๆแล้วเดือนก็ไม่ได้รู้สึกอะไรมากเพราะว่าเดือนยังมีความรู้สึกที่เหงาๆ ถึงแม้ว่าบรรยากาศรอบข้างจะสนุกก็ตาม


“นี่ถ้าซ้อมอีกหน่อยคงจะสนุกกว่านี้แน่นอน ตอนนี้ยังรู้สึกเหมือนยังไม่ค่อยเข้าขากันเท่าไหร่”เด่นจบน้ำเปล่าที่ไม่มีน้ำแข็งในแก้ว


“จ๊ะ น้องพี่เก่งอยู่แล้ว นี่พักกี่นาทีเหรอ”


“พัก 15 นาที เล่นอีก 45 นาที มีไรเหรอพี่”เด่นถาม


“งั้นพอเด่นขึ้นไปเล่น แล้วพี่กลับเลย เพราะเพื่อนเค้าจะรอ พรุ่งนี้ยังต้องตื่นแต่เช้า”


เอกนั่งคุยกับโทจนเวลามาถึงเที่ยงคืน วงดนตรีที่พักก็เริ่มขึ้นไปเล่นต่อ เอกดูเวลาแล้วก็คิดว่าจะต้องหยุดไม่งั้นยาวแล้วพรุ่งนี้จะไม่สามารถตื่นแต่เช้าได้


“ต้องกลับแล้วว่ะโท เที่ยงคืนแล้วพรุ่งนี้ต้องตื่นไปหัวหินด้วย แฮงค์ๆขึ้นมาแม่รู้จะว่าอีก”


“แล้วแต่พี่เอกแล้วกัน ผมก็เริ่มตึงๆแล้วเหมือนกัน”หลังจากที่โทพูดเสร็จก็เรียกพนักงานคิดเงิน หลังจากที่จ่ายเงินเรียบร้อย ช่วงระหว่างเดินออกไปจากร้านเอกมองไปที่โต๊ะที่พี่บอล แล้วก็โล่งใจเพราะโต๊ะนั้นได้เปลี่ยนคนนั่งเป็นคนอื่น พี่บอลคงกลับไปแล้ว แต่ก็ยังอดห่วงไม่ได้ว่าจะขับรถเป็นอย่างไรบ้าง
เด่นเล่นดนตรีกับเพื่อนที่วงอย่างสนุก เด่นส่งสายตาพร้อมกับยิ้ม มองไปที่โต๊ะที่เดือนนั่ง แต่ตอนนี้โต๊ะเดือนเป็นสาวๆวัยรุ่น 3 คนส่วนเดือนกลับไปแล้วตอนที่เด่นขึ้นมาเล่นในช่วงที่สอง หลังจากที่เด่นเล่นดนตรีจนเลิกเด่นก็เดินมายังโต๊ะที่สาวๆวัยรุ่น 3 คนนั่งอยู่ เมื่อร้านปิดเด่นก็เดินออกไปกับสาวๆ พร้อมกับบรรดานักเที่ยวที่ค่อยๆทยอยออกจากร้านไปทีละโต๊ะ หน้าร้านบรรดาพนักงานที่โบกรถทำงานกันแข็งขัน เอกมัยรถก็ยังติดเหมือนช่วงกลางวันแต่สักพักก็ถนนที่คึกคักก็ว่างเปล่าเหมือนเดิม ไฟที่ร้านค่อยๆหรี่ลง อากาศช่วงตี2 เริ่มเย็น เหมาะแก่การนอนอยู่ใต้ผ้าห่มที่อบอุ่นกับใครบางคนที่ผ่านเข้ามา





อากาศในเช้าวันใหม่ที่ค่อยๆร้อนขึ้นหลังจากที่แสงแดดฉายแสงแรง เอกขับรถลัดลัดเลาะตามถนนในซอยกลาง ย่านสุขุมวิท ก่อนที่จะถึงบ้านจูนเอกได้โทรหาจูนเพื่อที่จะบอกว่าเค้าได้ใกล้ถึงแล้วแต่ก็ไม่สามารถติดต่อที่เบอร์โทรศัพท์มือถือได้ เมื่อเอกถึงบ้านจูนด้วยความที่เอกเคยมาที่บ้านจูนบ่อยสมัยเมื่อเอกเคยเป็นแฟนกับจูน คนรับใช้ที่บ้านจูนเมื่อเห็นก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นรถเอก จึงกดประตูรีโมทเปิดให้เอกทันทีหลังจากที่เอกบีบแตรที่หน้าบ้าน เมื่อเอกขับรถเข้าไปในบ้านภาพที่เอกเห็นทันทีก็คือจูนได้เดินถือกระเป๋าใบใหญ่เดินออกมาจากบ้าน เอกวนรถเข้าไปรับที่หน้าบ้าน หลังจากที่จูนปิดประตูบานไม้สักคู่ใหญ่ จูนค่อยหันหน้ามามองที่เอก น้ำตาที่เอ่อในดวงตาอันกลมโตค่อยๆไหลรินลงมา เอกจอดรถตรงหน้าจูนพร้อมกับที่จูนเช็ดน้ำตา เหมือนว่าจะไม่ให้เอกเห็นสภาพที่ตัวเองได้ร้องไห้มาทั้งคืน


“หวัดดีจูน”เอกพูดหลังจากที่จูนเข้ามานั่งในรถ แต่จูนไม่ตอบอะไรและหันหน้าออกไปทางกระจก เอกจึงไม่รอให้จูนพูดอะไรต่อ “เอกจะต้องไปรับลูกค้าที่เซ็นทรัล ตรีโทรมาบอกเอกให้ไปรับ ถ้าจูนยังง่วงนอนอยู่ก็นอนไปแล้วกัน” เอกไม่รู้จะทำอย่างไรกับสภาพที่จูนเป็นอยู่ แต่ก็พยายามทำตัวให้จูนเห็นว่าไม่รู้เรื่องที่จูนบอกเลิกกับพี่บอล เอกค่อยขับรถออกจากบ้านจูนเพื่อจะไปรับลูกค้าตามที่นัดเอาไว้


“พอดีจูนรู้สึกไม่ค่อยสบายใจ มีเรื่องจะเล่าให้เอกฟัง แต่ไม่รู้ว่าจะเริ่มตรงไหน”จูนเริ่มเอ่ยปากออกมา


“เริ่มตั้งแต่สมัยที่จูนเกิดไหม จะได้ละเอียดดี”เอกพยายามจะทำให้จูนอารมณ์ดีก่อนที่เล่าเรื่องหนักใจขึ้นมา แต่จูนไม่มีปฏิกริยาตอบรับ เอกค่อยๆหุบยิ้ม “มีอะไรเหรอจูน” เอกเริ่มพูดจริงจังมากขึ้นหลังจากที่ล้อเล่นไปแล้วจูนไม่ดีขึ้น


“จำได้ไหมว่า คราวที่แล้วจูนนัดเอกไปทานกาแฟกันนะ ที่พี่บอลไปต่างจังหวัด”จูนเริ่มเปลี่ยนเสียงจากเสียงพูดใสๆเป็นเสียงที่สั่นซึ่งสั่นไปถึงหัวใจเอก


“จำได้ เอกความจำดี”เอกตอบไปเพื่อที่จะทำให้บรรยากาศภายในรถดีขึ้น


“เมื่อวานตอนเช้าพี่บอลมารับจูนไปทำงาน
ตอนที่จูนลงจากรถ จูนหยิบไดอารี่พี่บอลติดมือมาด้วย”จูนยกมือขึ้นมาเช็ดน้ำตา แล้วงียบไป


“ไดอารี่สีอะไรเหรอ สีแดงหรือสีเทา”เอกกวนจูนอีกแต่จูนหันควับมาทางเอก “ใจเย็นๆจูน เอกกำลังไปรับลูกค้าพอเค้าเห็นจูน เค้าจะ.........”เอกต้องเงียบทันทีเพราะเสียงกรี๊ดของจูนดังขึ้นมา


“เอกจะกวนประสาทจูนไปถึงไหน”


“จ๊ะๆๆๆ เอกขอโทษ เงียบก็ได้ แต่ก่อนที่จูนจะเล่าจูนต้องเงียบก่อนนะคนดี” จูนหยิบกระดาษทิชชู่ขึ้นมาเช็ดน้ำตา เสียงสะอื้นค่อยๆเบาลงเบาลง สุดท้ายเสียงก็เงียบลงพร้อมกับหันหน้ามาทางเอกแต่ดวงตาของจูนก็ยังมีประกายของน้ำตาอยู่


“จูนตั้งสติได้แล้ว คือจูนไปเจอซีดีในไดอารี่พี่บอล จูนก็เลยเอาไปเปิดดู ปรากฎว่าเป็นซีดีที่พี่บอลมีอะไรกับผู้หญิงคนหนึ่ง แล้วเอกจะให้จูนทำอย่างไร จูนเลิกกับพี่บอลแล้ว”หลังจากที่จูนพูดเสร็จทั้งเอกและจูนก็นั่งเงียบทั้งคู่ไม่มีคำถาม ไม่มีคำตอบออกมาจากคนทั้งคู่ พอเอกขับรถมาถึงหน้าห้าง เอกเห็นเดือนซึ่งยืนรออยู่ที่หน้าห้างเอกก็มั่นใจว่าเป็นลูกค้าที่ตรีบอกให้ไปรับ เอกจึงจอดรถและลงไปถามเดือน หลังจากที่เอกแนะนำตัวกับเดือนเรียบร้อยเอกจึงยกกระเป๋าของเดือนขึ้นรถ เดือนก็เข้าใจว่าวันนี้มีคนมาด้วยอีกคน ระหว่างที่เดินทางทั้งสามต่างไม่พูดจาอะไรกันมีแต่เสียงเพลงเศร้าๆที่ทุกคนฟังแล้วก็ทำให้จิตใจยิ่งว้าวุ่น จูนค่อยๆหลับไปพร้อมกับคราบน้ำตาที่ไหลออกมาแทบจะเป็นสายเลือด เดือนมองออกไปนอกหน้าต่างดูทิวทัศน์ภายนอกเพื่อฆ่าเวลาระหว่างที่เดินทางไปหัวหิน ส่วนเอกถึงแม้ภายนอกจะดูเหมือนว่าตั้งใจขับรถแต่ภายในก็มีเรื่องให้คิดอยู่ตลอดเวลา รถวิ่งไปตามเส้นทางปิ่นเกล้า-นครไชยศรี ผ่านนครปฐม ราชบุรี เส้นทางนี้เอกชอบใช้เดินทางกลับบ้านถึงแม้หลายคนจะคิดว่าระยะทางไกลกว่าเส้นทางพระราม 2 แต่ถ้าพูดถึงถนนหนทางที่ดีกว่าและไม่ค่อยมีรถบรรทุก ทำให้ระยะทางที่มากกว่าก็ทำให้เอกไปถึงวังมะนาวได้เร็วกว่าไปเส้นทางพระราม 2 เมื่อรถถึงเขาย้อยเอกก็แวะเข้าที่สถานีบริการน้ำมัน เพื่อให้ทุกคนได้พักสักครู่ก่อนที่จะเดินทางต่อไปที่หัวหินโดยที่เอกไม่ต้องถามคนในรถ หลังจากที่ทุกคนขึ้นรถมาแล้ว เดือนพยายามที่จะพูดคุยกับคนในรถระหว่างที่รถค่อยๆออกมาสู่ถนนใหญ่ เพราะเดือนเข้าใจว่าการที่เดือนเป็นลูกค้าอาจจะทำให้ทั้งเอกและจูนไม่กล้าที่จะพูดคุยกันเพราะว่าอาจจะเป็นการรบกวนลูกค้า


“ถึงไหนแล้วค่ะ คุณเอก อีกไกลไหมค่ะ” เดือนเริ่มตั้งคำถามแบบพื้นๆก่อนที่จะเริ่มสนทนาเรื่องอื่นต่อไป


“เขาย้อยแล้วครับ อีกไม่ถึงชั่วโมงก็ถึงแล้วครับ”เอกตอบทันที


“จะไม่แนะนำเพื่อนคุณเอกให้เดือนรู้จักเหรอค่ะ ไม่ต้องเกรงใจว่าเดือนเป็นลูกค้านะค่ะ เห็นนั่งเงียบกันหมดเลย เดือนก็ชวนคุยไม่เก่งเหมือนกัน”


“จูนนี่คุณเดือน คุณเดือนนี่จูนครับ”เอกเริ่มแนะนำจูนให้เดือนรู้จัก


“หวัดดีค่ะคุณจูน”เดือนชิงลงมือทักทายก่อน


“หวัดดีค่ะคุณเดือน โทษทีนะค่ะที่จูนไม่ได้ทักทายคุณเดือนตั้งแต่ตอนแรก พอดีจูนไม่ค่อยสบายค่ะ” ปกติแล้วจูนไม่ค่อยจะคุยกับคนแปลกหน้าเท่าไหร่ และอีกอย่างเอกก็พยายามให้จูนเงียบหรือออกห่างจากลูกค้าตอนเวลาที่จูนไปเที่ยวบ้านเอกที่หัวหินตั้งแต่สมัยที่เอกกับจูนเป็นแฟนกัน เพราะนิสัยคุณหนูของจูนนั้นถ้าเกิดไปทำอะไรไม่ดีกับลูกค้าที่บ้านเอกอาจจะทำให้เสียลูกค้าไปก็เป็นได้ ซึ่งการพูดของจูนนั้นทำให้เดือนทราบว่าจูนไม่ได้ไม่สบายอย่างที่ว่า แต่อาจจะมีเรื่องที่ไม่สบายใจมากกว่า


“คุณเดือนเป็นคนที่ไหนเหรอครับ”เอกเริ่มถามหลังจากที่ปล่อยให้สองสาวทักทายกัน


“เดือนเป็นคนเชียงใหม่ค่ะ พอดีลาพักร้อนมาเที่ยวและมาเยี่ยมน้องชายที่เพิ่งมาทำงานกรุงเทพฯด้วยค่ะ”


“บังเอิญจริงๆเพื่อนผมที่พักอยู่ด้วยกัน ตอนนี้เค้าก็ไปทำงานเชียงใหม่ เป็นไงครับที่เชียงใหม่วุ่นวายไหมครับได้ข่าวว่าน้ำท่วม” ข่าวเชียงใหม่น้ำท่วมใครๆก็รู้เพราะว่าปีนี้น้ำท่วมมาแล้วสองครั้ง


“ช่วงนี้ก็เงียบ เดือนถึงว่างมาเที่ยวหัวหินนี่แหละ” จริงๆแล้วเอกอยากพูดคุยกับเดือนมากกว่านี้ตามนิสัยที่เอกเค้าคุยเก่ง แต่เอกก็ยังไม่ลืมว่าที่เค้ามากับเดือนในวันนี้เป็นงานของที่บ้าน “ขอโทษนะค่ะ คุณเอกนี่เป็นเจ้าของบังกะโลเหรอค่ะ”



“ปล่าวครับ เป็นของแม่ผมครับ ผมทำงานที่กรุงเทพฯครับ พอดีถ้ามีลูกค้าจะไปเที่ยวแล้วตรงกับวันที่ผมกลับ น้องชายคนเล็กผมก็จะให้มารับเพื่ออำนวยความสะดวกลูกค้านะครับ คุณเดือนมาเที่ยวกรุงเทพฯหรือหัวหินบ่อยไหมครับ” เอกเปลี่ยนเรื่องคุยเพื่อให้เดือนได้รู้สึกถึงการโต้ตอบ


“ช่วงหลังนี้ไม่ค่อยได้มาค่ะ ไม่เหมือนสมัยเรียน ปิดเทอมต้องหาที่เที่ยวกับเพื่อนๆตลอด ตอนนี้ทำงานไม่ค่อยมีเวลาว่าง เราว่างเพื่อนก็ไม่ว่าง เหมือนคราวนี้เพื่อนๆไม่ว่างเลยต้องมาเที่ยวคนเดียว” เดือนอ้างเหตุผลอีกแบบหนึ่งเพราะการที่มาเที่ยวคนเดียว ยิ่งเป็นผู้หญิงด้วยยิ่งเป็นเรื่องแปลก


“เก่งนะครับมาเที่ยวคนเดียว” เอกชมไปตามพิธี จริงๆแล้วสมัยนี้การที่ผู้หญิงไปเที่ยวคนเดียวก็เป็นเรื่องปกติ เพราะที่บังกะโลหัวหินชอบมีหนุ่มๆสาวๆมาเที่ยวคนเดียวประจำซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็นลูกค้าที่เก่าที่เคยมาพัก หรืออาจจะเป็นเพราะบรรยากาศที่เป็นกันเองของที่บ้านเอกทำให้ทุกคนที่มาคนเดียวเมื่อมาอยู่ก็รู้สึกเหมือนอยู่บ้านตัวเอง “แล้วคุณเดือนเคยมาที่บังกะโลแม่ผมไหมครับ”


“ไม่เคยค่ะ พอดีรุ่นน้องเดือนเป็นคนจองให้ เพราะที่ที่เดือนเคยพักเดือนจำไม่ได้แล้ว ไม่ได้มาตั้งเจ็ด-แปดปีแล้ว”


“นานมากตอนนี้หัวหินก็เปลี่ยนไปเยอะ ตึกรามบ้านช่องก็ผุดขึ้นมาเหมือนดอกเห็ด เจริญขึ้นเยอะ”เอกยิ้มด้วยความรู้สึกถึงความเจริญที่ทำให้หัวหินเปลี่ยนไป


“ตึกเยอะๆแล้วจะสวยเหรอค่ะ” ปกติเดือนอยู่กับธรรมชาติพอเห็นที่มีคนแออัด เต็มไปด้วยตึกเหมือนกรุงเทพฯ เดือนจะรู้สึกเวียนหัว ไม่สบายตัว “ปกติเดือนมากรุงเทพฯทีไรอยู่ได้ไม่เกินสามวันก็อยากจะกลับบ้านแล้วรู้สึกอึดอัดไปหมด”


“เหรอครับ พอดีผมทำงานก่อสร้าง ผมจึงชอบ
ดูตึกสวยๆที่ขึ้นมาใหม่นะครับ เวลาผมไปเที่ยวที่ไหนผมจะเลือกไปเที่ยวที่ที่มีตึกสวยๆนะครับ”


“คุณเอกเป็นวิศวกรเหรอค่ะ”เดือนรีบถามหลังจากที่เดือนได้ยินถึงลักษณะงาน แล้วสิ่งที่ผุดขึ้นมาในห้วของเดือนทันทีก็คือเข้ซึ่งเป็นวิศวกรเหมือนกัน เรื่องต่างๆที่เกิดขึ้นกับเดือนจนทำให้เดือนต้องมาหัวหินในวันนี้ สีหน้าของเดือนเริ่มเปลี่ยนไป


“ครับ ผมจบวิศวะโยธาครับ”เอกสังเกตว่าเดือนหันออกไปมองข้างนอกหน้าต่างจากกระจกมองหลัง และท่าทีเหมือนว่าจะหยุดสนทนา ทำให้เอกยุติการสนทนากับเดือนแล้วมองกลับมาที่จูนซึ่งนอนหลับมาตลอดทาง ขับมาอีกไม่นานเอกก็พาสาวสวยทั้งสองคนมาถึงบ้าน ตรีเมื่อเห็นรถเอกเข้ามาก็รีบจัดแจงพาเดือนเข้าสู่ห้องพัก ส่วนเอกพาจูนไปยังที่บ้านซึ่งอยู่ทางด้านหลังของบังกะโล


ช่วงเที่ยงบริเวณสยามสแควร์ท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนสีจากที่ช่วงเช้าสว่างจ้า กลับเป็นสีเทาเหมือนว่าความทุกข์ใจกำลังเข้ามา โทกำลังดูดน้ำจากแก้วน้ำที่มาพร้อมกับอาหารฟาสต์ฟู้ด เงาของหญิงสาวคนหนึ่งซึ่งโทไม่ต้องมองก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นแฟนของเค้าเข้ามาพร้อมกับเสียงลมหายใจเหมือนว่าหญิงสาวคนนี้ได้วิ่งมาเป็นระยะหลายกิโลเมตร หญิงนั่งลงด้านข้างโทพร้อมกับจับมือโทที่กำลังถือแก้วดูดน้ำอยู่ เหมือนบอกว่าให้ละจากแก้วที่กำลังสนใจชักชั่วครู่


“โท น้ำท้อง”


















สวนที่บังกะโลของแม่เอกมีต้นไม้หลากหลายชนิด ทั้งไม้ยืนต้น และไม้ดอก ต้นไม้ส่วนใหญ่ที่อยู่ในสวน แม่จะเป็นคนปลูกด้วยตัวเอง เวลาว่างช่วงบ่ายแม่เอกก็จะลงมาที่สวนซึ่งตำแหน่งของสวนจะอยู่ที่ใจกลางบังกะโลซึ่งบังกะโลทุกหลังสามารถมองเห็น และบ่ายนี้ก็เช่นกันแม่กับตรีกำลังกวาดใบไม้ ตัดแต่งต้นไม้ หลังจากที่ไม่สามารถลงทำสวนได้เนื่องจากฝนตกแทบทุกวัน ส่วนเดือนเมื่อออกมายืนที่ระเบียงก็มองออกไปที่สวนภาพตรงหน้าที่เดือนเห็นทำให้เดือนเริ่มคลายอารมณ์ เดือนเดินออกมาจากระเบียงมุ่งหน้าไปหาแม่และตรี


“เป็นไงครับคุณเดือน ห้องพักมีอะไรขาดตกบกพร่องไหม”ตรีถามทันทีที่เดือนเข้ามาใกล้


“เยี่ยมเลยค่ะคุณตรี”


“นี่แม่ผมครับ คุณเดือน”ตรีแนะนำแม่ที่นั่งตัดกิ่งชาอยู่


“หวัดดีค่ะคุณป้า ต้นไม้สวยดีนะค่ะ”


“หวัดดีค่ะ คุณเดือนเดินทางเหนื่อยไหม เห็นตรีบอกว่ามาจากเชียงใหม่ใช่ไหมค่ะ”แม่ถามเพราะเห็นท่าทางเดือนดูอ่อนล้า


“หายเหนื่อยแล้วค่ะ ยิ่งได้ทานอาหารเที่ยงที่นี่อร่อยมาก”
“ฝีมือแม่ผมเอง”ตรีแทรกมาทันที หลังจากนั้นเค้าก็ลุกไปที่ห้องครัวทันทีเพื่อไปหยิบน้ำมาให้แม่และเดือน


“คุณป้ามีลูกชายสองคนเหรอค่ะ นิสัยดีทั้งคู่เลย”เดือนถามหลังจากที่ตรีเดินออกไป


“มีลูกชายสามคน และมีลูกบุญธรรมที่เป็นเพื่อนเอกอีกคนค่ะ”แม่ละจากงานแล้วหันมาคุยกับเดือน “จบวิศวะกันทุกคนเลยค่ะ”แม่พูดด้วยความภูมิใจ “คุณเดือนได้เดินไปทะเลยังค่ะ ช่วงนี้ถึงแม้จะมีฝนแต่ทะเลก็สวยไปอีกแบบ”แม่ชี้เส้นทางที่จะไปทะเลซึ่งต้องเดินข้ามถนน เลียบซอยคอนโดมิเนียมก็จะถึงที่ชายหาด


“งั้นเดือนขอตัวนะค่ะ”เดือนค่อยๆเดินออกไปทางชายหาดที่แม่บอก ส่วนตรีก็ค่อยๆเดินมาพร้อมกับถาดน้ำ


“อ้าว...คุณเดือนหล่ะแม่ อุตส่าห์เอาน้ำมาเผื่อ” ตรีเทน้ำยื่นให้แม่


“แม่ว่าคุณเดือนเค้าต้องมีเรื่องอะไรที่ไม่สบายใจแน่นอน”


“อกหักไงแม่ ดูก็รู้”ตรีตอบมาทันทีที่แม่บอก


“รู้ได้ไง” แม่หยุดดื่มน้ำแล้วหันมามองตรี


“ง่ายมาก เช็คจากเน็ทไงแม่ เดี๋ยวนี้อยากรู้อะไรก็ไปถามจากเน็ท เหมือนกระจกวิเศษบอกข้าเถิดในสโนว์ไวท์ไงแม่” ก่อนที่แม่จะละมือจากแก้วน้ำเพื่อจะมาเขกหัว ตรีก็รีบวิ่งออกมาทันที “ไปเข้าห้องน้ำก่อนนะแม่ เดี๋ยวมา”


เดือนเดินข้ามถนนจากหน้าบังกะโล ค่อยสูดอากาศที่ทางภาคเหนือไม่มี กลิ่มไอความเค็มของทะเลค่อยๆแรงขึ้น แสดงให้เห็นความแตกต่างของอากาศที่ฝั่งบังกะโลกับฝั่งชายหาด เพียงแค่ข้ามถนน เสียงคลื่นที่ซัดเข้ามาที่หาด กับสีที่เข้มของท้องฟ้าและทะเล ทำให้ทะเลดูแปลกตาไปตามที่แม่เอกบอก เดือนถอดรองเท้าเมื่อถึงชายหาด


“บรรยากาศดีไหมครับคุณเดือน”เสียงเอกทักทันทีที่เดือนถอดรองเท้าเสร็จ ภาพที่เห็นเอกกำลังจูงสุนัขตัวใหญ่ขนสีทองมันเป็นประกาย


“กัดไหมค่ะ” เดือนผวาแทบล้มเมื่อเห็นสุนัขตัวใหญ่เข้ามาใกล้


“ไม่กัดหรอกครับ ชื่อเจ้าบิ๊กครับ”เจ้าบิ๊กเป็นสุนัขเพศผู้พันธุ์ โกลเด้น รีทีฟเวอร์ บิ๊กค่อยๆเข้าไปเลียขาเดือนทันทีที่เอกพูดเสร็จ “บิ๊ก นั่ง นั่ง” เอกออกคำสั่งทันทีที่บิ๊กกำลังเลียอยู่ “โทษทีนะครับมันเห็นใครสวยๆไม่ได้” เอกเผลอพูดออกไปทันที เพราะเจ้าบิ๊กจะเข้าไปเคลียคลอกับผู้หญิงเป็นส่วนใหญ่


“ไม่เป็นไรค่ะ แสดงว่าเจ้าบิ๊กมันตาถึงนะค่ะ”เดือนพูดออกไปพร้อมกับหัวเราะ เอกโล่งใจที่เดือนไม่ว่าอะไรที่ได้เผลอพูด เอกเลยหัวเราะกลบเกลื่อนไปด้วย


“เดินเล่นไหมครับ ผมเดินเป็นเพื่อน”
เดือนพยักหน้าตอบรับ เจ้าบิ๊กก็วิ่งอยู่ข้างๆเดือนเหมือนกับว่าเดือนเป็นเจ้าของที่เลี้ยงมันมาตั้งแต่เกิด ทั้งสามเดินเลียบชายหาดไปทางเขาตะเกียบ


“คุณจูนหล่ะค่ะ” เดือนนึกได้ว่าวันนี้มีจูนมาด้วย


“ยังนอนอยู่ครับ เย็นๆคงตื่น สงสัยจะเพลีย” เอกยกข้อมือซ้ายขึ้นมาดู เหมือนรู้ว่าจูนจะตื่นตอนกี่โมง


“เย็นนี้ไปไหนดีค่ะ คุณเอกแนะนำหน่อยได้ไหมค่ะ”
“หัวค่ำผมจะไปที่ตลาดฉัตรไชยไปด้วยกันไหมครับ จูนเค้าชอบไปเดินเล่นนะครับ”


“ไม่ไปเป็น กขค.เหรอค่ะ” เดือนเกรงใจเพราะเอกคงอาจจะอยากไปเดินกับแฟน


“ไม่หรอกครับ ผมกับจูนตอนนี้เป็นเพื่อนกันครับ ไปหลายๆคนจะได้สนุก” เอกพยายามจะเปลี่ยนความคิดเดือนให้เห็นว่าเป็นแค่เพื่อน “แล้วพรุ่งนี้คุณเดือนมีโปรแกรมไปไหนไม่ครับ”


“ยังค่ะมีที่ไหนแนะนำไหมค่ะ”


“เขาสามร้อยยอดดีไหมครับ มีขึ้นเขาชมวิว หรือเที่ยวถ้ำ ล่องแม่น้ำ”


“แต่เดือนไปคนเดียวคงไม่สนุก คิดว่าอาจจะอยู่ที่บังกะโลอ่านหนังสือดีกว่า”เดือนเพิ่งนึกขึ้นมาได้ว่ามาเที่ยวคนเดียว และถ้ารบกวนเอกอีกก็คงจะไม่ดี


“งั้นพรุ่งนี้จูนเค้าอยากไปไหน แล้วผมจะมาชวนคุณเดือนแล้วกัน”เอกกับเดือนเดินไปตามหาดที่ทอดยาวไปถึงเขาตะเกียบ โดยความรู้สึกเหมือนหนุ่มสาวที่กำลังจะเริ่มทำความรู้จักกัน


กรุงเทพฯในช่วงเย็นวันหยุดก็ไม่ต่างอะไรจากวันทำงาน เพราะรถตามท้องถนนได้ออกมาอวดโฉมกันบ้างก็กลับบ้าน บ้างก็พาครอบครัวมาทานข้าวเย็น แต่รถของโทแทบจะขับรถไร้จุดหมาย หลังจากที่พูดคุยกับน้ำกันในรถเรื่องที่น้ำท้อง และโทก็พาน้ำส่งกลับที่บ้านก่อนอาหารเย็น โดยที่สัญญากับน้ำว่าจะหาทางออกที่ดีที่สุดสำหรับทุกคน เพื่อที่จะให้น้ำสงบจิตใจไว้ก่อนที่จะทำให้ร่างกายที่มีลูกในครรภ์แย่ลงไปกว่านี้ สุดท้ายหลังจากที่โทขับรถวนไปวนมา เหมือนกับการที่คิดจะแก้ปัญหา โทก็กลับมาที่คอนโดมิเนียม


“กลับมาเร็วจัง” เข้ทักทายทันทีที่โทเปิดประตูเข้ามา


“พระเจ้า พี่เข้กลับมาก็ดี” โทรีบอุทานทันทีที่เห็นเข้ ทั้งๆที่น่าจะถามว่า “กลับมาเมื่อไหร่” แต่ก็ไม่ทันแล้ว “พี่ผมเรื่องปรึกษาหน่อย แต่พี่อย่าเพิ่งไปบอกพี่เอกนะ”


“ไปทำเค้าท้องมาเหรอ ตกใจใหญ่เลย” เข้ชอบพูดแบบนี้อยู่แล้วตามนิสัยหนุ่มเจ้าสำราญ


“ใช่ พี่”โทตอบทันทีที่เข้พูดจบ


“เย้ย ไม่ต้องรับมุขกันขนาดนั้นก็ได้ มีอะไรว่ามา”เข้กลับมาเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม


“น้ำท้อง” พอคำพูดคำนี้สิ้นสุดบรรยากาศภายในห้องก็เงียบลงทันที เหมือนกับว่าฟ้าผ่าลงมาที่ห้องดังสนั่นแล้วทุกคนที่อยู่ในนี้หูอื้อไปทันทีที่เสียงฟ้าผ่าได้สงบลง




ตลาดฉัตรไชยหรือบางคนก็เรียกว่าโต้รุ่ง ช่วงวันหยุดจะเต็มไปด้วยผู้คนที่คับคลั่ง ปกติเอกไม่ค่อยจะชอบเดินเท่าไหร่ แต่วันนี้การที่เอกพาเดือนมาด้วยทำให้รู้สึกว่าที่มาเดินครั้งนี้พิเศษกว่าทุกครั้ง จูนกับเดือนเดินไปดูของด้วยกันทั้งคู่ต่างสนิทกันได้เร็ว อาจจะเป็นเพราะการเดินดูของแม้ไม่ได้ซื้อซึ่งเป็นนิสัยพื้นฐานของสาวๆ เอกเดินตามหลังแอบปลื้มใจไม่ได้ เพราะเมื่อเวลาหนุ่มๆเดินผ่านจูนกับเดือนก็จะหันมามองตาไม่กระพริบ หลังจากที่ทุกคนเดินกันจนครบเอกก็ชวนมานั่งที่ร้านกาแฟที่อยู่ตรงหัวมุมฝั่งตรงข้ามกับตลาด


“เหนื่อยจังเลย”จูนบอกกับทุกคน


“นี่ถ้าตลาดใหญ่กว่านี้ เอกว่าจูนก็เดินได้อีก นี่ยังน้อยไปสำหรับจูน”


“คุณเอกแปลกนะค่ะ ปกติเดือนเห็นผู้ชายทั่วไปไม่ค่อยชอบเดินกันเท่าไหร่”


“ชินแล้วครับคุณเดือน โดนจูนบังคับให้เดินตั้งแต่สมัยหัดคลาน”


“เกินไป เกินไป เอก นั่นแม่เอกแล้ว” จูนหันมามองทางเดือนแล้วเปลี่ยนเรื่องคุย “ทำไมคุณเดือนไม่ชวนแฟนมาด้วยหล่ะค่ะ”


“จูน” เอกรีบห้าม ทำให้จูนนึกขึ้นมาได้ว่าเดือนเป็นลูกค้าบ้านเอก


“ไม่เป็นไรค่ะ เดือนยังไม่มีแฟนค่ะ คุณเอกกับคุณจูนคุยกับเดือนได้คิดว่าเป็นเพื่อนก็แล้วกัน”


“สวยอย่างคุณเดือนยังไม่มีแฟนเหรอค่ะ”คราวนี้เอกมองหน้าจูนโดยส่งสายตาที่ให้เห็นว่าคำถามแบบนี้ไม่ควรถาม แต่จูนก็ไม่สนใจ “เหมือนจูนเลยเพิ่งเลิกกับแฟนมา ตอนนี้ว่าง เรามาอยู่แก็งค์สาวโสดกันดีกว่า ผู้ชายนะห่างๆไว้ชอบทำร้ายผู้หญิงตัวเล็กๆ” จูนหันมาแลบลิ้นใส่เอก


“เห็นด้วยค่ะคุณจูน” เดือนยิ้มพร้อมพยักหน้า


“เอากันเข้าไป เป็นปี่เป็นแซคเลย”

“เป็นขลุ่ย” จูนรีบแก้ให้เอกที่แกล้งพูดผิด เดือนอดที่จะหัวเราะไม่ได้ที่สองคนพูดคุยกันอย่างนี้


“คุณเอกน่ารักดีนะคุณจูน นี่ถ้าคุณเอกยังไม่มีแฟนเดือนวางมัดจำทันที” เดือนเริ่มที่จะปล่อยมุขบ้างหลังจากที่ไม่ได้คุยอะไรๆสนุกมานาน


“งั้นเอามาสองร้อย ตอนนี้เอกเค้ายังว่างอยู่ค่ะ”จูนยกมือขึ้นมาขอเงิน แต่เดือนถึงกับเขินขึ้นมาเพราะว่าผู้ชายอย่างเอกน่าจะมีแฟนไปแล้ว เอกยิ้มให้เดือนเพราะคิดว่าเดือนคงจะพูดเล่น


“เอกว่า เรากับบ้านกันดีกว่า แม่คงรออยู่”เอกรีบตัดบทก่อนที่ทุกคนจะทำอะไรไม่ถูก


“แป๊ปนะเอก จูนยังดื่มกาแฟไม่หมดเลย ใจเย็น ถ้าแม่ว่าอะไรจูนรับเองเหมือนเดิม”


“คุณจูนทำงานอะไรเหรอค่ะ คุยกันมาตั้งนานยังไม่รู้เลย”


“ไม่ช้อปปิ้ง ก็ไปสปา” เอกรีบตอบแทนทันทีที่เดือนถามเสร็จ


“บ้าเหรอ ทำงานที่บ้านค่ะอยู่ฝ่ายการตลาดเกี่ยวกับรถยนต์ค่ะ แล้วคุณเดือนหล่ะค่ะ”


“ทำงานโรงแรมที่เชียงใหม่ค่ะ” เดือนหยิบนามบัตรที่มีเหลืออยู่ใบเดียวส่งให้จูน “โทษทีค่ะ พอดีเดือนไม่ได้เตรียมนามบัตรมาเหลืออยู่ใบเดียว”


“ไม่เป็นไรครับคุณเดือน ให้สมาชิกคนในแก็งค์สาวโสดก่อนแล้วกัน” เอกยกมือชี้ไปทางจูน “กลับกันนะแม่เอกเค้าจะรอ”








Create Date : 25 เมษายน 2549
Last Update : 25 เมษายน 2549 11:01:50 น. 1 comments
Counter : 261 Pageviews.

 
เข้ามารออ่านตอนต่อไปคับ

*มีตัวสะกดผิดอ่ะคับ เช่นตอนที่เดือนได้พวงกุญแจน่า*รัก(คำว่ารักหายไป) เป็นต้น คือมันผิดนิด ๆ หน่อย ๆ ก็ไม่เป็นไรหรอก แต่อันนี้ผมอ่านแล้วรู้สึกว่าความหมายมันเปลี่ยนไปเลยอ่ะครับ ยังไงก็จะติดตามจนจบนะครับ


โดย: tomeo (TOMeo ) วันที่: 25 เมษายน 2549 เวลา:14:55:28 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

yodying_jung
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add yodying_jung's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.