บัวลอยน้ำขิง ทำกินเอง
สวัสดีอีกครั้งค่ะหลังจากที่หายหน้าหายตาไปนานสองนาน ไม่ใช่ว่าไม่มีเรื่องราวอะไรมาอัพเดตนะคะ หรือว่าไม่ว่างแต่อย่างใด ออกจะว่างแสนว่างค่ะ และมีอะไรๆอยากจะมาเมาส์เยอะแยะมากมายก่ายกอง แต่พอเปิดคอมได้ปุ๊บก็มัวแต่ ทำอะไรไม่รุ้ แปปๆก็หมดวัน เลยไม่ได้เอาเรื่องในหัวมาลงบล็อกสักกะที เข้าเรื่องบัวลอยน้ำขิงของหญิงดีกว่าค่ะ แต่ .... ขอเล่าอีกนิดนะ อิอิ เรื่องของเรื่องที่อยู่ๆก็ลุกมาทำบัวลอยน้ำขิงเพราะหญิงชอบกินมากๆค่ะ ถ้ายังอยู่บ้านที่กรุงเทพก็คงไม่ลุกขึ้นมาทำแน่นอน เพราะไม่ชอบเข้าครัวค่ะและเพราะว่า ทำไม่เก่งนั่นเองและเพราะอีกครั้ง ทำไม่ได้เรื่องไม่อร่อยด้วยเลยไม่อยากจะทำ นานๆจะมีอารมณ์อยากจะทำอะไรสักอย่าง และบัวลอยน้ำขิงเนี่ยหละที่อยากจะกินอิอิ ก็มาตามหารักแท้ที่ปราณบุรีอ่ะนะ หาอะไรอย่างที่กรุงเทพมีเนี่ย ยากจริงๆค่ะ อย่างบัวลอยน้ำขิงเนี่ย ที่นี้ไม่มีขายเลย เลยต้องทำเอง
Free TextEditor
หน้าตาบัวลอยน้ำขิงของหญิงค่ะ อิอิ
Free TextEditor
นี้คือครั้งที่สองที่ทำนะคะ ครั้งแรก แป้งมันไม่ค่อยเข้าท่าเท่าไร ปั้นก็ไม่ได้เหนียวๆติดมือ และงาดำก็ปั้นไม่ได้เหมือนกัน เป็นเพราะหญิงอ่านสูตรมาไม่ดีค่ะ มั่นใจเกินไป และก็รีบทำด้วยค่ะ อิอิ เริ่มเลยดีกว่า อุปกรณ์สำหรับบัวลอยยี่สิบลูก คือ หนึ่ง ขิงแก่ๆหรือไม่แก่แล้วแต่ความชอบค่ะ ประมาณยี่สิบบาท สอง งาดำสิบบาท หรือจะซื้อของไร่ทิพย์ หนึ่งร้อยกรัมสิบสองบาทก็ได้ค่ะ แต่แบ่งทำแค่ครึ่งถุงนะคะ ก็กินได้ทั้งครอบครัวแล้วค่ะ สาม น้ำตาลปี๊บหนึ่งช้อนโต๊ะ สำหรับเคี่ยวงาค่ะ สี่ น้ำตาลทรายแดงสำหรับใส่น้ำขิงค่ะ ไม่มีก็ทรายขาวก็ได้แต่สีจะไม่ค่อยสวยแต่ก็กินได้เหมือนกัน อิอิ ห้า แป้งข้าวเหนียวหนึ่งถ้วยตวง หก แป้งข้าวจ้าวครึ่งถ้วยตวง เจ็ด น้ำอุ่นหรือน้ำร้อนเลยยิ่งดี สำหรับนวดแป้งค่ะ ก่อนอื่นต้มน้ำขิงก่อนเลยค่ะ ขิงแก่ๆนะคะ จะได้เผ็ดๆ แต่ถ้าไม่ชอบเผ็ดก็เอาขิงอ่อนก็ได้เพราะอย่างหม้อที่สองที่หญิงต้มนี่ก็ใช้ขิงอ่อนค่ะ ก็เผ็ดน้อยหน่อย แล้วก็ใส่น้ำตาลทรายแดงนะคะสีจะได้สวยๆ ระหว่างที่ต้มน้ำขิงเราก็คั่วงาดำไปด้วยเลยค่ะ ถ้าที่บ้านมีเตาสองหัวเหมือนหญิงนะคะ คั่วไฟอ่อนๆนะคะเดี๋ยวจะไหม้ เอาแค่พอหอมๆ แล้วก็เอามาใส่เครื่องปั่นเลยค่ะ ปั่นให้ละเอียด แต่หญิงเห็นบางสูตรเค้าตำกัน แต่ขอบอกว่า เลอะเทอะค่ะ หกเต็มบ้าน ปั่นดีกว่าค่ะ เร็วดี ระเอียดด้วย เสร็จแล้วก็ตั้งกระทะไฟอ่อนใส่น้ำตาลปี๊บค่อยๆใส่น้ำทีละนิดอย่ามากเกินไปนะคะ แล้วก็ใส่งาดำป่นลงไปเคี่ยวให้เข้ากันจนข้นเหนียว (ถ้าใส่น้ำมากไปจะเป็นเหมือนหญิงในครั้งแรกที่ปั้นงาไม่ได้นะคะจะบอกให้ อิอิ) เสร็จแล้วก็ยกลงจากเตาและเอาเข้าตู้เย็น จะได้ปั้นง่ายๆค่ะ และเพื่อระหว่างนี้ เราก็มานวดแป้งกัน เริ่มจากเอาแป้งข้าวเหนียวกับแป้งข้าวจ้าวที่เตรียมไว้มาใส่รวมกัน ค่อยๆใส่น้ำอุ่นหรือน้ำร้อนเลยก็ได้ค่ะ ซึ่งตอนแรกหญิงไม่ได้ใช้น้ำอุ่น แป้งแตกและปั้นไม่ได้เลย (ในสูตรก็ไม่ได้บอกเคล็ดนี้ด้วยง่ะ) ดีที่คุณแม่สามีมาแนะให้ใส่ ครั้งที่สองนี้เลยออกมาดีมากๆค่ะ แป้งเหนียวนุ่มปั้นง่ายมาก ค่อยๆนวด ค่อยๆใส่น้ำไปนะคะ อย่าเทน้ำพรวดลงไปเดี๋ยวแป้งจะเละค่ะ อิอิ นวดจนรู้สึกว่าได้ที่แล้วก็ บิดแป้งสักครึ่งช้อนโต๊ะ ปั้นเป็นลุกกลมๆแล้วก็บี้ให้แบนแล้วก็เอางาดำที่ปั้นเตรียมไว้เป็นลูกมาว่างใส่เป็นใส้ค่ะ งงอ่ะสิ ว่าปั้นงาดำตอนไหน อิอิหญิงบอกข้ามขั้นตอนปั้นงาดำไปค่ะ อิอิ ระหว่างนี้ที่นวดแป้งเสร็จแล้วจะไปปั้นงาดำกันหรือจะทิ้งไปทำอะไรอย่างอื่น แนะนำให้เอาถุงมาครอบแป้งไว้ด้วยนะคะเพราะแป้งจะได้ไม่แห้งแตกค่ะ Free TextEditor
หลังจากที่ปั้นแป้งใส่ใส้งาเสร็จแล้ว เราก็เอาลงต้มในน้ำเดือดๆเลยนะคะ ค่อยดูว่าลูกบัวลอยมันลอยขึ้นมาแล้วก็แสดงว่าใช้ได้ ตักขึ้นมาใส่น้ำเย็นอีกทีนะคะ แป้งจะได้ไม่เละ และถ้าเราอยากจะเก็บไว้กินวันหลังก็ให้เก็บใส่กล่องที่ใส่น้ำไว้นิดหน่อย แบบว่า แช่น้ำไว้น่ะค่ะ เสร็จแล้ว ง่ายจริงๆ อาทิตย์นี้หญิงทำกินมาสองรอบแล้วค่ะ อิอิ พอทำได้และง่ายขนาดนี้ก็ทำใหญ่เลย ยิ่งแม่สามีชอบอยู่แล้วด้วยก็มีเพื่อนกินค่ะ และยิ่งมีเม็ดแป๊ะก๋วยด้วยคุณแม่ยิ่งชอบ อิอิ ว่าแล้ว ใครที่ยังไม่เคยลองทำ ก็มาเริ่มกันซะตั้งแต่วันนี้ดีกว่าค่ะ สนุกดี หรือใครที่เชี่ยวชาญแล้วมีเคล็ดลับดีๆก็กรุณาแนะนำกันด้วยนะคะ จักขอบคุณเป็นอย่างยิ่งค่ะ อิอิอิอิ
Free TextEditor
Create Date : 15 กันยายน 2553 |
|
3 comments |
Last Update : 15 กันยายน 2553 15:54:42 น. |
Counter : 1386 Pageviews. |
|
|
|
ขอบคุณค่ะ