Bloggang.com : zazi_i : สังขละบุรี I

สังขละบุรี I

หายไปซะนาน..ไม่ได้มาอัพเลย ช่วงเวลาที่ผ่านมาชีวิตสับสนวุ่นวาย จนถึงขนาดต้องหนีไปเที่ยวกันเลยทีเดียว ทริปนี้เป็น backpacker ตัวจริงเสียงจริง ใช้ระบบ walk-in ลุยๆกันเข้าไปเลย จุดประสงค์หลักคงเพราะ "อยากเที่ยว&อยากถ่ายรูป" นั่นแหละ..

ออกจากห้องตี 3 ครึ่ง รีบไปซื้อตั๋ว ป.1 ที่หมอชิตตอนตี 4 รถออกตี 5 นั่งรถ 6-7 ชั่วโมงได้ กว่าจะถึงจุดหมายปลายทางของเรา "สังขละบุรี" เมืองที่แสนจะเงี๊ยบ..เงียบบ..(เงียบกว่าที่คิดมั่กๆ!!)
("สังขละบุรี" เมืองสามหมอก ดินแดนสามวัฒนธรรม เมืองแห่งสายน้ำ ขุนเขา และผืนป่าอันอุดม.. เมืองที่มีความงามหลากหลายทางเชื้อชาติและวัฒนธรรม ของพี่น้องต่างเผ่าพันธุ์ ทั้งมอญ กระเหรี่ยง ไทย ลาว พม่า ฯลฯ
"สังขละบุรี" เป็นอำเภอที่ติดต่อกับชายแดนพม่า ห่างจากตัวเมืองประมาณ 215 กิโลเมตร และอยู่ห่างจากอำเภอทองผาภูมิ 74 กิโลเมตร เส้นทางนี้จะตัดผ่านภูเขาเลียบทะเลสาบเขื่อนเขาแหลม มองเห็นทัศนียภาพที่งดงาม อำเภอสังขละบุรีมีชาวมอญอาศัยตั้งบ้านเรือนอยู่เป็นจำนวนมาก ตัวอำเภอตั้งอยู่บริเวณที่เรียกว่า "สามประสบ" คือบริเวณที่ลำน้ำสามสาย อันได้แก่ ห้วยซองกะเลีย ห้วยบิคลี่ และห้วยรันตี ไหลมาบรรจบกันเป็นแม่น้ำแควน้อย)

ไปถึงประมาณเที่ยงก่าๆ กะว่าจะได้ package "ขี่ช้าง-ล่องแก่ง" ตอนบ่ายโมง แต่ดันไม่มีเพื่อนร่วมทริป ลำพังพวกเรามีกันแค่ 2 คน เค้าเลยไม่ยอมไปให้ อดสิครับ!! เลยไป "สะพานมอญ" ถ่ายรูปแทน แต่ไม่ไหว..แดดร้อนชิหายย!! ทำไรไม่ได้ ต้องกลับไปนอนรอออกมาอีกทีตอนเย็น
("สะพานมอญ" เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า สะพานอุตตมานุสรณ์ เป็นสะพานไม้ที่ยาวที่สุดในประเทศไทยมีความยาวถึง 850 เมตร สร้างข้ามลำน้ำซองกาเลียสำหรับให้ประชาชนฝั่งตัวอำเภอสังขละบุรีและฝั่งหมู่บ้านชาวมอญเดินข้ามสัญจรไปมา บริเวณสะพานแห่งนี้เป็นจุดชมวิวทะเลสาบเขื่อนวชิราลงกรณ์ที่สวยงามสามารถมองเห็นลำห้วยสายต่างๆ คือ ซองกาเลีย บีคลี่ และรันตี ที่ไหลมารวมกันเป็นสามประสบ)

ตั้งนาฬิกาตื่นมาอีกทีตอน 4 โมงเย็น กะว่าจะไปเดินถ่ายรูปที่สะพานมอญอีก แต่ไหงไปโผล่ที่ "วัดวังก์วิเวการาม" ได้หว่า??
("วัดวังก์วิเวการาม" อยู่เลยจากตัวอำเภอสังขละบุรีไปประมาณ 6 กิโลเมตร เป็นวัดจำพรรษาของ "หลวงพ่ออุตตมะ" ซึ่งเป็นที่เคารพนับถือของประชาชนชาวไทย ชาวมอญ รวมทั้งชาวกระเหรี่ยงและพม่าที่อาศัยอยู่ในบริเวณนั้น)

เลยได้เข้าไปไหว้ "หลวงพ่ออุตตมะ"

พร้อมกับชักภาพอีกเล็กน้อย

เล็กน้อยจริงๆ(นะ)

แล้วก็เดินออกไปที่ "เจดีย์พุทธคยา" กันต่อ
(จากวัดวังก์วิเวการามแยกไปอีก 1 กิโลเมตร จะเป็นที่ตั้งของ "เจดีย์แบบพุทธคยา" มีลักษณะฐานเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสบรรจุพระบรมสารีริกธาตุส่วนที่เป็นกระดูกนิ้วหัวแม่มือขวา ขนาดเท่าเมล็ดข้าวสาร บริเวณใกล้เจดีย์มีร้านจำหน่ายสินค้าจากพม่าหลายร้านจำพวกผ้า แป้งพม่า เครื่องไม้)

อันนี้เป็นด้านหน้าทางเข้า มีเจ้า 2 ตัวนี้คล้ายๆในเรื่อง "นเรศวรฯ" เลย

เจ้าแมวตัวเนี้ย..ท่าทางจะเป็นแมวเฝ้าเจดีย์ เห็นคนอื่นที่โพสรูปเที่ยวสังขละ ก็มีเจ้าแมวตัวนี้เป็นนาง/นายแบบในรูปนั้นด้วยเหมือนกัน ห่ะห่ะ!!

อยู่ที่นี่จนพระอาทิตย์เกือบจะลับขอบฟ้าได้

เห็นเค้าตั้งเหรียญกันก็เลยตั้งกะเค้าบ้าง..ไม่รู้มีความหมายอะไรรึป่าวนะ

แล้วก็ไปสะพานมอญกันอีกครั้ง แต่คราวนี้มีไกด์ชาวมอญตัวน้อยมาให้ข้อมูลกับเราด้วย พูดฟังรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง ท่องกันมาเลยทีเดียว ปกติ..พูดกันธรรมดาๆก็ฟังไม่ค่อยจะรู้เรื่องอยู่แล้ว นี่เล่นเอาท่องไฟแล่บ เลยจับใจความได้แค่นิดหน่อยเอง..วุ้ยย!!

อยู่กันจนค่ำมืด นักท่องเที่ยวหายกันไปหมด เหลือแค่พวกเรา 2 คน ห่ะห่ะ!!

แสง(แดด)สุดท้ายของวัน..

เริ่มต้นคืนใหม่ด้วยแสงจากดวงจันทร์ และแสงไฟนำทาง

ไว้แค่นี้ก่อนดีก่า เด๋วค่อยไปดูต่อกันใน "สังขละบุรี II"

ข้อมูลอ้างอิงจาก //www.kanchanaburi.com/tr-sungkha.shtml

Create Date : 22 มกราคม 2551

Last Update : 24 มกราคม 2551 11:24:48 น.

12 comments

Counter : 1484 Pageviews.

ว้าว สังขละบุรี อยากไปมานานมากๆเลยนะครับ แต่ยังไม่มีโอกาสเลย อบากไปเดินข้ามสะพานไม้ครับ ที่จริงก็ไม่ห่างจาก กทม เท่าไรนะครับ วันนี้ขอไปเที่ยวด้วยคนได้ไหมครับ

โดย: ซอร์บอนน์ (ซอร์บอนน์

) วันที่: 22 มกราคม 2551 เวลา:22:40:02 น.

ถ่ายภาพสวยจังเลยค่ะ
เมืองกาญจน์ยังมีอีกหลายที่ให้เที่ยวนะคะ
คราวหน้าแวะมาเที่ยวอีกนะคะ

โดย: The world is flat

วันที่: 22 มกราคม 2551 เวลา:22:58:41 น.

เมืองกาญใกล้จริงค่ะ

แต่สังขละไกล๊ไกลอ่ะ

นั่งรถเหนื่อยเลยเหมือนกัน (แต่คุ้ม)

โดย: zazi_i

วันที่: 23 มกราคม 2551 เวลา:12:55:37 น.

อยากไปจัง

โดย: geenotip IP: 58.9.196.207 วันที่: 23 มกราคม 2551 เวลา:14:07:07 น.

โตที่เมืองกาญค่ะ แต่ตอนนี้มาอยู่อยุธยาเมืองเก่าแล้ว (แบบว่าลูกทหารน่ะค่ะ)
เที่ยวมาทั่วกาญแล้วแต่ยังไม่เคยไปเที่ยวสังขละเลย
ตั้งใจไว้ว่าสิ้นปีนี้จะไปนะคะ ตอนนี้อยู่ในช่วงเก็บข้อมูลอยู่ค่ะ

ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆนะคะ

โดย: Modxxx IP: 118.174.164.251 วันที่: 17 ตุลาคม 2551 เวลา:19:32:06 น.

อยากไปอีกค่ะ อากาศดี

โดย: zazi_i

วันที่: 19 ตุลาคม 2551 เวลา:22:34:16 น.

ดีมากครับกำลังอยากไปแต่เดินทางนานมากเลยครับตั้ง 6-7 ชั่วโมงเลย

โดย: boonchai IP: 58.8.199.111 วันที่: 2 พฤศจิกายน 2551 เวลา:23:27:23 น.

กำลังอยากไปพอดีเลย ถ้ายรูปสวยจัง

โดย: 555555 IP: 58.9.57.209 วันที่: 6 พฤศจิกายน 2551 เวลา:22:13:45 น.

น่าไปมากครับ จะไปวันที่ 1 ธ.ค.51 นี้แหละ

โดย: 55555 IP: 125.24.156.167 วันที่: 28 พฤศจิกายน 2551 เวลา:9:48:53 น.

เกิดที่สังขละ และทำงานอยู่ที่นี่ ได้เห็นสะพานไม้ทุ้กวัน เฮ้อ สวย สงบ มามาเที่ยวกันเยอะนะ เศรษฐกิจที่นี่จะได้ดีแบบนี้ตลอดไป

โดย: คนสังขละ IP: 125.27.192.149 วันที่: 11 ธันวาคม 2551 เวลา:9:55:39 น.

พลาดไปนิด ผ่านไปหน่อย ถอยกลับมาทองผาภูมิดิ

อะนี่ข้อมูลใหม่มากของกาญจนบุรี ช่วยกันแจ้งข่าวออกไป เพื่อกระตุ้นจิตสำนึกการท่องเที่ยวไทยให้หันมาสนใจทองผาภูมิบ้าง

ทองผาภูมิ กาญจนบุรี มิใช่ ณ ชายแดนปิล๊อกบ้านป้าเกล็นแห่งเดียว( //www.parglen.com )แต่มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายเที่ยวได้ทั้งปี ตั้งแต่เขาเขตทองผาภูมิก็มีวัดท่านมิตสุโอะ น้ำตกผาตาด น้ำพุร้อนหินดาด น้ำตกผาสวรรค์ ขี่ช้างล่องแพลิ่นถิ่น มีโฮมสเตย์ของนักทำโป่งเทียม เป็นบ้านเรือนไทยที่สวยงามสร้างโดยไม่มีการเขียนแบบ มีของเก่าของโบราณมาตกแต่งไว้ให้เรียนรู้ ชื่อภูผาตาด โฮมสเตย์(www.panoramatown.com/phuphatat ) มีกิจกรรมนมัสการพระพม่าอายุ 90 ปี สวดมนต์แบบพม่า พาไปสำรวจน้ำตกใหม่ที่นักข่าวไทยพีบีเอสบอกว่าสู้ทีลอซูได้สบายมาก รายการทีวีไทยสุดสัปดาห์ยืนยันได้ในความงาม

ไปอีกนิดถึงเมืองทองผาภูมิ มีร้านแนวๆชื่อลูนู๋( //www.lunu.biz ) มีร้านทอง(แดงสดใส)ที่ดูเหมือนจะเป็นเอกลักษณ์ของตลาดทองผาภูมิ มีตลาดนั่งยองในแบบชาวบ้าน มีขนมทองโย๊ะขนมแปลกแห่งทองผาภูมิ มีแม่น้ำข้ามได้ สะพานแขวน และศพไม่เน่าเปื่อยของหลวงปู่สายที่ลือชื่อเรื่องปาฎิหาร มีพระเจดีย์คีรี ที่ดูวิวทองผาภูมิ 360 องศา ณ วัดท่าขนุน มีพระขาวภปร.องค์ใหญ่มากเป็น 1 ใน 10 และเป็นองค์สุดท้ายที่ในหลวงทรงสร้าง

ออกจากเมืองไปไม่ไกลชมวิวทิวเขื่อนและทะเลาะกับลิงที่เขื่อนเขาแหลม( //vrk.egat.com )ที่พักติดเขื่อนเขาแหลมที่ใกล้ๆอัธยาศัยดีและราคาถูกมากๆสร้างในแนวที่ฝรั่งชอบมากๆก็ได้แก่ บ้านเก็บตะวัน โฮมสเตย์ ( //keptawan.siam2web.com )บ้านของลุงยศ ไกด์ผู้บุกเบิกฝรั่งเดินป่าแห่งกาญจบุรี ซึ่งขึ้นชื่อในเรื่องความงามของวิวทะเล กิจกรรมพายเรือคยัค แคนนูข้ามเขื่อน และความงามของพระอาทิตย์ตก บริเวณนั้นมีวิถีชาวบ้านของหมู่บ้านท่าแพ ใกล้ๆมีจุดชมวิวทะเลที่เหมือนวิวเกาะกลางทะเล

เลยไปอีกไม่กี่กิโลเมตร มีหมู่บ้านห้วยเขย่ง หมู่บ้านที่เคยเลี้ยงช้างเพื่อชักลากไม้ มีสวนป่า พุปลิง ปูราชินีที่เดียวของโลก ค้างคาวกิตติสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่เล็กที่สุดในโลก ณ ถ้ำหินงอกหินย้อย ถ้ำ 28 มีบึงน้ำทิพย์ที่ป่าไม้เพิ่งจะไปบุกเบิกใหม่ ถ่อแพข้ามไป มีต้นไม้ยักษ์ น้ำตกสายรุ้ง มีหมู่บ้านพูดเหนือเหมือนเมืองเชียงใหม่ มีหมู่บ้านพูดลาวด้วย มีชาวกระเหรี่ยง พม่ามากมายอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข มีที่นั่งห้างดูช้าง หรือวันดีคืนดีเห็นตัวเป็นๆเย็นๆมากันเป็นโขลงก็พบกันอยู่บ่อยๆ

ในเขตหมู่บ้านนี้ยังมีบ้านไร่วิมานดิน ออร์แกนนิค ฟาร์มสเตย์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยให้เข้าเยี่ยมชมและเข้าพัก( //www.vimandin.com )ขอบอกว่าที่นี่โรแมนติคมากๆ อยู่ติดกับลำน้ำห้วยเขย่งสถานที่สำหรับถ่อแพ ล่องแก่งกันมาหลายสิบปี มีโป่งพุร้อนที่อยู่ไม่ไกล ที่นี่ได้ยินเสียงช้างป่าและสัตว์ต่างๆร้องอยู่บ่อยๆ บนยอดเขาที่ใกล้กับวิมานดินมีวิวทะเลหมอก ทะเลสาป วิวพระอาทิตย์ขึ้น พระอาทิตย์ตก 4 อย่างในจุดเดียวกัน มีสระอโนดาตที่มีผู้ค้นพบใหม่ มีหอยโลกล้านปีแบริโอพอทที่มีอายุกว่า 280 ล้านปีที่หาดูยากมากๆอยู่บนยอดเขา แต่ไม่มีหน่วยงานไหนให้ความสนใจปล่อยให้ชาวบ้านเก็บเอาไปขายทำเครื่องรางของขลังชิ้นละ 50 สตางค์น่าเสียดายมาก

เลยจากเส้นนี้ไปไกลสักนิดก็เป็นอช.ทองผาภูมิกับเจ้านกเงือกที่คอยต้อนรับ หรือจะขึ้นเขาช้างเผือกยอดเขาที่สูงที่สุดของทองผาภูมิ หรือจะไปไกลนิดลำบากหน่อยด้วยรถ4x4 สู่เหมืองปิล๊อก บ้านอีต่อง เนินเสาธง ถือว่ามาได้ไกลสุดเขตชายแดนพม่า-ทองผาภูมิเลยทีเดียว

จะเห็นได้ว่ามีสถานที่มากมายที่การท่องเที่ยวไม่เคยรู้ ไม่เคยไปดูและไม่รู้จัก ซึ่งอยู่ใกล้ๆกรุงเทพมากๆเพียง 2 ชั่วโมงกว่าก็ถึงแล้ว แต่ไม่ได้ถูกประชาสัมพันธ์ให้คนไทยได้รับรู้ จึงอยากให้ช่วยกันแจ้งข่าวออกไป เพื่อกระตุ้นจิตสำนึกการท่องเที่ยวไทยให้หันมาสนใจทองผาภูมิบ้าง

ท้ายสุด สำหรับผู้ที่ชื่นความหนาวเย็นข้อความข่าวนี้คงยืนยันได้ว่าความหนาวเย็นของทองผาภูมิว่าไม่แพ้เชียงใหม่แน่นอน

ข่าวโดยสำนักข่าวไทย 15 มกราคม " กาญจนบุรีเย็นจัดชายแดนทองผาภูมิ 4 องศาฯ "
//news.impaqmsn.com/articles.aspx?id=244367&ch=lc2

โดย: คนทองผาภูมิ IP: 203.144.144.164 วันที่: 9 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:17:15:45 น.

กลุ่มเพื่อน 5.63 โรงเรียนอุตรดิตถ์ ขอเชิญร่วมงานสังสรรค์ประจำปี 2554 "เพื่อนไม่เคยทิ้งกัน สานสัมพันธ์ 5.63 อ.ต." ณ ร้านอาหารครัวริมชล อำเภอเมือง จังหวัดอุตรดิตถ์ วันเสาร์ที่ 19 ก.พ. 2554 เวลา 18.00 น. เป็นต้นไป

โดย: กลุ่มเพื่อน 5.63 อ.ต. IP: 210.246.186.9 วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:16:10:07 น.