ธันวาคม 2555

 
 
 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
 
ประสบการณ์ชีวิต...ครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์....การเฝ้ารับเสด็จ ในหลวง...เสด็จออกมหาสมาคม ๕ ธันวาคม ๒๕๕๕ (ภาค ๒ ...นอนกลางลาน)

เมื่อฉันตะเกียกตะกายเดินทางมายัง ลานพระราชวังดุสิต ในคืนวันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๕๕ เวลา สามทุ่มเศษ

(ที่ใช้คำว่าตะเกียกตะกาย เนื่องจาก คุณโชเฟอร์ รถเมล์ สาย ๕๖ ขับเร็วมาก และปล่อย (ไล่) ฉันลงจากรถ หน้าคุรุสภา

ฮืออออ ฉันเป็นผู้หญิง ตัวคนเดียวนะ จะให้ฉันมาเดินท่อมๆ ยามวิกาลเนี่ยนะ...ความจริง ฉันกลัวเดินหลง ไปไม่ถูกน่ะ)


ทันทีที่เลี้ยวเข้าสู่ลานพระรูป...ฉันก็จัดแจงยกหูไปหารุ่นพี่ที่อยู่ ร.๑ พัน ๔ เพื่อขอพิกัดการนอน

พี่ชายคนนี้ของฉันก็ให้สังเกต พี่ สห. หน้าประตูวัง ของพระบรมค่ะ ติดรั้วเหล็กที่กั้นโซน...

แกให้ฉันนอนตรงนั้นแหละ...โอเค้...อย่างน้อยก็อยู่ใกล้ๆ กะคุณพี่ชาย แค่ประตูวังกั้น (ฮาาาาาาาาาาา)

หันไปมองรอบๆ จากจุดที่ตั้งใจว่าจะนอน ก็เห็นสีหบัญชร ชัดอยู่

เอาว่ะ...ปูเสื่อ...จองไว้ก่อน


แล้วฉันก็เดินแร่ดๆๆๆๆ ไปตรงเวิ้งด้านหน้าที่โดนจับจองไว้อย่างหนาแน่น

พลางถามประชาชนที่นั่งกันอยู่ตรงนั้นว่า มาตั้งแต่กี่โมง

คำตอบของแต่ละคน บ่ายสอง บ่ายสาม ทั้งนั้นเลย...โอ้ววววว ถอยกลับมาที่เดิมดีกว่า


สักพัก มีผู้คนมานั่งข้างๆ และคุยกันทั้งๆ ที่เราไม่รู้จักกันนี่แหละค่ะ

ส่วนมากจะเป็นการถามไถ่ว่า มาจากไหน มาตั้งแต่กี่โมง

น้องผู้ชายที่นั่งอยู่ซ้ายมือฉันมาจากประจวบ  พี่ผู้หญิงที่นั่งอยู่ขวามือฉันมาจากหาดใหญ่

ป้าๆ ที่นั่งอยู่ตรงหน้ามาจาก บางพลัด จากนนทบุรี จากหนองแขม ฯลฯ

ป้าๆ ถามพี่สาวที่มาจากหาดใหญ่ ว่า มาไกลเนอะหนูเนอะ

พี่เค้าบอกว่า "ไกลแค่ไหน ก็จะมา...ถ้าปลายทางมีในหลวง"

ทุกคนตั้งใจมา มาด้วยใจจริงๆ ค่ะ


พอดึกอีกหน่อย ก็ต่างคนก็บอกว่า นอนเอาแรงกันอีกหน่อยเถอะ กว่าจะเช้าก็อีกครึ่งคืน

หลายคนก็เอาเต็นท์มากลางนอน เอามุ้งครอบมาด้วย หมอน ผ้าห่มครบ

อื่ม ประสบการณ์สำคัญในชีวิตของฉันเลยนะเนี่ย...นอนกลางลาน ดูดาว ดูพระจันทร์กลางกรุง...


สมองฉันมาตื่นเต็มที่ เมื่อได้ยินเสียงคนคุยกันอยู่บนหัวนอน

เลยงัวเงียตื่น...มองดูนาฬิกา หือ...ตีสองกว่า และ คนที่มาคุยกันอยู่บนหัวคนอื่น นี่ น้องทหารเกณฑ์

น้องๆ ก็บ่นว่า ทำไมให้มาตั้งแต่ตีสองว่ะ ตื่นตีสี่ มาตีห้ายังทันเลย

ฉันก็พูดลอยๆ ว่า น้องมาตั้งแต่ตีสอง ทำบ่น ... ประชาชนคนธรรมดามากันตั้งแต่สองทุ่มยังไม่บ่นกันเลย

เล่นเอาน้องๆ ทหารเกณฑ์กลุ่มนั้นเงียบกริบ (เอิ๊ก...) ฉันเลยตัดสินเดินออกมาทำธุระส่วนตัว และสงบสติอารมณ์ขังน้องหมาในปาก


เดินกลับมาอีกทีผู้คนเริ่มหน้าตากันแล้ววุ้ย

ฉันนั่งมอง นั่งฟัง คนกลุ่มใหญ่ ที่จู่ๆ ก็ตะโกน "ทรงพระเจริญๆๆๆๆ" ขึ้นมาอย่างดัง ด้วยความรู้สึก งงๆ เล็กน้อย

สักพักคุณพี่ชายของฉันก็เดินออกมาจากประตูวัง มาทักทาย พร้อมถามว่า หลับสบายดีไหม????

ฉันก็บอกไปว่า หลับไปตื่นหนึ่งล่ะ พึ่งจะมาห่วงน้องเอาตอนนี้เนี่ยนะ...แกก็ขำเอิ๊กอ้ากอารมณ์ดี

(คราวหลัง อย่าเดินมาเด่นๆ ด้วยการใส่ครึ่งท่อน เสื้อขาวคอแดง แบบนั้นมาทักกันนะคะ คุณพี่)


ผ่านไปสักพักเริ่มเช้าแล้ว...อา อากาศยามเช้านี่สดชื่นจริงๆ

เจ็ดโมงเช้า...เจ้าหน้าที่ สำนักพระราชวัง เริ่มออกมาเตรียมการรับเสด็จค่ะ

ลองเครื่องเสียง และในขณะนั้นก็มีนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ เดินถือโทรโข่งประกาศปลุก คนที่ยังนอนอยู่

และประกาศให้คนที่กางเต็นท์นอน...ตื่นขึ้นมาเก็บเต็นท์ค่ะ


หันมามองรอบตัว โอ้ววววว คนเยอะจังเลย

น้องที่นั่งอยู่ข้างๆ เริ่มหิว แกะข้าวห่อมากิน...แต่ฉันยังไม่กินอะไร เช้าเกิน กินไม่ลง

หันไปมองข้างๆ แผงเหล็ก มีคุณอา สห. มายืนข้างๆ รักษาความสงบเรียบร้อย

สักพัก ตำรวจกองร้อยปราบจราจลก็มายืนร่วมด้วยช่วยกันรักษาความปลอดภัย ความสงบเรียบร้อยค่ะ


แปดโมงตรง

คนที่อยู่ ณ ตรงนั้น ก็ได้ยืนตรงเคารพธงชาติ และร้องเพลงชาติ ไปด้วยกัน

มันเป็นประสบการณ์ การเคารพธงชาติที่มีคนมากมาย จริงๆ เลยนะ

หลังจากนั้น ฉันก็ถามกำหนดการสวนสนาม จากคุณอา สห. ค่ะ 

ก็เลยรู้ว่า จะเริ่มเดินแถวออกมาตอน ประมาณ เก้าโมงเช้า...โอเค ตั้งหน้าตั้งตารอ


ทีนี้ก็ว่างแล้วสิ ไม่รู้จะทำอะไร เลยยกกล้องส่องผู้ชายไปเรื่อยๆ (จ๊ากกกก)

ส่องไปส่องมา ไปเจอน้องนายเรืออากาศคนหนึ่ง หันมายิ้มให้กล้องเต็มๆ

โอ๊ย ตาพร่า ไปชั่วขณะหนึ่ง...แพ้รอยยิ้มแบบนี้จริงๆ น้องเอ้ย


สักพักก็มีคุณพี่ผู้กองคนหนึ่งเดินตรงมา ... สบตากันแว๊บหนึ่ง

พี่เค้าก็สั่งการให้น้องทหารเกณฑ์ ว่า ถ้ากองประสมเคลื่อนแถวมา ให้น้องๆ เข้ามายืนข้างใน

และเมื่อแถวไปหมดแล้ว ก็ให้ยกรั้วเหล็กไปเก็บ (ยืนใกล้...ได้ยินชัดเจน)


หลังจากนั้น คุณผู้กอง ก็หันหน้ามาทางฉันแล้ว ถามว่า "ขอโทษนะครับ ผมเคยเจอกับคุณมาก่อนไหม???"

พี่ผู้กองคนนั้นก็ตั้งใจรอคำตอบมาก ฉันนิ่งคิดอยู่พักหนึ่ง ว่า เพื่อนบรรดาพี่ชายของฉันหรือเปล่า แต่คิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก

เลยตอบไปว่า "คงไม่อ่ะค่ะ" พี่เค้าก็พยักหน้า และก้มหัวให้ฉัน แล้วบอกว่า "ผมคุ้นหน้าคุณมากเลย ขอโทษอีกครั้งนะครับ"

ฉันก็ได้แต่บอกว่า ไม่เป็นไรค่ะ และยิ้มให้อีกที พี่เค้าก็เดินไป แต่ก็ยังไม่วายหันมามอง แบบคาใจ สงสัยประมาณนั้น


และทุกครั้งที่ผ่านมา พี่เค้าก็จะหันมามองอยู่เรื่อย...คนพี่สาวจากหาดใหญ่เอ่ยปากแซว โอ๊ยยยยย หลอน






Create Date : 07 ธันวาคม 2555
Last Update : 7 ธันวาคม 2555 16:30:24 น.
Counter : 483 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

หลงรักผู้ชายชุดหมี
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



ผู้หญิงเราไม่ต้องการอะไรมากมาย
เมื่อได้ความรักของเราไป
ก็โปรดดูแลใส่ใจ
เสมอต้นเสมอปลาย
อย่าอ้างเหตุผลร้อยแปด
ให้เราน้อยใจ...
แค่นั้นเอง...