Group Blog
 
 
มิถุนายน 2558
 
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
15 มิถุนายน 2558
 
All Blogs
 

ขึ้นเขา ปีนังฮิลล์ แบบไม่เหมือนใคร...

เชื่อได้ว่า คงยังไม่มีใครนำเสนอแบบนี้ หรืออาจจะมีแต่ผมยังอ่านไม่เจอ
อันที่จริงผมก็ไม่ทราบมาก่อนว่ามีวิธีขึ้นไปข้างบนนั้น นึกว่าจะต้องขึ้นด้วยรถรางไฟฟ้าเท่านั้น แต่จริงๆแล้ว มีอีก 3 วิธีคือ
1.เดินขึ้นไป .....2.ปั่นจักรยานขึ้นไป......3.ขับรถขึ้นไป (อันนี้พิเศษกว่าเพื่อน)
ทั้ง 3 วิธีนี้ อาจจะต้องเป็นคนพื้นถิ่น หรือเป็นชาวมาเลเซียเท่านั้น...
แต่เผอิญผมได้รับเกียรติ อันมีอยู่น้อยนิด ติดรถโฟร์วินไดรฟ์ของเพื่อนผม ( Mr.Eric )ที่มีสวนต้นไม้อยู่บนยอดเขานั้น จึงผ่านด่านประตูแรกขึ้นไปได้ เพียงไขกระจกให้เห็นหน้า เจ้าหน้าที่จำเพื่อนผม มิสเตอร์ อิริคได้ แต่หันมามองผมซึ่งนั่งหน้าคู่ไปกับMr.Eric แล้วทำท่าทางฉงนนิดหน่อย แต่ก็ก็โบกมือให้ผ่านไปได้
ผมเลยถามเพื่อนชาวมาเลเซียว่า ปกติเขาไม่ให้คนนอกขึ้นมาหรือ  เพื่อนบอกว่าใช่ เขาจะอนุญาตเฉพาะเจ้าหน้าที่ และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเท่านั้นที่ขึ้นทางนี้ได้ ส่วนนักท่องเที่ยวต้องไปขึ้นรถรางไฟฟ้า สถานเดียว....จึงถือได้ว่า ผมได้ประสบการณ์แบบไม่ตั้งใจ ไม่คิดไม่ฝันมาก่อนเลย
ระยะทางขึ้นเขาด้วยรถยนต์ มีระยะทาง 5 กิโลเมตร ทางชันมาก บางจุดชั้นถึง 45 องศา อีกทั้งทางยังหักศอก ซึ่งมีมากหลายศอกเหลือเกิน คนไม่ชำนาญทาง ขึ้นไปคงลำบาก เพราะทางแคบมากๆ ผมนี้ นั่งลุ้นไปตลอดทาง จนลืมถ่ายรูป แต่มานึกได้เมื่อถึงเกือบจะสุดทางเลยสอยภาพมาให้ชมกันสักภาพ

ระหว่างทางนั้น มีรถวิ่งสวนมา ในจุดที่แคบเนื่องจากมีการซ่อมผิวถนน Mr.Eric ได้แอบรถเข้าข้างทาง เพื่อให้รถอีกคันผ่านไปก่อน เขาได้ชี้ให้ผมเห็น ต้นหม้อข้าวหม้อแกงลิง โดยบอกว่า หม้อข้าวหม้อแกงลิงสายพันธุ์นี้ มีอยู่ที่นี่ที่เดียวในโลก กรวยดอกที่ดักแมลงจะมีสีแดงออกน้ำตาล ขอบปากจะมีสีแดง ผมไม่ค่อยจะมีความรู้ก็ได้แต่พยักหน้ารับทราบ


เมื่อผมบันทึกภาพเก็บเป็นที่เรียบร้อย Mr.Eric ก็นำผมไต่เขาด้วยรถของเขาต่อไป จนผ่านจุดที่รถรางไฟฟ้าที่พานักท่องเที่ยวขึ้นมา เขาบอกว่าไปที่สวนของเขาก่อน ขากลับค่อยมาแวะ ระหว่างทางเขาก็ชี้ให้ชมบ้านของเศรษฐีมีตังค์ที่มาปลูกบ้านอยู่บนนี้ ในจำนวนหลายๆหลังนั้น เขาบอกว่า มีของคนไทยอยู่หลังหนึ่ง แต่เขาจำชื่อไม่ได้ รู้แต่ว่าเป็นนักการเมือง ผมก็ไม่รู้ว่าหลังไหนนะครับ ลืมซักต่อ  ข้างบนนี้ อากาศเย็นสดชื่นมากครับ

ในส่วนที่เลยมาจากปลายทางของรถไฟฟ้ามานั้น เขามีรถไว้บริการแก่นักท่องเที่ยว ลืมถ่ายรูปมา ขอยืมภาพเพื่อนมาลงให้ชมละกัน
สนนราคา 30 ริงกิต(300 บาท)ต่อคัน ขับพาชม 1 รอบ


มีจุดชมวิวอีกหลายจุด มาเจอสิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างก็คือ ตู้รับจดหมาย มีอายุเกือย 200 ปี สร้างขึ้น และใช้มานานแล้ว ปัจจุบัน คงไม่มีใครไปหยอดแล้วล่ะ


ข้างทางที่ผ่าน เห็นสิ่งหนึ่งสะดุดตา ผมรีบบอกให้เพื่อนจอดรถทันที นั่นคือสิ่งนี้ครับ มันใหญ่ และรากเป็นธรรมชาติ


เพื่อนขับรถพามาจนถึงสวน ซึ่งอยู่ไม่ไกล เดิมทีสวนอยู่ต้นๆทางใกล้กับสถานี แต่โดนให้ย้ายออกมาเขาจึงต้องมาบูรณะใหม่ คาดว่า อีก เดือนกว่าๆก็จะเปิดบริการแก่นักท่องเที่ยวได้ ไม้ในสวนส่วนใหญ่จะเป็นไม้กินแมลง (มิน่า.. เขาถึงอธิบายเรื่องต้นหม้อข้าวหม้อแกงลิงที่พบระหว่างทางได้เป็นฉากๆ)




หากผ่านตรงนี้ นี่แหละสวนของเขา ลองแวะเข้าไปชมนะครับ


ดูโลโก้สวนชัดๆ


หน้าตาเจ้าของสวนครับ Mr.Eric หล่อไม๊ครับ


ถ้าไปถึง อ้างชื่อผมได้เลย เขาคงจะคิดราคาเข้าชมเป็นพิเศษ (ก็ไม่รู้ว่าจะถูกเป็นพิเศษหรือว่าแพงเป็นพิเศษ)
เขาเตรียมทำเลียนแบบ ถนนในจอร์ชทาวน์ แต่เขาจะใช้เฟิร์น คลุมจักรยาน


และแล้ว Mr.Eric ก็พาผมกลับมายังจุดสำคัญ คือสถานีปลายทางของรถราง


เห็นรถรางโบราณที่เขาตั้งไว้เป็นอนุสรณ์ก็จัดแจงขึ้นไปให้เขาถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึกสักหน่อย




มีธงชาติของกลุ่มคนที่มาเที่ยวติดไว้เรียงราย มีธงชาติไทยด้วยนะ


แล้วก็มาถึงลานที่หนุ่มสาวหรือคู่รักมักจะนิยมมาถ่ายรูปคู่กัน


ทั้งยังเอากุญแจคล้องไว้เพื่อเป็นสัญลักษณ์ ว่าจะอยู่ด้วยกันไปตราบนานเท่านาน ด้วยกุญแจนี้


มีชื่อคนไทยด้วยนะ


เย็นมากแล้ว โอกาสหน้าถ้ามี จะขึ้นมาที่นี่ตอนค่ำๆ เพราะเขาปิดถึง ห้าทุ่ม 23.00 น จะขึ้นมาถ่ายภาพตัวเมืองยามที่มีแสงสี
Mr.Eric บอกว่าตอนกลางคืนมองลงไปสวยฝุดๆ เที่ยวนี้ถือว่ามาสำรวจเส้นทางก่อนละกัน


Mr.Eric มาส่งผมถึงที่พัก และบอกว่าคืนนี้เพื่อนอีกคนจะมาพาไปกินข้าว ผมก้เข้าห้องพักล้างหน้าล้างตาสักหน่อย 
ประมาณ หนึ่งทุ่ม Mr.Wei Chong ซึ่งเป็นคนมาเลเซียมาจากกัวลาลัมเปอร์ก็มารับผมไปทานข้าวที่ Gerney Food Court
รถมากมาย ติดกันพอสมควร


ถนน Gerney อยู่ติดกับริมทะเล คนนิยมมานั่งเล่น และหาทานอาหารกันแถวนี้ จำนวนมาก


เราสองคน เดินเข้ามาในตลาดขายของกิน มองหาที่นั่งอยู่พักใหญ่


ก็ได้ที่นั่ง จัดการสั่งของกินแบบง่ายๆมา เพราะไม่ค่อยจะรู้สึกหิวสักเท่าไร มีก๋วยเตี๋ยวปีนัง เขาเรียกว่า CHAR MEE กับของหวาน









กินเสร็จเดินเล่นสักพัก ก็กลับโรงแรม พักผ่อน
ตอนเช้าเดินทางกลับหาดใหญ่ด้วยรถตู้ ขากลับเงินริงกิตเหลือ เลยเอาไปแลกคืนที่ด่าน ตอนซื้อ ซื้อ 10.50 ตอนขายคืนเหลือ 9.50 ขาดทุนนิดหน่อย
ถึงหาดใหญ่แวะตลาดกิมหยงซื้อของเล็กน้อยแล้วเรียกแท็กซี่ให้ไปส่งที่สนามบิน ในราคา 250 บาท เป็นรถตู้คันเบ้อเริ่ม นั่งไปคนเดียว
ซื้อตั๋ว แอร์เอเซีย ได้เที่ยว 11.45 น. บินกลับ กทม.
โอกาสหน้าจะไปเที่ยวแบบละเอียดอีกรอบ มีอะไรใหม่ๆจะมาเล่สู่กันฟัง
ขอบคุณที่ติดตามชม จนจบนะครับ




 

Create Date : 15 มิถุนายน 2558
0 comments
Last Update : 15 มิถุนายน 2558 12:40:38 น.
Counter : 1242 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


ผู้เฒ่า บ้านบางแค
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




เริ่มเขียน Blog ตั้งแต่วันที่ 13 มีนาคม 2550
เขียนบล็อกเพื่อบันทึกความทรงจำ เก็บภาพชวนชมสวยๆ การเดินทาง และสิ่งที่ดีๆไว้ในความทรงจำ สาระบล็อกนี้จึงมีไม่มาก ไม่ปะติดปะต่อ แล้วแต่เวลาและอารมณ์จะพาไป อย่าซีเรียสนะครับ
New Comments
Friends' blogs
[Add ผู้เฒ่า บ้านบางแค's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.