กระบี่อยู่ที่ใจ แม้เพียงกิ่งไผ่ก็ไร้เทียมทาน
<<
ธันวาคม 2552
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
30 ธันวาคม 2552

ต้องมีกลยุทธและวินัยถึงจะชนะตลาดได้

ต้องมีกลยุทธและวินัยถึงจะชนะตลาดได้

ต้องมีกลยุทธถึงจะชนะตลาดได้

ก่อนจะลงทุนศึกษาข้อมูลต่างๆ รวมถึงตลาดมาดีพอหรือยัง
กลยุทธในการลงทุนมีมากมาย วิธีเอาชนะตลาดไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแต่...
ต้องถามตัวเองก่อนว่าคุณเป็นนักลงทุนแบบไหน เพราะถ้าคุณไม่รู้ว่าจะเป็นแบบไหนยากที่จะชนะตลาดได้
แล้วทำไมถึง ถ้าไม่รู้ว่าเป็นนักงทุนแบบไหนแล้วชนะตลาดได้ยาก จริงหรือ ไม่น่าเชื่อนะไม่จำเป็นตต้องรู้มั้ง นี่คือข้อสงสัยและคำถามของหลายคนว่าจะลงทุนทั้งทีทำไมต้องเอาเรื่องไม่เป็นเรื่องแบบนี้มาคิดด้วย ง่ายนิดเดียว ขอแค่ขายให้แพงกว่าก็พอ มีกำไรก็พอ...

ก็เพราะคิดแบบนี้ไง ถึงเจ๊งกันมาเป็นแถว


รายย่อยส่วนใหญ่ร้อยละ80ก็ว่าได้ ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นนักลงทุนแบบไหน คิดว่าตลาดทุนเป็นตลาดเสี่ยงดวง ไม่ใช่แค่รายย่อยในประเทศไทยเท่านั้น ต่างประเทศก็มี แต่สัดส่วนก็จะต่างกันไป
นักลงทุนหลักๆ ในตลาดมี2แบบ(เท่าที่ผมรู้)
1 Speculator
2 Investor


1 พวก Speculator จะเป็นพวกซื้อต่ำขายสูง หรือเล่นรอบนั่นเอง

จะรอบเล็กรอบใหญ่นั่นก็แล้วแต่วามถนัดอีก นักเก็งกำไรพวกนี้เท่าที่ผมแบ่งกลุ่มได้ จะเป็น(อาจจะมากกว่าที่ผมรู้ก็ได้)
1.1 long term
1.2 med term
1.3 short term
1.4 day trade

พวกSpeculatorนี้จะมีอาวุธที่สำคัญมากๆ 3 อย่าง(สำหรับผม)

1. work technical >>> แล้วแต่ความถนัดในการใช้เครื่องมือ อันนี้คุณต้องศึกษาเครื่องมือและหาความรู้ต่างๆ ทั้งในการอ่านกราฟ เรื่องคลื่นเอง
คุณอาจจะไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องมือทั้งหมดมาวิเคราะห์ก็ได้ บางคนใช้เครื่องมือธรรมดา ง่ายๆ แค่3-4อย่าง เส้นค่าเฉลี่ยEMA, trend, price pattern และ ดูแรงซื้อ-ขายต่างชาติ ก็ชนะตลาดได้แล้วเหมือนกัน
ถ้าเครื่องมือหรือเทคนิคไหนทำให้คุณขาดทุนบ่อยครั้งก็อย่าไปใช้มันอีก เช่นถ้าคุณใช้ sto เล่น10ครั่ง กำไร5ขาดทุน5 คุณเลิกใช้ซะ เพราะเครื่องมือที่ดี เล่น10ต้องชนะ7แพ้3
เครื่องมือมีมากมาย บางคนสังเกตจากค่าเงินก็มี บางคนดูแค่ macd ก็มี
บางคนดูแค่แท่งเทียนก็มี แลอกใช้อันที่ชนะบ่อยๆ จะได้เปรียบ

2. cut loss >>> ตรงนี้แล้วแต่ความสามารถประสบการณ์และจิตใจเลยทีเดียว สำหรับผมยอมขาดทุนไม่เกิน3% ถ้าเกิดมันขาดทุนด้วยเลขที่มากกว่า3% ผมจะเขวี้ยงทุกราคา เขวี้ยงของผมหมายถึงขายใส่ช่องbid จะไม่ตั้งขายรอเด็ดขายเพราะcut คือ cut
กฏทองของนักเก็งกำไรเมืองไทยที่ผมรู้จัก2คน
นายแพทย์ยงยุทธ มีกฏทองคือ cut loss อย่างเดียว อีกคน
อ.วันชัย มีกฏทองสำหรับนักเก็งกำไร3ข้อคือ 1. cut loss 2. cut loss 3. cut loss
ผมเคยได้ยินหลายคนมากๆ บอกว่าcutแล้วขึ้น ไม่คัทดีกว่า ไม่มีใครรู้
ซึ่งแน่หละว่าถ้าคุณcutแล้วมันอาจจะขึ้นก็ได้ แต่ไม่มีใครรู้ คุณแค่เงินหายไป3%
เงินคุณหรือกองกำลังคุณที่จะไว้ใช้ทำศึกยังอยู่ตั้ง97% รอถ้ามันขึ้นจริงๆ แล้วค่อยตามเข้าไปก็ได้ เราจะรบเมื่อเราได้เปรียบเท่านั้นครับ ถึงแม้ราคามันจะสูงกว่าที่คุณcutไปก็ตาม แต่ถ้าเราได้เปรียบหรือมันขึ้นจริงๆ คุณจะไม่ซื้อหรอครับ
แต่ถ้าคุณไม่cutก็อีกนั้นแหละไม่มีใครรู้อนาคต มันลงไป10% 20% สุดท้าย50% ตรงนี้โทษใครไม่ได้แล้ว ถึงตรงนี้คุณcutคุณจะเหลือทหารในกองทัพเพียง50%หรือ60% เพื่อใช้รบต่อ คิดวว่าจะได้เปรียบมากแค่ไหน
ผมเรียกว่าขาดวินัยในการลงทุน ไม่ใช้นักเสี่ยงดวงกว่ากลัวขายแล้วขึ้น ตรงนั้นเรียกว่านักเสี่ยงดวง
ผมถึงบอกว่าควรจะรู้ตัวเองว่าเป็นนักลงทุนแบบไหน เพราะกลยุทธและวินัยคือสิ่งสำคัญมากๆ
ผมยกตัวอย่างของตัวเองง่ายๆ ผมเข้าตลาดมาเมื่อกลางปีที่แล้ว ซื้อpttที่320 ไป500หุ้น ซื้อปุ๊บดิ่งเหว ผมตัดใจขายไปที่250 ขายแล้วกลับมาตั้งสติ
ผมยังเหลือเงินอีกพอสมควรมันดีกว่าผมจมเงินแล้วแช่ไว้ ในหุ้นให้ขาดทุนไปเรื่อยๆ เป้นวิธีที่โง่สิ้นดี
ผมเอเงินที่เหลือมาเล่นรอบคืนตอนนี้ได้คืนมาหมดแล้ว ผมซื้อpttไปแค่2ครั้ง150ขายไป182ครั้งนึง
ครั้งที่2ซื้อ161ขายไป255 แค่นี้ผมก็กำไรผมแล้วครับ อย่าเอาเงินตัวเองไปจบกับสิ่งที่ไม่มีอนาคต และคิดการยาก
ผมเชื่อว่าถ้าคุณมีความรู้ความเข้าใจในเรื่อง work tecnical ของคุณดีแล้ว มีโอกาสน้อยมากเลยที่คุณcutแล้วจะขึ้นต่อ
ยิ่งถ้าใช้work tecnical+cut loss โอกาสแพ้ตลาดน้อยมากๆ เพราะถ้ากำไรก็จะฟาดที50-60%หรือมากกว่านั้น ถ้าขาดทุนก็ขาดทุนแค่3% คิดง่ายๆ
ชนะ7 แพ้3 กำไร=50*7 - 3*3 = 341%

3 ตามset >>> ผมเชื่อว่าในวันที่setลง20จุดมีหุ้นน้อยมากที่จะบวกสวนตลาดได้ดีๆ สมมติมีหุ้น40ตัวที่บวกสวนตลาดได้ แต่หุ้นอีก400ตัวลง
โอกาสที่คุณจะจับถูกหุ้นที่สวนsetได้คือ 1ใน10 แบบนี้เค้าเรียกว่าเสียเปรียบ ยังไงก็ไม่เล่นอยู่เฉยๆ ดีกว่า ไม่เจ็บตัว


2 พวกInvestor พวกนี้จะลงทุนในหุ้นจริงๆ เลย โดยคิดว่าตัวเองเป็นเจ้าของธุรกิจนั้น

ฉะนั้นแล้วพวกนี้จะไม่มีทางขายธุรกิจตัวเองให้คนอื่นง่ายๆ คนพวกนี้จะยอมขายธุรกิจตัวเองก็ต่อเมื่อมีคนมาเสนอซื้อในราคาที่สูงoverเช่น
ราคาหุ้นที่ซื้อเก็บไว้มีpe5เท่า อีก5ปีpeกลายเป็น50เท่าราคาแพงขึ้นกว่าเดิม10-20เท่าตัว คนพวกนี้จะวิเคราะห์แล้วว่าราคานี้แพงมากเกินจริงๆ จึงจะยอมขาย
นักลงทุนประเภทนี้ที่มีชื่อเสียงดังๆ ก็คือ Buffet กับ ดร.นิเวศน์
คนเหล่านี้จะไม่ยอมขายหุ้นตัวเองเด็ดขาดถึงแม้ราคาจะลง
คุณลองคิดดูว่าสมมติคุณเปิดร้านขายโทรศัพท์ แต่ด้วยพิษทำให้ยอดขายตกลงคุณไม่จำเป็นต้องขายกิจการคุณทิ้งนี่ เพราะมันก็แค่วิกฤตชั่วคราว ผ่านไปมันก็ดีขึ้นเอง
ถึงกะนั้นแล้วคนกลุ่มนี้ก็ควรมีกลยุทธในการซื้อหุ้นด้วย
1 ต้องมีเวลา >>> ต้องใช้เวลา ต้องให้เวลามัน

2 มองอดีต >>> คุณต้องทำการบ้านโดยศึกษาข้อมูลในอดีตของหุ้นที่คุณจะซื้อ เพราะคุณลงทุนแบบเป้นเจ้าของกิจการนี่ อาจจะดูข้อมูลย้อนหลัง5ปี ดูกำไร ดูงบการเงิน ดูธุรกิจ และอีกหลายๆ อย่าง

3 มองอนาคต >>> ธุรกิจนี้มีอนาคตมั้ย เช่น หุ้น ssc(เสริมสุข ตัวนี้ผมเคยซื้อตอน7.8บาทเมื่อปลายปีที่แล้ว ขายไปหมดแล้วเพราะตอนนั้นยังไม่เข้าใจหลักตรงนี้) เสริมสุขมีธุรกิจหลักก็ที่รู้จักกันดีคือ pepsi น้ำเปล่า(ผมจำไม่ได้ว่ายี่ห้ออะไร) คุณลองคิดดูนะว่าถึงจะเศรษฐกิจไม่ดียังไงคนก็กินpepsi ทำงานมาหนัก เหนื่อย ยังไงก็ต้องดื่มน้ำ ฉะนั้นผมกระทบจะมีไม่มากกับธุรกิจประเภทนี้


ย้ำอีกครั้ง พวก Investor จะขายหุ้นด้วยเหตุผลเดียวคือ มีคนบ้ามาเสนอซื้อหุ้นในราคาที่สูงเวอร์ เช่น ผมซื้อsscมา10บาท มีคนมาขอซื้อผมที่20ผมก็ไม่ขาย 30ผมก็ไม่ขายhiเก่าประมาณ50 นอกจาก60-70ผมถึงจะขาย จะด้วยเหตุผลข่าวร้าย มีฐประหาร พวกInvestorก็ไม่ขายเด็ดขายแต่พวกนี้จะถือโอกาสข่าวร้ายสุดๆ ดักเก็บหุ้นเข้าพอร์ตเพิ่ม


แต่บางคนอาจจะมีทั้งหุ้นที่เล่นรอบหรือหุ้นลงทุนก็ได้ อย่างผมก็มีทั้งหุ้นที่เล่นรอบและลงทุน
เพียงแต่ต้องรู้ว่าซื้อหุ้นตัวนี้เพราะอะไรจะลงทุนกับหุ้นตัวนี้แบบไหน


นักลงทุนรายย่อยส่วนใหญ่ไม่เข้าใจว่าตัวเองเป็นประเภทไหน ผมเห็นบางคนเข้ามาเพื่อเก็งกำไร อาจจะระยะกลางหรือยาวหรืออะไรก็ตามแต่ แต่พอซื้อหุ้นปุ๊บหุ้นดิ่งเหว ก็เลยตัดใจว่าเอาว่ะ พื้นฐานดีถือยาว แต่เงินคุณจมกับหุ้นพื้นฐานดีเสียโอกาสเท่าไหร่ อย่างนี้เรียกว่าหุ้นพื้นฐานดีได้อีกหรอ แต่พอหุ้นลงเรื่อยๆ ลงไม่หยุดซะที ตัดใจยอมcut ตกลงเป็นแบบไหนกันแน่ พวกนี้คือไม่เข้าใจว่า Speculator กับ Investor เป็นอย่างไร และมักจะขาดทุนบ่อยๆ ในตลาดหุ้น ผมเรียกพวกนี้ว่า "ตัวนิ่ม" ในตลาด

จากคุณ : Jillna
เขียนเมื่อ : 7 ธ.ค. 52 17:04:52
ถูกใจ : kamung6, เหมันต์ใบไม้ผลิ, พลูดาว, ไม่หล่อแต่เลว, Mccain, Duckcovery, Nokia3310, JudFullStop, Idiopathic, วิญญาณเทวดา, หมึกสด, หุ้นด้วยคน, Pluto_Ball, p4521, kkkai525, MyBank, pyada, 016, รพินทร์ดารา, เย่หยงเทียน, กะโหลกกับกะลา, WACHOVIA





Create Date : 30 ธันวาคม 2552
Last Update : 30 ธันวาคม 2552 14:15:59 น. 8 comments
Counter : 711 Pageviews.  

 
กลยุทธการ cut profit

ไม่ใช่ stop loss เป็นอย่างเดียว
แต่ต้อง cut profit ให้เป็นด้วยเพื่อจะได้มีกำไรเน้นๆ เนื้อๆ ทุกครั้งที่ลงสู่สนามรบ

cut profit คือการcutเพื่อปกป้องกำไรครับ แต่ใช่เป็นการขายเมื่อราคาถึงเป้าหมายหรือแนวต้านแต่อย่างใด

คนส่วนใหญ่มักเข้าใจเรื่อง cut profit ว่าเป็นการขายหุ้นเมื่อถึงแนวต้านเพื่อนปกป้องกำไรไว้

แต่หารู้ไม่ว่าเวลาหุ้นมีtrendingที่แน่นอน เป็น up trend มันจะไม่มีแนวต้านใดเอามันอยู่

แนวต้านในหุ้นขาขึ้นผมจะเรียกมันว่าแนวปะทะ เพราะสุดท้ายราคามักจะกระชากตัวผ่านไปได้เสมอ

ถ้าคิดจะขายในแนวปะทะนี้ในเวลาที่หุ้นมี up trend ก็เหมือนเป็นการเสี่ยงวัดดวงว่าจะได้ขายหมู หรือ ขายได้ hi แต่เราเป็นนักลงทุนไม่ใช่นักเสี่ยงดวง

จึงควรมีกลยุทธที่ดีในการขาย กลยุทธในการขายที่ดีนี้ผมเรียกว่า กลยุทธการ cut profit
เมื่อมีกำไรเราก็ควรปล่อยให้หุ้นวิ่งลอยตัวไปเรื่อยๆ ยิ่งกราฟหุ้นที่วิ่งด้วยความชันน้อย(เท่าที่สังเกตนะครับ) มันจะวิ่งไปเรื่อยๆ ไม่สนใจอะไรเลย

หุ้นแบบนี้แทบจะไรแนวต้านสิ้นเชิง เพราะมันจะค่อยๆ วิ่งและวิ่งทีเป็นปี
ถ้าคุณขายไปแล้วยากที่จะซื้อกลับในราคาที่ถูกกว่าเดิมหรือราคาเดิม

กลยุทธการ cut profit นี้จะช่วยคุณได้ ไม่ว่าคุณจะเล่นหุ้นแบบไหน
แต่ทั้งกลยุทการ stop loss และ cut profit นั้นสำคัญมากๆ ก็จริง แต่จะให้มีประสิทธิภาพมากๆ ควรมี work technical ด้วย เพราะ การมี work technical จะทำให้ error ในการ stop loss หรือ cut profit น้อยลง

เช่น work technical ช่วยทำให้คุณเมื่อ stop loss แล้วเสียหายน้อยและราคาไม่พลิกกลับตรงขึ้น หลังจากคุณ stop นั่นคือ คุณ stop แล้วลงต่อ

หรือ work technical ช่วยให้คุณไม่ขายหมูเวลา cut profit


ผมจะยกตัวอย่างกลยุทธการ cut profit ง่ายๆ(ฟังดูง่าย แต่ต้องฝึกฝนครับ)

สมมติผมซื้อหุ้น loxley ไว้ที่2.54 ราคาหุ้นมันขึ้นไปจนถึง3บาท

ผมก็ต้องตั้งจุดcut profitไว้เพื่อปกป้องกำไร ผมอาจจะต้องไว้ที่ 2.8 บาท

หมายความว่าถ้าราคามันหักตกลงมาจาก3บาทจนถึง2.9ผมก็ยังไม่ขายจนกว่าจะหลุด2.8 ผมก็เขวี้ยงไม้เดียวหมดโดยไม่ลังแล

แต่ถ้าราคามันยังขึ้นไปเรื่อยๆ ผมก็เลื่อนจุด cut profit ไปเรื่อยๆ นั่นเองครับ
สมมติวันนี้มันไปถึง 3.2 ผมก็เลื่อนจุดcut profit ไปที่ 3บาท ถ้ามันเกิดกันพักฐานลงมาแต่ยังไม่ถึงราคา3บาทที่ผมตั้งไว้ ก็ยังไม่เขวี้ยง

แล้วถ้าราคามันขึ้นไปถึง3.5ผมก็เลื่อนไปเรื่อยๆ
จุด cut profit ควรใช้ technical มาช่วยจึงจะมีประสิทธิภาพมากๆ

จุด cut profit ห้ามเลื่อนลงนะมีแต่เลื่อนขึ้นหรืออยู่กับที
แต่จะเลื่อนขึ้นเมื่อราคามี up trend ขึ้นไปเรื่อยๆ

ย้ำอีกครั้ง การใช้ work technical มาประกอบ จะทำให้ error ในการ stop loss และ cut profit น้อยลงจนแทบเป็นศูนย์

บางคนบอกผมว่า เค้าก็ใช้ work technical มาช่วยแล้ว พอ stop loss หรือ cut profit แล้วหุ้นก็วิ่งสวนทันที ผมจะบอกว่า work technical นั้นมันใช้ไม่ได้ ไม่ได้เรื่อง ต้องเปลี่ยน หรือ หาข้อผิดพลาดของ work technical ใหม่

เมื่อมีสิ่งที่ผิดพลาด ผมเชื่อว่าไม่ใช่เพราะการ stop loss หรือ cut profit เป็นวิธีที่ไม่ได้เรื่อง แต่เป็น work technical ของคุณต่างหากที่ไม่ได้เรื่องเอง

เพราะ จะบอกว่ากลยุทธนี้คือการปกป้องความเสี่ยงที่ดีแทบที่สุดเลยก็ว่าได้
ถ้ารู้จักใช้ให้เป็น ความเสี่ยงในการเล่นหุ้นก็แทบจะเป็น 0 เลย

ส่วนเรื่องการ stop loss นั้น กับ cut loss นั้น
ผมมองว่าไม่เหมือนกัน
เพราะการ stop loss คือการหยุดขาดทุนแต่เนิ้นๆ คนที่stop loss จะขาดทุนแค่ไม่เกิน3%
แต่การ cut loss หมายถึงการที่ขาดทุนมาเยอะๆ และจำใจตัดขายทิ้ง ตรงนี้จะขาดทุนเยอะหลาย%

ควรวางกลยุทธการลงทุนเอง
ว่าคุณเป็น investor หรือ speculator
ตามกระทู้เก่าที่เคยเขียนไว้
//www.pantip.com/cafe/sinthorn/topic/I8629661/I8629661.html

จากคุณ : Jillna
เขียนเมื่อ : 30 ธ.ค. 52 13:28:12
ถูกใจ : WACHOVIA, เอ็มฐ์พล, What Drives U, โดม111




โดย: WACHOVIA วันที่: 30 ธันวาคม 2552 เวลา:14:20:44 น.  

 
แวะมาสุขสันต์วันปีใหม่นะค้าบ พรุ่งนี้ก็จะได้หยุดงานแว้ว เดินทางไปเที่ยวก็ขอให้ปลอดภัย ปีใหม่หน้าที่การงานรุ่งเรือง รายได้ดีๆ ร่ำรวย สุขภาพแข็งแรง คิดอะไรสมปรารถนาทุกประการครับ


โดย: ไม่รวยสักที วันที่: 30 ธันวาคม 2552 เวลา:14:40:53 น.  

 



โดย: ooyporn วันที่: 30 ธันวาคม 2552 เวลา:15:36:04 น.  

 
ในวาระดิถีขึ้นปีใหม่ขอให้คุณจงสุขสันต์
มีความสุขทุกคืนวัน
ร่างกายนั้นแข็งแรง ไร้ทุกข์โศกแลtโรคภัย
มีคำแหน่งอะไรก็เลื่อนขั้นเสียที
หากมีคู่ขอให้รักกันดีสมกับที่ต่างหมายปอง
ขอให้ครอบครัวพร้อมหน้า มั่งมีป้ญญาเป็นเกียรติเป็นศรี
ลุกน้องหญิงชายรักใคร่กันดี ในตลอดปีและตลอดไป
ด้วยความปรารถนาดี
จากไผ่ค่ะ


โดย: chabori วันที่: 30 ธันวาคม 2552 เวลา:16:34:51 น.  

 
Photobucket


โดย: arisagirl วันที่: 31 ธันวาคม 2552 เวลา:15:10:29 น.  

 
สวัสดีครับทุกคน


โดย: คนที่ได้เปรียบเสมอ IP: 61.47.18.239 วันที่: 31 ธันวาคม 2552 เวลา:15:15:42 น.  

 
ลงซื้อ ขึ้นขาย เป็นพวก Anti Trend (ชาวสวน) พวกนี้กินคำเล็กๆ 2-3 % ถนัดและอยู่รอดในตลาด Sideway จำนวนครั้งของการเล่นได้ มากกว่า เล่นเสีย

ลงขาย ขึ้นซื้อ เป็นพวก Trend Follower (ชาวไล่) พวกนี้กินคำใหญ่ๆ กินที 10-30% แต่ไม่ค่อยจะได้กินบ่อย เพราะต้องรอให้ตลาดมีเทรนด์ ( เวลาประมาณ 70% ในตลาด คือ Sideway ) จำนวนครั้งของการเล่นได้ จะน้อยกว่าเล่นเสีย

จากการสำรวจนัก Technical ทั่วราชอาณาจักร ต่างให้ความเห็นตรงกันว่า Trend Follower เป็นแบบที่ได้ตังค์มากกว่า หัวเราะไม่บ่อย แต่หัวเราะครั้งเดียว เสียงดังไปเลย ( แต่ก็จะทำตามยากกว่าเหมือนกัน เพราะขัดกับความรู้สึก และจำนวนครั้งเสียมากกว่าได้ ทำให้เล่นไปก็ท้อใจไป )

ตลาดแบบนี้ ก็เป็นอย่างที่เห็น ไม่ขยับไปไหน ไม่มีเทรนด์ แฟน จขกท เลยได้ตังค์เป็นธรรมดา ..รอให้ตลาดมีเทรนด์ วัดกันในระยะยาว เมื่อนั้น จขกท ค่อยไปสมน้ำหน้าเขาทีหลัง

จากคุณ : seun
เขียนเมื่อ : 6 ม.ค. 53 18:06:27
ถูกใจ : WACHOVIA



โดย: WC IP: 222.123.233.133 วันที่: 6 มกราคม 2553 เวลา:18:17:06 น.  

 
ความคิดเห็นที่ 20

เอาเรื่องดีๆ มาให้นักเรียนปวดขมองเพิ่มค่ะ

สอนวิธีการใช้ Trailing Stop เพื่อตัดขาดทุนและรักษากำไรในการเล่นหุ้น ด้วยวิธีง่ายๆและมีประสิทธิภาพ

ประโยคแนะนำ

"ขอให้คุณจำให้ดีว่า สิ่งสำคัญที่สุดในการใช้ stop Loss นั่น

ก็เพื่อจะหนีออกมา หากตลาดไม่ทำตัวอย่างที่มันควรทำ

มันคือหลักประกันของคุณ ที่จะช่วยให้คุณ ไม่ต้องหมดตัวจากตลาด"

//www.youtube.com/watch?v=K0DRHmNKYpM




จากคุณ : daandart
เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 53 10:07:20
ถูกใจ : แมวอ้วน กวนทุกวัน, กันดัมจัง, WACHOVIA



โดย: กระทู้น้องเอม IP: 117.47.4.148 วันที่: 12 มกราคม 2553 เวลา:9:20:01 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

WACHOVIA
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




[Add WACHOVIA's blog to your web]