| min.yongsuvimolจะ Vitamin A D E K หรือ B C ผมก็มีครบแล้ว แต่ที่ผมขาดคือ Vitamin YOU | | | ไม่เคยคิดเลยว่าจะเป็นอะไร...นอกจากนักร้องและหมอ เป็นคำตอบของมิณทร์เมื่อทีมงานถามถึงอนาคตด้านอื่น เขาเล่าว่า ตั้งแต่จำความได้ก็อยากประกอบอาชีพแพทย์มาโดยตลอด โดยได้แรงบันดาลใจมาจากการไปเฝ้าคุณตาคุณยายที่โรงพยาบาลในวัยเด็ก เวลาที่ไปโรงพยาบาล เพื่อเฝ้าคุณตาคุณยาย จะใช้เวลาอยู่โรงพยาบาลนานมากและค่อนข้างบ่อย เนื่องจากพวกท่านเป็นหลายโรค ก็เกิดความรู้สึกว่าอยากมีความรู้และสามารถดูแลคนที่เรารักได้ด้วยตนเอง และที่สำคัญเวลาไปหาหมอแต่ละครั้ง ภาพที่เห็นเวลาคนไข้ขอบคุณหมอตอนออกจากโรงพยาบาล มันเป็นความรู้สึกจากใจจริง ผ่านทางสีหน้า ท่าทาง คำพูด ทั้งผู้ป่วยและญาติ เป็นสิ่งที่มิณทร์อยากได้ แต่การเป็นแพทย์ตามที่หวังก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะนอกจากความมุ่งมั่นและคะแนนเฉลี่ยสะสมที่ดีเยี่ยมแล้ว มิณทร์ยังต้องฝ่าด่านการทดสอบหลายด่าน ขั้นแรก สมัครระบบรับตรงของคณะแพทย์ก่อน ก็คือ กสพท. ซึ่งสนามแรกที่จะเจอ คือ ความถนัดแพทย์ แบ่งเป็น 3 พาร์ท คือ เชาว์ จริยธรรม และการเชื่อมโยง บอกเลยว่ายากมาก ตอนแรกอาจจะคิดว่าตอบถูก แต่เพราะมันเป็นวิชาที่ไม่ตายตัว คำตอบเราอาจจะไม่ตรงกับที่คนออกข้อสอบคิดไว้ว่าแพทย์ควรจะตอบแบบไหนก็ได้ ซึ่งโดยทั่วไปไม่มีใครตอบแบบคนดี 100 % ได้ เราก็จะตอบเป็นตัวเองด้วยส่วนหนึ่ง คะแนนมันเลยไม่ตายตัว หลังจากนั้นก็เป็นสนามที่สอง สนาม 9 วิชา ซึ่งถ้าสอบแพทย์ก็จะสอบแค่ 7 ตัว มี เคมี ฟิสิกส์ ชีวะ ไทย สังคม อังกฤษและเลข พอสอบของกสพท.เสร็จก็จะมีสอบ O-NET ม.6 เพื่อวัดมาตรฐานเด็ก ถ้าเกิดเป็นคณะแพทย์จะตัดเกณฑ์ที่ 60 % แล้วก็รอประกาศผลว่าได้ที่ไหน พอได้ก็ยังต้องสอบจิตวิทยา สัมภาษณ์ ตรวจเลือด ตรวจร่างกายอีก ซึ่งการสัมภาษณ์จะมีคำถามที่ไม่เหมือนกัน โดยอ้างอิงจากประวัติส่วนตัวของผู้สมัครหรือสุ่มคำถามที่อยากรู้ มันเลยไม่ตายตัวว่าชุดคำถามจะเป็นแบบไหน โดยมิณทร์สามารถสอบผ่านมาได้ด้วยคะแนน 67.544 คะแนน ติดคณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดลในที่สุด เจ้าตัวได้เผยเคล็บลับง่ายๆ ที่ใช้ในการอ่านหนังสือและเตรียมตัวสอบที่ใครก็ทำได้ จริงๆ ก็เป็นสิ่งที่มิณทร์ทำปกติอยู่แล้ว ตั้งแต่ตอนเรียนมัธยม ถ้าเป็นวิชาคำนวนจะเอาแบบฝึกหัดเก่ามานั่งทำจนจับจุดได้ว่าโจทย์พยายามจะบอกอะไร ต้องการหลอกถามหรือสื่ออะไร ถ้าเป็นวิชา เช่น ชีวะ สังคม ภาษา ก็จะเน้นการทบทวนทุกวัน รื้อฟื้นความรู้เก่าๆ แล้วค่อยมาทบทวน มันจะทำให้ต่อยอดได้ง่าย ช่วงสอบแพทย์ก็ไม่ต่าง ใช้เทคนิคเดียวกัน แต่จะเพิ่มวิชามาเป็นวิชา ฟิสิกส์ มิณทร์เพิ่มเติมว่ายังมีการเตรียมตัวด้วยการไปเรียนกวดวิชา หรือไปศูนย์หนังสือ หาหนังสือที่น่าสนใจและหนังสือที่คิดว่าทำไม่ค่อยได้มาทำ เพราะรู้สึกว่าถ้าอยากพัฒนาให้เก่งขึ้นควรจะหาหนังสือที่ยากขึ้นมาอีกระดับหนึ่งจะดีกว่า สุดท้ายนี้มิณทร์ได้ฝากผลงานว่ากำลังจะมีซิงเกิ้ลพิเศษออกมาแต่จะขอเก็บไว้เป็นเซอร์ไพร์สและฝากกำลังใจถึงคนที่มีความฝันอยากจะเป็นแพทย์เหมือนกับตน สำหรับคณะแพทย์ ไม่จำเป็นจะต้องเก่งตั้งแต่เกิดถึงจะเรียนได้ มันขึ้นอยู่กับความพยายาม ความตั้งใจ และความมุ่งมั่น ถ้าเกิดว่าชอบแพทย์ มันไม่ได้เกี่ยวกับว่าเราต้องชอบเลขหรือชีวะ แพทย์มันเกี่ยวกับการช่วยเหลือคน ได้เอาความรู้ไปช่วยเหลือคนที่ลำบาก อยากให้ดูที่ตัวอาชีพมากกว่า นอกจากนี้เขายังมองว่าทุกคณะมีโอกาสประสบความสำเร็จเท่ากันหมด ขึ้นอยู่กับว่าจะเอาชนะตัวเองได้มากแค่ไหน สิ่งสำคัญที่สุดในการเตรียมตัวสอบก็คือ การตั้งเป้าหมายและพยายามเดินตาม ทุกครั้งไม่จำเป็นต้องสำเร็จ ทุกคนมีขี้เกียจ เหนื่อย ล้า ง่วงนอน แต่สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ การได้พยายามและสู้กับตนเอง
|