Bournemouth News Rex Features
เจ้าหนูตัวจิ๋วที่มีขนาดเท่าฝ่ามือตัวนี้ ชื่อ ดอร์เมาส์ (dormouse) หรือที่คนส่วนใหญ่เรียกกันว่า กระรอกจิ๋ว (micro squirrels) พวกเขาจะมีรูปร่างหน้าตาคล้ายหนู มีดวงตาดำกลมโต เป็นสัตว์ฟันแทะอีกชนิดหนึ่งที่มีขนสั้นนุ่มมาก หางฟูเหมือนกระรอก และหางยาวเท่ากับตัวประมาณ 3-4 นิ้ว น้ำหนักประมาณ 20-60 กรัม
มีขนสีเทาคล้ายชินชิลา แต่ตอนโตเต็มที่แล้วสีขนจะค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีแดงทราย ใต้ท้องมีสีขาวครีม และที่สำคัญมันมีขนาดตัวเล็กจิ๋ว ชนิดที่ว่าสามารถกระโดดลงท่อระบายน้ำขนาดเล็กได้อย่างสบาย และยังมีความว่องไว ปราดเปรียวตามสัญชาตญาณกระรอกป่า
ส่วนที่มาที่ไปของชื่อ ดอร์เมาส์ นั้น มาจากคำว่า "Dor" ซึ่งเป็นภาษาอังกฤษโบราณ แปลว่า ผู้หลับใหล มันถูกเรียกตามพฤติกรรมที่ต้องนอนจำศีลตลอดฤดูหนาวในช่วงที่อาหารขาดแคลน ปกติแล้วดอร์เมาส์เป็นสัตว์กลางคืน สังเกตได้จากดวงตากลมโต สีดำสนิทที่มีไว้สำหรับออกหากินเฉพาะเวลากลางคืนในป่าดิบชื้นแถบแอฟริกา กินอาหารจำพวกผลไม้ อาทิ กล้วย แอปเปิล เป็นต้น ส่วนเวลากลางวันจะนอนหลับ
เจ้าดอร์เมาส์มีความลับที่น่าแปลกอยู่อย่างหนึ่งคือ พวกมันเป็นสัตว์ชนิดหนึ่งที่ไม่สามารถดูเพศได้ตั้งแต่เกิด แต่สามารถรู้ได้ตอนเข้าสู่วัยผสมพันธุ์ เพศผู้จะมีอัณฑะ ส่วนตัวเมียจะไม่มี ดอร์เมาส์ เมื่อตัวผู้โตขึ้นจะเริ่มทะเลาะกัน (สิ่งที่ระวังควรจะมีตัวผู้แค่ 1 ตัว ต่อตัวเมีย 2 ตัว ถ้าตัวผู้เยอะกว่า 1 ตัว จะเกิดการแย่งตัวเมียอาจทำให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งตายได้)
ดอร์เมาส์มีความพร้อมผสมพันธุ์ได้เมื่ออายุประมาณ 5-6 เดือน ซึ่งจะสังเกตอาการตัวผู้ได้จากเสียงร้อง "คริกๆ" คล้ายเสียงจิ้งหรีด หากผสมพันธุ์กันแล้วตัวเมียจะตั้งท้องนานประมาณ 25-35 วัน และออกลูกครอกละประมาณ 2-10 ตัว
PHIL NOBLE Newscom RTR
ดอร์เมาส์ นั้นเป็นสัตว์ที่หวงลูกมาก เพราะฉะนั้นเมื่อลูกดอร์เมาส์เกิดจึงไม่ควรเปิดดูถ้าไม่จำเป็น ควรตั้งกรงไว้ในบริเวณที่ผู้คนไม่เดินพลุกพล่าน ถ้าจับลูกดอร์เมาส์ในช่วงนี้จะทำให้แม่เกิดความเครียด อาจไม่เลี้ยงลูกหรือกินลูกได้ แต่สามารถดูลูกดอร์เมาส์หลังจากลืมตาได้แล้ว สิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับแม่ดอร์เมาส์หลังคลอด คือ อาหาร และ น้ำ ถ้าให้ดีควรมีอาหารเสริมให้วันเว้นวัน ลูกดอร์เมาส์นั้นจะหย่านมและกินอาหารเองได้หลังคลอดประมาณ 30 วัน
ในปัจจุบันเจ้าดอร์เมาส์มีหลากหลายสายพันธุ์และแพร่กระจายในหลายประเทศทั่วโลก แต่มีถิ่นกำเนิดแหล่งใหญ่สำคัญอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา และทวีปแอฟริกา ส่วนชนิดที่นิยมเลี้ยงซึ่งนำเข้ามาภายในประเทศไทย คือ แอฟริกัน ปิ๊กมี่ ดอร์เมาส์ (Afican pygmy dormouse) ซึ่งมีขนาดเล็กที่สุด ส่งตรงจากทวีปแถบแอฟริกากลาง หลายคนที่สงสัยว่าเจ้าดอร์เม้าท์นี้เป็นสัตว์คุ้มครองรึเปล่า ชลลี่ ขอบอกไว้ตรงนี้เลยนคะว่าดอร์เมาส์เกือบทุกชนิดไม่ใช่สัตว์คุ้มครอง (ยกเว้นสายพันธุ์เฉพาะถิ่นในเกาะญี่ปุ่น)
ดอร์เมาส์ เป็นสัตว์สังคม จึงควรเลี้ยงเป็นคู่หรือรวมกันเป็นกลุ่ม ซึ่งในธรรมชาติอาจจะพบดอร์เมาส์อยู่รวมกันมากถึง 20 ตัวในครอบครัวเดียว เมื่อคนนำมาเป็นสัตว์เลี้ยง ดอร์เมาส์ก็เข้ากับคนได้ไม่ยากนัก ค่อนข้างเลี้ยงง่าย จึงเหมาะสำหรับผู้เลี้ยงที่ไม่ค่อยมีเวลา ไม่ค่อยอยู่ห้อง หลายคนอาจเข้าใจผิดว่าดอร์เมาส์มีนิสัยคล้าย ชูการ์ไกลเดอร์
แต่จริงๆ แล้วสัตว์ทั้งสองชนิดนี้ไม่เหมือนกันเลย โดยเฉพาะนิสัยที่ค่อนข้างขี้ตกใจของดอร์เมาส์ ต่างจากชูการ์ไกลเดอร์ที่เกาะติดคนอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นผู้ที่คิดจะเลี้ยงดอร์เม้าส์จึงไม่ควรพาพวกมันออกไปนอกสถานที่ และไม่ควรจัดที่อยู่ในบริเวณที่มีคนพลุกพลาน เพราะอาจจะทำให้เจ้าดอร์เม้าส์เกิดอาการเครียดได้
Getty Images
นอกจากนี้เมื่อเจ้าดอร์เม้าส์โตขึ้น พวกมันไม่ค่อยมีนิสัยออดอ้อนเจ้าของเหมือนกับสัตว์ชนิดอื่นๆ แต่มันจะชอบซ่อนตัว ไม่ชอบแสง เคลื่อนไหวรวดเร็ว และระวังตัวสูง ถ้าผู้เลี้ยงเข้าใจพฤติกรรมตามธรรมชาติของพวกมันให้ดี และให้เวลากับมันเพียงพอ มีความสุขที่ได้จับเล่น ลูบคลำเจ้ากระรอกจิ๋วตัวอ้วนได้ค่ะ ธรรมชาติอีกอย่างหนึ่งที่สำคัญของดอร์เม้าส์คือ พวกมันเป็นสัตว์ที่ชอบผจญภัย ชอบมุด และปีนป่าย
จึงไม่เหมาะที่จะเลี้ยงในกรงที่มีลักษณะเป็นซี่ลวด (อาจเลี้ยงในตู้ปลา หรือตระกร้าสำหรับใส่สุนัขแบบพกพาก็ได้ค่ะ โดยควรปูพื้นด้วยขี้เลื่อยหนาประมาณ1-2นิ้ว อาจใช้เป็นบ้านไม้หรือบ้านดินเผาสำหรับทำเป็นรังนอน สำหรับถ้วยอาหารจะใช้แบบเซรามิกมีแบบแห้งและแบบเปียก เสริมด้วยขวดน้ำแบบสุญญากาศแค่นี้ก็เพียงพอสำหรับดอร์เม้าส์แล้วล่ะค่ะ)
และที่สำคัญคือไม่แนะนำให้เลี้ยงในห้องปรับอากาศที่มีอุณหภูมิต่ำกว่า 24 องศาเซลเซียส ถ้าอุณหภูมิต่ำกว่านี้ดอร์เมาส์จะเริ่มนอนจำศีล ซึ่งเป็นอันตรายสำหรับสัตว์
ขอบคุณ msn
คุณชลลี่
สิริสวัสดิ์ศุกรวารค่ะ