เมินถูกเย้ย!ชนะคนนอนคุก"พนิช"เปิดใจขอโอกาสผมทำงาน

"ไทยรัฐออนไลน์"ได้มีพูดคุยกับว่าที่ ส.ส.ใหม่ถอดด้าม น้องนุชคนสุดท้องของค่ายธรณีบีบมวยผม "พนิช วิกิตเศรษฐ์" ว่าที่ ส.ส.เขต 6 กทม.หลังทราบผลคะแนนการเลือกตั้งชนะเหนือคู่แข่งจาก 5 พรรคการเมือง และกำลังแต่งตัวหล่อ รอคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)เซ็นรับรองก่อนเข้าไปนั่งในสภาหินอ่อน

เป็นเพราะการเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้ "ไม่ธรรมดา" สะท้อนอะไรหลายๆอย่าง มีการพูดถึงทั้งสัญลักษณ์หมายถึงการเอาชนะแข่งชิงความชอบธรรมจากฝ่ายแดงกับ รัฐบาล เพื่อไทยกับประชาธิปัตย์ คนกรุงเอาหรือไม่เอาเสื้อแดง ที่สำคัญคู่แข่งของนายพนิช นั้นกำลังอยู่ใน"คุก"ที่สำคัญได้รับเสียงตอบรับมากแพ้แค่เพียง 1.5 หมื่นคะแนน เท่านั้น

มาลองฟังความรู้สึก เหตุผล กลเม็ดเด็ดพลายจนทำให้ได้รับความไว้วางใจจากประชาชนกากบาทมอบให้มาทำหน้าที่ แทนพวกตนจากว่า ส.ส. ใหม่ถอดด้ามคนนี้กัน โดยนายพนิช กล่าวว่า ดีใจมากกับคะแนนที่ได้ ถือว่ายิ่งใหญ่ที่สุด แม้หลายคนอาจจะตั้งคำถามว่า ชนะเพียงแค่ 15,000 คะแนน เป็นชัยชนะที่ไม่ได้ขาด แต่ขอเรียนตรงๆว่า ดีกว่าที่ตนคาดไว้มาก เพราะถ้า 15,000 คะแนนนั้นจากตัวเลขที่ออกมาให้คะแนนตน 9.6 หมื่น อีกฝั่งหนึ่ง 8.1 หมื่นคะแนน คิดเป็น 10% กว่า พอใจกับตัวเลขที่ได้เป็นอย่างมาก เนื่องจาก่อนหน้านี้ทางพรรคประชาธิปัตย์ได้ทำโพลล์ ตนจะชนะประมาณ 3-5% แต่คะแนนที่ออกมาจริงชนะถึง 10% ดีกว่ากว่าโพลล์ที่พรรคทำไว้ ทำให้เห็นว่าการที่เราลงพื้นที่มากบ่อยครั้ง ช่วยได้มาก

"ความจริงพื้นที่ตรงนั้น เป็นฐานของพรรคเพื่อไทยมาโดยตลอด ไม่ได้มีพรรคประชาธิปัตย์เลย ไม่ว่าจะเป็น ส.ก.ที่เรามีแค่เพียงคนเดียวเท่านั้นเอง จากทั้ง 4 เขต ส.ข.ก็เพิ่งมาได้ชัยชนะ เป็นฐานของพรรคคู่แข่งมาโดยตลอด และ เค้าก็แข็งมากจริงๆ ฉะนั้นคะแนนที่ออกมาผมพอใจมากๆ และ ดีใจมากที่ชนะได้ทุกเขต เขตเล็กเขตน้อยไม่เป็นไร แต่ชนะทุกเขต"

นายพนิช บอกว่า สำหรับเคล็ดลับที่ใช้เผด็จศึกครั้งนี้ที่ชัดเจน คือ นโยบายที่เรียกว่า "ดาวกระจาย บายวัน" หมายถึงว่า สมาชิิกพรรคทุกคนแยกกันลงพื้นที่อย่าง นายวิทยา แก้วภารดัย ประธานวิปรัฐบาล จะคุมพื้นที่เขตหนองจอก และ ตาม ส.ส.ของพรรคทุกคนลงพื้นที่ให้ทุกวันย้อนหลังไป 2 อาทิตย์ คันนายาว ซึ่งเป็นเขตที่แข่งขันกันมากและตนเองก็แพ้ 70 :30 มาตลอดวันที่ลงคะแนนชนะแค่ 800 คะแนน ซึ่งต้องขอบพระคุณนายเจิรญ คันธวงศ์ ส.ส.สัดส่วน บึงกุ่ม ก็ได้รับความอนุเคราะห์จากคุณหญิงกัลยา โสภณพนิช อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี คอยช่วย นายกรณ์ จาติกวนิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งนายชวน หลีกภัย ประธานที่ปรึกษาพรรค นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคและนายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ช่วยหาเสียงอย่างต่อเนื่อง สุดท้ายแล้วเป็นเรื่องของพลังของพรรค

"ผมเป็นส่วนหนึ่งของชัยชนะ เพราะเป็นตัวผู้สมัคร และ ผมเองตั้งใจมากว่าจะลง 30 วันโดยไม่มีวันหยุดแม้แต่วันเดียว ผมโชคดีและดีใจที่ได้ทำเต็มที่และที่สุดเลย"

ว่าที่ ส.ส.พนิช บอกด้วยว่า ความจริงความใฝ่ฝันของตนที่จะเป็น ส.ส.นั้นมีมาตั้งแต่เด็กโดยตั้งแต่เข้ามหาวิทยาลัยบอสตัน สหรัฐอเมริกา เมื่อทำอะไรเสร็จสิ้นก็ได้รับจากชักชวนจากนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ประมาณเมื่อ 10 ปีที่ โดยตลอด 8 ปีที่ผ่านมาตนได้คลุกคลีในวงการเมืองมาโดยตลอด เช่น รองผู้ว่า กทม. ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เคยตั้งใจจะลาออกจากรองผู้ว่า กทม.มาลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.แต่โดนขอไว้ให้ทำงานที่เดิมไปก่อน ดังนั้นถึงวันนี้แล้ว บอกตรงๆว่าบรรลุเป้าหมายที่สำคัญในชีวิตของผมแล้ว

"สำหรับเรื่องที่มีคนกระแหนะกระแหนว่า ชนะคนที่อยู่ในคุก ผมไม่ซีเรียสนะ ต้องกลับไปถามพรรคที่ส่ง เค้าก็ข้อจำกัดอยู่แล้ว และผมก็พูดมาตั้งแต่วันแรกแล้วว่า รู้สึกแปลกใจ แต่ก็ไม่ได้คิดอะไร เพราะเป็นนโยบายของเค้า ผมเองตั้งใจลงแข่งขันกับคนที่ออกมาเดินหาเสียงได้ สู้กันเต็มที่ เต็มเม็ดเต็มหน่วย ในเวทีปราศรัยเกี่ยวกับนโยบาย พูดตรงๆ วันนี้รู้สึกผิดหวังนิดหนึ่งว่า ไม่สามารถอภิปรายกับผู้สมัครอีกฝั่งหนึ่ง เพราะเค้าไม่มีโอกาสเลย ผมรู้สึกว่าผมพูดอยู่คนเดียว"

นายพนิช ระบายความรู้สึกต่อไปว่า ตนเองรู้สึกว่าเสียเปรียบด้วยซำ้ไป เนื่องจากคู่ต่อสู้คือนายก่อแก้ว พิกุลทอง จากพรรคเพื่อไทยนั้น เป็นคนที่มีคนรู้จักมากว่าตนจำนวนมาก ย้อนกลับไป 1 เดือนที่แล้วคนรู้จักนายพนิช น้อยกว่า นายก่อแก้ว มีภาพกว้างที่คนทั้งประเทศรู้จัก

หลังจากนี้คือจะดำเนินการลงพื้นที่ขอบคุณทุกคะแนนเสียงทั้งที่เลือกและไม่ เลือกตน และ หลังจากที่ กกต.รับรองแล้ว ต้องดำเนินการตามที่หาเสียงไว้อันดับแรกเลย ต้องยกมือสนับสนุนผ่าน พ.ร.บ.งบประมาณปี 2554 เพระเงินจำนวนดังกล่าวจะได้นำมาพัฒนาพื้นที่ ในส่วนที่สองต้องเข้าไปดูแลผลักดันเรื่องการขนส่งมวลชน การแก้ไขปัญหาจรจารในพื้นที่ เช่น รถไฟฟ้าสายสีส้ม สายสีชมพู ทั้งนี้จะประสานกับ กทม.ให้ทราบปัญหาที่ตนไดประสบระหว่างการลงพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นปัญหานำ้ท่วม การพัฒนาถนนที่เป็นหลุมเป็นบ่อ เป็นต้น

ส่วนความถนัดที่จะเข้าไปทำหน้าที่ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรว่าที่ ส.ส.คนล่าสุดของพรรคประชาธิปัตย์ บอกว่า ตนมั่นใจและทราบจุดแข็งนายอภิสิทธิ์ และ นายกรณ์ ก็ทราบว่า จุดแข็งของตนอยู่ทางด้านสายเศรษฐกิจ ตนเองก็อยากเข้าไปในคณะกรรมาธิการด้านเศรษฐกิจ การเงิน การคลัง แต่ในขณะเดียวกันตนก็มีประสบการณ์ด้านการต่างประเทศจำนวนมาก สนใจในกรรมาธิการต่างประเทศเช่นเดียวกัน แต่ทั้งหมดทั้งปวงตนเป็นคนเลือกไม่ได้ ขึ้นอยู่กับทางพรรคและรัฐบาล

อย่างไรก็ตามหลังจากที่ กกต.ประกาศรับรองความเป็น ส.ส.แล้ว ตนขอสัญญาว่าจะทำงานอย่างเต็มที่ ในฐานะผู้แทนของพี่น้องประชาชน ที่ได้รับความไว้วางใจ

ก็ขอให้จริงดังว่า การเมืองไทยจะได้พัฒนาเสียที อย่าปล่อยให้ระบบการเมืองกลืนไปเหมือนคนอื่นๆเค้าละ เพราะจะวนเวียนวัฏฏะเป็น "วงจรอุบาทว์" อย่างไม่จบสิ้น.

ที่มา //www.thairath.co.th/content/pol/99360

Create Date : 28 กรกฎาคม 2553		1 comments
Last Update : 28 กรกฎาคม 2553 6:33:41 น.
Counter : 683 Pageviews.
Share Tweet