" Happiness is a way station between too much and too little. " ... noi - tum

 
กันยายน 2553
 
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
29 กันยายน 2553
 

"น้ำส้มซานชู่" หรือ "น้ำส้มสายชู"

"น้ำส้มซานชู่"



น้ำส้มสายชู (อังกฤษ: Vinegar) เป็นของเหลวที่ได้จากกระบวนการหมัก มีองค์ประกอบหลักคือกรดน้ำส้ม (กรดอะซิติก) น้ำส้มสายชูทั่วไปมีความเข้มข้นของกรดตั้งแต่ 4% ถึง 8% โดยปริมาณ[1] และอาจสูงถึง 18% สำหรับ pickling. น้ำส้มสายชูหมักโดยธรรมชาติยังมีกรดชนิดอื่นๆ ในปริมาณเล็กน้อย เช่น tartaric acid และ citric acid มนุษย์รู้จักการผลิตและใช้น้ำส้มสายชูมาตั้งแต่สมัยโบราณ น้ำส้มสายชูเป็นองค์ประกอบสำคัญของอาหารยุโรป อาหารเอเชีย และตำหรับอาหารอื่นๆ

คำว่า "vinegar" มาจากภาษาฝรั่งเศสโบราณ แปลว่าไวน์ที่เปรี้ยว



ส่วนคำว่า "น้ำส้มสายชู" ซึ่งเป็นคำไทยนั้น น่าจะมาจากหลักฐานที่ว่า [2] เมื่อหลายพันปี ที่ผ่านมา ประเทศจีนเข้าใจเทคนิคของการหมักน้ำส้มสายชูจากธัญพืช ในหนังสือโจว หลี่ ประพันธ์โดยโจวกง เมื่อปี ค.ศ.1058 นั้นได้บันทึกถึงการหมักน้ำส้มสายชู และสมัยชุนชิวจ้านกว๋อ ปรากฏว่ามีโรงกลั่นน้ำส้มสายชูแล้ว หนังสือบันทึกวิชาการสำคัญ ฉีหมินเย่าซู ได้กล่าวไว้ว่า “ชู่ 醋” คือน้ำส้มสายชูจีนในปัจจุบัน ในสมัยโบราณเขียนคำว่าชื่อ “ชู่” 醋 ได้อีกว่า “ 酢” หรือ “醯” และได้บันทึกขั้นตอนของการหมักน้ำส้มสายชูอย่างละเอียด นักประวัติศาสตร์นามว่าชื่อซู่โหว ได้สำรวจที่ไท้เอวี๋ยน และพบว่าก่อนค.ศ.479 เมื่อตั้งเมืองจิ้นหยางแล้วก็มีผู้คนทำน้ำส้มสายชูจีน คนถิ่นอื่นจึงเรียกคนซานซีว่า “เหล่าซีเอ๋อร์” คำว่า “ซี” ซึ่งเป็นเสียงพ้องของคำว่า “ชู่” อักษรในสมัยโบราณ

การนำอักษรชู่โบราณมาเรียกคนซานซีนั้น สะท้อนถึงเวลาที่เก่าแก่และคนจำนวนมากในการหมักน้ำส้มสายชูจีน ในประวัติศาสตร์ ด้วยเหตุนี้จึงกล่าวได้ว่า ซานซีเป็นแหล่งกำเนิดของการหมักน้ำส้มสายชูของจีน และประวัติของการหมักน้ำส้มสายชูอย่างน้อยก็มีอายุมากกว่า 2,480 ปี




จึงเป็นที่น่าเข้าใจได้ว่า คำว่า "น้ำส้ม" มาจากรสชาดที่เปรี้ยว และคำว่า "สายชู" น่าจะมาจากแหล่งกำเนิดคือ "ซานซี" หรือ "ซานชู่"

จนมาเป็นคำว่า "น้ำส้มซานชู่" หรือ "น้ำส้มสายชู" นั่นเอง

ประโยชน์ของน้ำส้มสายชู



น้ำส้มสายชู เครื่องปรุงที่เราพบเห็นบ่อย ๆ บนโต๊ะอาหารทั้งที่บ้านและตามร้านอาหาร ในรูปของพริกน้ำส้ม น้ำส้มสายชูมีองค์ประกอบสำคัญทางเคมีเป็นกรดอะซีติก หรือ กรดน้ำส้ม ซึ่งเป็นกรดอ่อน การแบ่งชนิดของน้ำส้มสายชูอาศัยความแตกต่างของกรรมวิธีการผลิต ได้แก่

น้ำ ส้มสายชูหมัก เป็น น้ำส้มสายชูที่ได้จากการหมักธัญพืช ผลไม้ หรือ แอลกอฮลล์ โดยจุลินทรีย์ตามธรรมชาติหรือการเติมจุลินทรีย์ที่เหมาะสมลงไปทำการหมัก โดยจุลินทรีย์จะเปลี่ยนน้ำตาลเป็นแอลกอฮอล์ แล้วเปลี่ยนแอลกอฮอล์เป็นน้ำส้มสายชูอีกทีหนึ่ง น้ำส้มสายชูหมักจะมีสีเหลืองอ่อน ใส มีกลิ่น รสเฉพาะตัวขึ้นอยู่กับวัตถุดิบที่ใช้ และมีปริมาณกรดน้ำส้มไม่น้อยกว่าร้อยละ 4 แบบที่ 2 น้ำส้มสายฃูกลั่น ได้จากการนำแอลกอฮอล์ที่ได้จากการหมักมากลั่น แล้วหมักกับจุลินทรีย์ให้ได้กรดน้ำส้มทีหลัง หรือได้จากการนำน้ำส้มสายชูหมักมากลั่นอีกทีหนึ่ง น้ำส้มสายชูชนิดนี้จะมีกลิ่นฉุนของน้ำส้มสายชู และมีปริมาณกรดน้ำส้มไม่น้อยกว่าร้อยละ 4 เช่นกัน สุดท้าย น้ำส้มสายชูเทียม เป็นน้ำส้มสายชูที่ผลิตขึ้นจากกรรมวิธีทางเคมี ที่มีความเป็นกรดอ่อน และเข้มข้นประมาณร้อยละ 95 มาเจือจางด้วยน้ำให้มีปริมาณกรดร้อยละ 4 - 7 มีลักษณะใส ไม่มีสี แต่กลิ่นฉุน



ส่วนน้ำส้มสายชูปลอม ได้ มาจากการนำกรดน้ส้มที่ไม่บริสุทธิ์เพียงพอ เป็นกรดน้ำส้มที่ใช้ในอุตสาหกรรมมาเจือจางด้วยน้ำ หรือนำกรดที่ใช้ในอตุสาหกรรมอย่าง กรดเกลือ กรดกำมะถัน มาเจือจางหรือปลอมปนเข้าไปในน้ำส้มสายชูแท้อีกทีหนึ่ง หากรับประทานเข้าไปจะกัดกระเพาะอาหารและทางเดินอาหารทีละน้อย และอาจทำให้ทางเดินอาหารทะลุ นอกจากนี้กรดเหล่านี้ยังมีส่วนประกอบของโลหะหนักปนเปื้อน ซึ่งเป็นพิษต่อร่างกายอีกด้วย



นอกจากจะช่วยปรุงอาหารให้ได้รส เปรี้ยวแล้ว "น้ำส้มสายชู" ของธรรมดาใกล้ ๆ ตัวก็สร้างความประหลาดให้เราได้อย่างไม่น่าเชื่อ ด้วยการเป็นผู้ช่วยทำความสะอาดคราบต่าง ๆ ทั้งแบบเดี่ยว ๆ หรือใช้ร่วมกับของอื่น ๆ เช่น เกลือ เบ็คกิ้งโซดา น้ำยาล้างจาน ฯลฯ ที่ช่วยเราทำความสะอาดได้ราวกับมืออาชีพ แถมยังไม่ส่งผลค้างเคียงกับผู้ที่เป็นภูมิแพ้



คราบสบู่ที่ติดแน่น หรือ คราบโลหะตามฝักบัว อ่างอาบน้ำหรืออ่างล้างหน้า สามารถกำจัดได้ง่ายดายเพียงอุ่นน้ำส้มสายชูให้ร้อนแล้วเทใส่ขวดที่มีหัวฉีด สเปรย์แล้วฉีดลงบนฝักบัวหรือพื้นที่ ๆ เราต้องการทำความสะอาดทั้งไว้ 10 - 15 นาที ใช้ฟองน้ำเช็ดคราบออก

คราบน้ำบนอ่างล้างหน้าและอ่างอาบน้ำ ที่ใช้มานาน ๆ แก้ไขได้โดยอุดปากท่อน้ำทิ้งไว้แล้วชโลมด้วยเกลือหยาบกับน้ำส้มสายชูปล่อย ทิ้งไว้สักครู่ แล้วใช้แปรงชนิดที่ขนเป็นอะคลิลิกไฟเบอร์ ขัดเพื่อไม่ให้อ่างล้างหน้าของเราเป็นรอยขีดข่วน

คราบสนิมที่ติด อยู่ส่วนหน้าของฝักบัว ให้เอาถุงพลาสติกใส่น้ำส้มสายชูเข้มข้นแล้วผูกแช่ไว้ในถุงนั้นข้ามคืน แล้วค่อยเอาไม้จิ้มฟันเล็ก ๆ เขี่ยให้รูน้ำเปิดออก เท่านี้การอาบน้ำครั้งต่อไปของเราก็จะสะดวกสบายยิ่งขึ้น

ทำความ สะอาดพื้นห้องน้ำหรือพื้นที่ผิวหยาบ ใช้เบ็คกิ้งโซดาผสมกับน้ำส้มสายชูแทนการใช้น้ำยาทำความสะอาดทั่วไปที่กลิ่น ฉุนและค่อนข้างเป็นอันตราย



สำหรับงานครัว "น้ำส้มสายชู" ช่วยให้จานแก้วเนื้อใส และ เครื่องแก้วคริสตัลใสสะอาด แวววาว เพียงนำเครื่องแก้วแช่ในน้ำที่ผสมน้ำส้มสายชูในอัตราส่วน น้ำส้มสายชู 1 ส่วนต่อ น้ำ 3 ส่วน แช่ทิ้งไว้สักครู่ แล้วนำขึ้นผึ่งให้แห้งบนตะแกรงโดยไม่ต้องใช้ผ้าเช็ดเลย ถ้าจะเช็ดควรใช้ผ้านุ่ม ๆ แต่ไม่เป็นขนเช็ด เครื่องแก้วของเราจะกลับมาสดใสปิ๋งเหมือนเดิม

ชุบขีวิตให้เครื่อง ครัวอลูมิเนียม โดยเอาน้ำส้มสายชูผสมกับขี้เถ้ามาขัดให้ทั่วพื้นผิวที่เป็นอลูมิเนียมจะ สะอาดเป็นเงางาม ทั้งยังทำให้อุปกรณ์เหล่านั้นไม่ให้เก่าเร็วอีกด้วย ที่สำคัญเมื่อล้างทำความสะอาดแล้วต้องเช็ดให้แห้ง ห้ามปล่อยให้แห้งเองเพราะจะทำให้เกิดรอยด่างไม่น่าใช้

คราบน้ำใน กระติกน้ำร้อน มีส่วนประกอบหลักมาจากแคลเซียมในน้ำประปา แก้ไขได้เพียงใส่น้ำ 1/3 เติมน้ำส้มสายชู 1 ช้อนตวงเล็ก ต้มให้เดือด ๆ ทั้งอย่างนั้น แล้ว
เขย่าขึ้นลง คราบขาว ๆ และคราบสนิมภายในจะหลุดออกมา



เมื่อ เราใช้หม้อหุงข้าวไปนาน ๆ จะมีคราบตะกอนก้นหม้อหุงข้าว ไม่ควรนำฝอยขัดหม้อหรือสก็อตไบต์มาใช้ขัดคราบเหล่านั้น เพราะนอกจากจะไม่ออกแล้วยังทำให้สารเทปลอนที่มีคุณสมบัติกันไม่ข้าวติดหม้อ หลุดออกมาด้วย ทั้งยังทำให้เกิดริ้วรอยขีดข่วนกระจัดกระจายไปทั่วบริเวณที่ขัดถู คราบตะกอนก้นหม้อหุงข้าวนี้ให้ใช้น้ำส้มสายชูกับน้ำสะอาดในอัตราส่วน 1 ต่อ 2 เทลงในหม้อ จากนั้นเสียบปลั๊กกดปุ่มแบบเดียวกับตอนหุงข้าว รอจนกระทั่งเดือดให้ถอดปลั๊กออก เทน้ำผสมน้ำส้มสายชูในหม้อทิ้ง จากนั้นนำมาทำความสะอาดด้วยน้ำเปล่าซ้ำอีก 2 - 3 ครั้ง คราบตะกอนจะหลุดออกง่ายดายไม่ต้องเสียแรงขัด

บางครั้งเราไม่ได้ ตั้งใจ เมื่อต้มน้ำร้อน ๆ แล้วยกมาวางบนผ้าปูโต๊ะที่เป็นพลาสติก ทำให้ละลายติดภาชนะได้ ใช้กระดาษชุบน้ำส้มสายชูเช็ดที่ภาชนะช่วยกำจัดคราบพลาสติกที่ติดอยู่กับ ภาชนะร้อน ๆ คราบเขม่า ควันไฟ หรือคราบน้ำมันจากการทำอาหารที่ติดตามฝาผนัง หม้อ กะทะ ก็เช่นเดียวกัน เราทำความสะอาดได้โดยใช้น้ำส้มสายชูร้อน ๆ ( ต้มให้เดือด ) ถูจะช่วยขจัดคราบสกปรกหลุดออกง่ายดาย

น้ำส้มสายชู ยังสามารถใช้ล้างสารพิษตกค้างในผักผลไม้ โดยขึ้นแรกให้ล้างด้วยน้ำธรรมดาเพื่อให้กรวดหินดินทรายและฝ่นที่ปนเปือนมา หลุดออกก่อน จากนั้นเทน้ำส้มสายชู 1 ช้อนโต๊ะในน้ำ 1 ลิตร แช่ผักครึ่งกิโลกรัมนาน 45 นาที แล้วผึ่งให้สะเด็ดน้ำโดยไม่ต้องล้างด้วยน้ำอีกครั้ง เพราะพืชผักผลไม้เมื่อแช่น้ำส้มสายชูแล้วจะถูกกำจัดสารพิษที่ตกค้างด้วย โอโซนที่เกิดจากน้ำส้มสายชู จึงไม่ควรเอามาล้างให้เปื้อนคลอรีนอีก



นอก จากประโยชน์ในการทำความสะอาดแล้ว "น้ำส้มสายชู" ยังช่วยดูแลรักษาผ้าหรือเสื้อผ้าสีดำของเราที่ใช้ไปนาน ๆ แล้วดูเก่าเร็วหรือสีหมองไม่สดใส การซักผ้าสีดำทุกครั้งให้ผสมน้ำส้มสายชูเพียง 2 - 3 หยดในน้ำสุดท้ายที่ซักผ้า จะทำให้เสื้อผ้าสีดำของเราดูสดใสไปอีกนาน ส่วนตุ๊กตาตัวโปรดตัวแทนความรู้สึกดี ๆ หรือเป็นตัวแทนคนพิเศษถูกรุกรานจากฝ่นละอองจนเกิดคราบกระดำกระด่าง มาเรียกความทรงจำกลับมาโดยใช้น้ำส้มสายชูผสมกับน้ำ ในอัตราส่วน 1 : 1 แล้วหาผ้าสะอาดมาชุบพอหมาด ๆ เช้ดให้ทั่วตุ๊กตา โดยเน้นบริเวณรอบ ๆ รอยด่างดำเป็นพิเศษ




และนี่เป็นตัวอย่างเล็ก ๆ น้อย ๆ จากประโยชน์มากมายของน้ำส้มสายชูในการดูแลรักษาและทำความสะอาดบ้าน แม้น้ำส้มสายชูจะมีประโยชน์มากแต่ก็ควรใช้อย่างระมัดระวังด้วย.



ที่มา วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี Vinegar acid

"VINEGAR HILL"



มีความสุขทุกท่านนะคะ

หน่อย - ตั้ม






 

Create Date : 29 กันยายน 2553
0 comments
Last Update : 29 กันยายน 2553 22:34:32 น.
Counter : 6903 Pageviews.

 

tumauto
 
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




“The moments pass so quickly, But the memories last forever.”
- - Anonymous - -

" แม้เวลาจะผ่านไปเร็วซักเพียงไหน แต่ความทรงจำยังอยู่ได้ ชั่วนิรันดร์ "

.
[Add tumauto's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com