เมื่อวาน..วันเกิดพอดิบพอดี
พูดคุยสรุปกับทางบริษัทเป็นที่แน่นอน...วันสุดท้ายของชีวิตการทำงานทีนี่...สิ้นเดือนตุลา
เป็นครั้งแรกที่ฉลองวันเกิดด้วยการเปลี่ยนแปลงครั้งหนึ่งในชีวิตสิ่งที่เกิดขึ้นคืออารมณ์ที่แปลกๆ ถ้าอยู่ก็เหงาๆเศร้าๆ ลาออกก็เหงาๆ เศร้าๆ ...
ถ้ายังอยู่ที่นี่ก็ต้องทนกับความรู้สึกจิตป่วงของตัวเองcontrol ลูกน้องไม่ได้ทำงานให้เจ้านายไม่ได้ดี และเมื่อมาถึงวันที่จะไปจริงๆ เหมือนไม่รู้ว่าชีวิตที่เกิดขึ้นข้างหน้าจะเป็นอย่างไร
นับจากวันแรกที่ทำงานที่นี่เป็นระยะเวลา1 ปี กับ 3เดือน จดจำทุกคำพูดของพนักงานฝ่ายบุคคลที่ถามว่า....
"พี่แน่ใจนะคะว่าจะทำงานที่นี่ได้หนูไม่ได้ขู่นะแต่ที่นี่ไม่เหมือนที่ไหนจริงๆ"
เราตอบไปว่า"เราผ่านชีวิตการทำงานมาเยอะ เจ็บมาเยอะ ที่นี่คงจิ๊บๆไม่เหนือบ่ากว่าแรงเท่าไหร่หรอกนะ"
แต่แล้วเราก็ไปไม่รอดไม่สามารถจะดำรงอยู่ในชีวิตลูกจ้างได้ ไม่เหมาะกับการเป็นลูกน้อง เป็นนายคนทำงานไปมัวแต่มานั่งนอยด์กับการที่คิดว่าคนนั้นเป็นอย่างนั้น คนนี้เป็นอย่างนั้น
จะว่าไป...เราคงห่างหายจากการปฏิบัติธรรมด้วยมั้งถึงได้เป็นตนไม่มีสติ มัวแต่ยึดมั่น ถือมั่นอย่อย่างนี้
วันนี้มีเอเยนต์โทรมาเสนองานอีกแล้วเราตอบตกลง ลองดูว่าจะได้งานหรือไม่ บอกกับตัวเองได้อย่างนึงว่าจะขอทำงานในที่ๆไม่ทำร้ายจิตใจและร่างกายตัวเองอีกแล้ว ไม่ต้องฝืน อยู่กับความสุขของตัวเองให้มากที่สุด
หลังจากนี้ประมาณช่วงต้นเดือนพฤศจิกายนวางแผนจะไปปฏิบัติธรรมหรือไม่ก็ไปพักผ่อนดูทำเลเรื่องธุรกิจที่ใดสักแห่งอาจไปเชียงใหม่อีกครั้ง ลองไปอยู่คนเดียวสัก 1 หนึ่งอาทิตย์ งานนี้อาจจะลองลุยเดี่ยวเป็นการอยู่กับตัวเองสักพักหนึ่ง เราอาจจะได้มีเวลาได้พิจารณาเรื่องราวต่างๆที่ผ่านมาอยู่กับตัวเอง ถามตัวเองว่าจะทำอย่างไรต่อไป
ช่วงวันหยุดปิยะมหาราชที่ผ่านมาแวะไปดูทำเลร้านกาแฟแถวๆบางใหญ่ ที่ๆมีแหล่งตลาดต้นไม้มากมาย ดูๆแล้ว มันคงเสี่ยงเกินไปทำเลไม่น่าเหมาะกับการลงทุน กลุ่มลูกค้าคงไม่มานั่งกินกาแฟหรือสินค้าอย่างอื่นที่เราจะวางขาย
ใจนึกคิดถึง Home stay ตลอดเวลาแต่ลองแบมือดูเงินที่มีอยู่ในมือ ไม่หาญกล้าที่จะทำอะไรจริงๆ
อีกใจหนึ่งคิดถึงการทำธุรกิจE-commerceไม่ต้องมีหน้าร้าน ลงทุนก็ต่ำ ณ Moment นี้เราจะต้องระมัดระวังให้มากที่สุดในเรื่องการใช้เงิน
...จะ...อย่างไรดี...กับชีวิตนี้....