เด็กโรงปูน
เคยไหมที่เรามีเพื่อนเก่า แล้วยากนักในชีวิตของคนเราไม่มีโอกาสได้พบกันเลย แต่บางครั้งกลับเหมือนมีบางสิ่งชักนำให้ใครคนนั้นมาพบกันได้อยู่บ่อยๆ และเช่นเดิมไม่รู้ว่าโชคชะตาอะไรทำให้ต้องมาพบกับคนแคมป์ด้วยกันและแนะนำงานให้ฉันในวันหนึ่ง วันนั้นฉันเดินเรื่อยเปื่อยไปที่ห้างสรรพสินค้าเช่นเคยอ้าว พี่จุ๋ม (หลังจากนี้อีกหลายปีเราพบกันปีปัจจุบัน 2553) พี่จุ๋มมีลูกโตเกือบสิบขวบสองคน นัยว่าต้องรีบแต่งกับรถไฟกระบวนสุดท้าย เพราะอายุมากขึ้นกลัวมีลูกไม่ทันได้ดูความสำเร็จของลูกจนจบปริญญาตรีมีงานเป็นฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์ Sales Coordinator ที่โรงงานสัญชาติฝรั่งเศสอยู่แถวๆชลบุรี สนมั๊ย เธอจำเพื่อนๆของเราได้มั๊ย เห็นไปทำงานที่นี่กันสองสามคนฉันสนใจงานนี้ ตำแหน่งคุ้นเคย ได้ใช้ภาษาอังกฤษเหมือนเดิม อย่างน้อยครั้งหนึ่งฉันเคยไปใช้ชีวิตที่นี่มาก่อน (ก็เป็นที่เดียวกับที่แคมป์นี่แหละ) ฉันตอบตกลงและรอให้ฝ่ายบุคคลติดต่อมา แล้ววันนั้นก็มาถึงวันที่เขาโทรมาให้ไปสัมภาษณ์ครั้งแรก เป็นเรื่องที่น่าตลก แม่และพี่สาวขอนั่งรถไปเป็นเพื่อนด้วย เหมือนอยากนั่งรถเล่นและช่วยตัดสินใจว่าฉันควรไปทำงานและใช้ชีวิตที่นั่นหรือไม่ขณะขับรถกลับจากการสัมภาษณ์แม่ถามขึ้นมาลอยๆ บริษัทนี้มีโต๊ะทำงาน มีอุปกรณ์ทำงานมั๊ยลูก ฮิฮิ ฉันยังคงจำคำถามนั้นได้แม่น ตัวฉันเองยังนึกหวั่นๆเหมือนกันก่อนวันเริ่มงานฉันจัดเสื้อผ้าใส่กระเป๋าใบเดียวกะว่าค่อยหาสิ่งของใช้จำเป็นเพิ่มเติมภายในวันหลัง พอเอาเข้าจริงๆ ในห้องพักที่บริษัทจัดหาให้ก็มีเพียงเสื้อผ้าและหนังสือ เพลง เท่านั้นที่เป็นสิ่งจำเป็น ทางบริษัทได้จัดเตรียมบ้านเช่าและเฟอร์นิเจอร์ โต๊ะ ตู้ เตียงนอนไว้ให้ นอกนั้นเรามักจะหาอาหารเย็นโดยผูกท้องไว้กับร้านค้าที่อำเภอนั้นเองเช้าวันเริ่มงานวันแรก ฉันขับรถยนต์ออกจากอำเภอเมืองเล็กๆ ของจังหวัดชลบุรี ใช้เวลาจากบ้านไปที่โรงงานประมาณครึ่งชั่วโมง สองข้างทางเป็นสวน ต้นไม้ ไร่นา ไม่ต่างจากเมื่อครั้งที่ทำงานที่แคมป์ โรงงานตั้งอยู่โดดเดี่ยวไม่ได้อยู่ในนิคมอุตสาหกรรมเหมือนโรงงานอื่นๆ มาบตาพุด นวนคร หรือบางปู มีพนักงานในโรงงานรวมแล้วประมาณเพียงแค่หนี่งร้อยคน เราพี่งพาใช้เครื่องมือและเครื่องจักรที่ควบคุมโดยคอมพิวเตอร์เป็นส่วนใหญ่ เพียงแค่กดปุ่มควบคุมและคอยตรวจสอบให้เครื่องจักรนั้นทำงานเท่านั้นเองฉันจอดรถไว้ในโรงรถ ขณะเดินออกมาเห็นรถของพนักงานคนหนึ่งมีกล่องขนมกูลิโกะป๊อกกี้ อดยิ้มนึกกับตัวเองว่า...โรงงานไม่ได้กันดารขนาดนั้นนี่หว่า...ถึงได้เข้าใจว่าส่วนใหญ่คนออฟฟิสเป็นคนคนกรุงเทพทำงานเหมือนกัน อาคารสำนักงานได้รับการดัดแปลงมาจาก บ้าน ที่เคยเป็นอาคารขนาดใหญ่สามชั้น ชั้นสามที่เคยเป็นห้องนอนใหญ่หันหน้าออกสู่ถนนใหญ่หน้าโรงงานเป็นห้องของกรรมการผู้จัดการ ห้องโถงใหญ่อีกห้องถัดมาเป็นส่วนของฝ่ายขาย และเป็นห้องของผู้จัดการฝ่ายบุคคล ชั้นสองเป็นส่วนของฝ่ายบัญชี และห้องประชุม ชั้นล่างเป็นฝ่ายจัดส่ง Logistic ฝ่ายเทคนิค ด้านหลังอาคารเป็นส่วนของฝ่ายผลิต สโตร ที่เก็บสินค้า และที่สำคัญที่นี่เป็นโรงงานปูนจึงมีวัตถุดิบ กองไว้หลังบริเวณโรงงาน แน่นอนฝุ่นจะมีอยู่ไปแทบทุกพื้นที่ ไม่เว้นแม่แต่ชั้นบนของสำนักงาน บริเวณรอบๆโรงงานจะปลูกต้นสนขึ้นเรียงราย มองเห็นวิวท้องฟ้า ปุยเมฆขาว สนามหญ้าหน้าโรงงานต้นไม้เขียวขจี เป็นบรรยากาศของการทำงานในออฟฟิสที่แตกต่างจากสังคมเมืองอย่างสิ้นเชิง นานทีเมื่อหยุดพักจากการทำงาน ละสายตาจากคอมพิวเตอร์ก็หันไปมองวิวนอนหน้าต่างสวยดี