|
| 1 |
2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 |
9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 |
16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 |
23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 |
30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
ไม่ทันครบ 9 เดือนเต็ม ผ่าด่วนอีกแล้ว
15 ส.ค. เป็นต้นมา ทรมาณกับอาการท้องผูกมาก จนต้องใช้ยูนิซันช่วยระบาย 20 ส.ค. เอ...ภาวะครรภ์เป็นพิษท่าจะมาเยือน งานก็ยังเคลียร์ไม่เสร็จ ปวดศีรษะจนนอนไม่หลับ ลูกก็ดิ้นถีบปูดจนคลำรอยนูนแข็งได้ชัด ลูกสาวชักห่างเหินไปนอนกับพ่อซะแล้ว 29 ส.ค. ไปตรวจครรภ์ตามนัด น้ำหนัก 109 กก. ความดันปกติ โปรตีนไม่รั่ว น้ำตาลไม่ขึ้น เด็กหนัก 2.7 ก.ก. แล้ว หมอบอกว่า 37 วีคก็ผ่าได้แล้ว แต่เกริ่นๆ วันนัดกับหมอไว้ว่า ประมาณ 20 ก.ย. ขึ้นไปดีกว่า เราเลือกวัน ส่วนหมอขอเลือกเวลาเอง พอบอกหมอเรื่องท้องแข็งทั้งวัน ชั่วโมงละ 4-5 ครั้ง หมอบอกให้นอนพักผ่อนเยอะๆ และจะให้ยาทานคลายมดลูก แต่เราไม่เอาดีกว่า ขอยาแก้ท้องผูกแทน แอบดูในจออัลตร้าซาวนด์คำนวนว่าอายุครรภ์เท่ากับ 37 วีคเศษ แต่หมอบอกว่าประมาณ 35+1 วัน 11 ก.ย. ไปหาหมอก่อนวันนัด 1 วัน เพราะอาการปวดเหมือนประจำเดือนมา ปวดบั้นเอว ปวดหน่วงๆ เวลาลุกนั่งลุกนอน ในจออัลตร้าซาวน์บอกว่าอายุครรภ์ 40 วีค แต่หมอบอกว่า 36 วีคเศษ วัดความดัน 150/100 ปริ่มๆ โชคดีที่ไม่พบโปรตีนรั่วในปัสสาวะ เด็ก 2800 กรัมเศษ หมอให้เลือกวันผ่าสัปดาห์หน้าเร็วกว่ากำหนดอาทิตย์หนึ่งเพราะ 37 วีคเด็กปลอดภัยแล้วเพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนคือครรภ์เป็นพิษเหมือนท้องแรกนั่นเอง ผ่าท้องครั้งนี้กลัวเจ็บมากกว่าเดิม
ผ่าคลอดฉุกเฉิน ***ท้องแรก*** อังคาร 24 ส.ค. 2547 วันเกิดว่าที่คุณพ่อ
พุธ 25 ส.ค. 2547 ตรวจครรภ์ตามนัด อายุครรภ์ 38 สัปดาห์ ปัญหาครรภ์เป็นพิษ พบไข่ขาวจากปัสสาวะ น้ำหนัก 106 กก. ความดันสูง 160/110 ไม่อยากผ่าเร็วอย่างนี้เลยให้พ่อแยกไปฝากงานและเตรียมกระเป๋า แม่โทรลางาน โทรไปบอกครอบครัว เพื่อนสนิท นั่งรถโดยสารไปแอดมิดล่วงหน้าก่อน รถชนท้ายรถอีกคัน พยาบาลเจาะหลังมือให้น้ำเกลือ บวชชีทำความสะอาดส่วนล่าง และใส่สายสวนปัสสาวะ หมอวิสัญญีมาคุย ก่อนเข้าห้องผ่าคลอดเห็นหน้าพ่อกังวลแว่บๆ เวลา 15.15 น. หมอได้ผ่าคลอดเด็กหญิงตัวแดงแป๊ด แก้มยุ้ย จมูกหัก ผมแดงแป๊ด น้ำหนัก 3,700 กรัม หมอสั่งให้ x-ray ท้องแม่เพราะเครื่องมือผ่าตัดหายไปชิ้นหนึ่ง อาการแม่สุดทรมานจากการไอไม่ออก เพราะฤทธิ์ยาสลบ เบลอสุดขีด ปวดชามือจนพยาบาลหาถุงน้ำร้อนมาประคบ มีไข้สูง ส่วนลูกต้องเข้าตู้อบปรับอุณหภูมิ พ่อเข็นคลิปลูกสาวมาให้ดู รู้สึกแปลกๆ ยายมาคอยเช็ดตัว ลดไข้ให้ ยายบอกว่าแม่นอนละเมอปวดแผลด้วย พยายามขยับตัวเคลื่อนไหวเพราะมีญาติบอกว่าเดี๋ยวเป็นพังผืด พยายามให้ลูกดูดนมกระตุ้นก็ไม่สำเร็จ เราทั้งคู่นอนรพ.แค่ 3 วัน 2 คืน เพราะพ่อรีบไปช่วยงานแต่งงานเพื่อน ค่าใช้จ่าย 3 หมื่น 4 พันเศษ ส่วนต่างที่ต้องจ่ายเองประมาณ 4 พันเศษ ท้องนี้แม่ลากสังขารไปดูวิธีอาบน้ำเด็กแล้วมาถ่ายทอดต่อให้พ่อ.....ใครๆ ก็มักถามว่าทำไม๊ไม่เกิดวันเดียวกับพ่อไปเลย
5 ปี ถัดมา...แม่ศึกษาข้อมูลจากห้องชานเรือนตลอด ***ครรภ์ที่ 2/หรือครรภ์ที่ 3 (ถ้านับที่แท้งไปเมื่อ 2 ปีที่แล้ว)***
ศุกร์ 11 ก.ย. 2552 ตรวจครรภ์ น้ำหนัก 110 กก. ความดันปริ่มๆ 150/100 หมอให้หาวันผ่าสัปดาห์หน้า หากมีอาการบ่งชี้ครรภ์เป็นพิษ ให้หาหมอด่วน ไปทำเล็บ เลือกวันผ่าไว้ 3 วัน คือ อังคาร 15 พฤหัส 17 และเสาร์ 19 แต่จิตตกเรื่องท้องแข็งตลอด ซึ่งท้องแรกไม่เป็น นอนพักผ่อนดูทีวีเฉยๆ ก็ยังปวดศีรษะ ตาพร่า เป็นระยะ เสาร์ 12 ก.ย. 2552 โทรปรึกษาหมอเรื่องขอผ่าก่อน หมอไม่อยากผ่าก่อนครบ 37 สัปดาห์นัก เพราะเด็กอาจไม่สมบูรณ์ ต้องอยู่ตู้อบ เลือกผ่าที่รพ.เอกชนเพราะสำรองจ่ายและเบิกได้เกือบหมด ไม่ยุ่งยากหลายเรื่องเหมือนรพ.รัฐที่ใช้สวัสดิการได้หมด ยกเว้นใส่ซองค่าฝากพิเศษ หมอนัดผ่าคิวที่ 2 ตอน 10 โมงเช้า พ่อแม่ลูกเตรียมตัวกันตอนค่ำ และถึงรพ.ตอนดึก โชคไม่ดี เตียงไม่ว่าง ห้องเต็มหมด แม่นอนให้พยาบาลดูอาการที่ห้องรอคลอด พ่อกับลูกสาว 5 ขวบไปนอนบ้านญาติ หลังพ่อเซ็นยินยอมให้ทำหมัน พยาบาลซักประวัติ เจาะหลังมือให้น้ำเกลือ วัดความดัน วัดเสียงหัวใจเต้นของลูก ก็ขึ้นสูงๆ ต่ำๆ พยาบาลบอกแม่อย่าเครียด แต่แม่นอนไม่หลับ อากาศก็ร้อน อาบน้ำเปลี่ยนชุดก็แล้วก็ยังไม่หายเครียด เบื่อกับการลุกขึ้นฉี่บ่อย กังวลเรื่องโครโมโซมผิดปกติของลูกด้วย นอนดูเวลาจากมือถือเป็นระยะๆ
อาทิตย์ 13 ก.ย. 2552 พยาบาลเอาชุดใหม่มาให้อาบน้ำเปลี่ยนชุด โกนขนหน้าท้องและส่วนล่าง ทรมานกับสายสวนปัสสาวะอีกแล้ว 8.30 น.หมอวิสัญญีคนเดิมก็มาคุย แม่แจ้งเพิ่มเติมว่าแม่เพิ่งหายจากอาการหลอดลมอักเสบ หมอเลยเพิ่มยาบางตัวให้ 10 โมงเศษโทรบอกพ่อที่นั่งกินติมซำว่ามาได้แล้ว เขาจะเข็นแม่เข้า ห้องผ่าแล้วน่ะ บันทึกความทรงจำในห้องผ่าได้แป๊บเดียวหลับปุ๋ย จำได้แต่ว่าทีมผ่าตัดขอผ้าหนุนต้นคอนอนเปลือยแผ่หรามีผ้าคลุม มีผ้าโพกหัว โดนมัดแขนมัดเท้า มีการทายาฆ่าเชื้อเป็นวงกว้างบริเวณเหนือสะดือถึงส่วนล่าง รู้สึกตัวอีกทีตอนหมอวิสัญญีปลุกและยกเราขึ้นเปลเข็นไปห้องไอซียู หมอวิสัญญีเตือนให้สูดลมหายใจเข้าออกลึกๆ นาน 5 นาทีตลอดจะได้หายอึดอัด ความทรมานจากการหายใจไม่ออกน้อยกว่าท้องแรก เห็นพ่อลูกยืนดูแบบงงๆ พ่อยื่นภาพลูกจากกล้องมือถือให้ดู อุแม่เจ้า...ลูกสาวเราเหรอนี่ ออกมาผิดกับคนแรก ตัวขาวเหมือนหิมะ แก้มแดง จมูกโด่งเป็นสัน ตัวยาว ผมดกเชียว คนนี้เกิด 10.29 น. น้ำหนัก 3250 กรัม ยาว 53 ซม. คะแนนเด็กแรกเกิด 9 และ 10 ตามลำดับ แม่เจ็บแผลมาก....เปล่งเสียงแหบๆ ให้พ่อเรียกพยาบาลมาฉีดยาแก้ปวดหน่อย ไม่ไหวแล้ว สักพักก็ขอให้เขาเช็ดหน้าให้ เหงื่อแตกพลั่ก อยากจะอาเจียน แต่อาเจียนไม่ออก มีแต่น้ำลาย ได้แอดมิดห้องพิเศษแอร์ น้ำอุ่นเหมือนเดิม พยาบาลว่าคุณแม่ฟื้นตัว กระฉับกระเฉงไว (ทำไงได้ละ สูงอายุแล้ว ไม่มียายให้อ้อน สามีก็ยุ่งกับเรื่องพาคนโตไปโรงเรียน อยากให้นมลูกไวๆ) วันถัดไปก็ตอนบ่ายก็ได้ลุกเดินลุกนั่ง หมอสั่งถอดสายน้ำเกลือสายสวนปัสสาวะ ก็พยายามฉี่ ถ่ายให้ได้จำนวนเวลาที่พยาบาลกะไว้) ได้เล่นเน็ต คนนี้ได้พักฟื้น 4 วัน 3 คืน ค่าใช้จ่ายรวมค่าทำหมัน 4 หมื่น 8 พัน ส่วนต่างที่ต้องจ่ายเองประมาณ หมื่นห้า ไม่ชอบใจอยู่อย่างที่ลูกต้องดื่มนมผสม เอส-26 ที่เป็นการตลาดของรพ.เอกชน ถึงแม้แม่ไม่ต้องเหนื่อยในการเลี้ยงลูกเองก็เหอะ แม่ไม่ค่อยได้เลี้ยงลูกที่ห้องนานๆ เลย แป๊บๆ พยาบาลห้องเนิร์สก็มาเอาไปเลี้ยง ไปวัดไข้ ไป ฯลฯ เวลาเอาลูกมาไว้ที่ห้อง แรกๆ ก็ต้องปิดแอร์ หลังจากนั้นก็ค่อยๆ เพิ่มทีละนิดให้ลูกปรับตัว ท้องนี้แม่ลากพ่อไปดูการอาบน้ำเด็กด้วย
Create Date : 21 สิงหาคม 2552 |
|
3 comments |
Last Update : 28 กันยายน 2552 14:19:51 น. |
Counter : 1319 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: BlueFat 28 กันยายน 2552 14:21:33 น. |
|
|
|
|
|
|
|