Joel
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




หลักไม่มั่น ลมมาอุดมการณ์ก็พริ้วไหว
น้ำหลากอุดมการณ์ก็ลอยไป :)


MicroSight | PATHOLOGY AND LAB MANAGEMENT
MONI STAX PROJECT
My Space Gallery
My Multiply Gallery


New Comments
Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2550
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
28 พฤศจิกายน 2550
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add Joel's blog to your web]
Links
 

 

ภูกระดึง ใต้แสงจันทร์



ตั้งใจไว้แล้วว่าอยากไปภูกระดึงช่วงที่พระจันทร์เต็มดวง เปิดปฏิทินดูโอ้เหมาะๆ วันเสาร์ที่ 24 พฤศจิกายน 2550 การเดินชมจันทร์บนยอดภูจึงกำหนดขึ้น (ลืมดูว่าเป็นวันลอยกระทงด้วย)

วันพุธที่ 21 พฤศจิกายน 2550 ไปจองตั๋วกับแอร์เมืองเลย (ที่หมอชิต 2 ชั้น 3) เที่ยวสามทุ่มครึ่ง วันที่ 22 พฤศจิกายน 2550 ป1 จากกรุงเทพ ปลายทางผานกเค้า ราคา 385 บาท

วันที่ 22 พฤศจิกายน 2550 ตอนเที่ยงซักผ้า น้านนน จะใช้ตอนเย็นมาซักเอาตอนเที่ยง สุดท้ายแห้งไม่ทันต้องเอามาเป่าพัดลม เลยต้องออกจากบ้านหกโมงกว่า มีลุ้นอีกแล้ว โชคดีรถไม่ติดมาถึงหมอชิต 2 สองทุ่มนิดหน่อย เลยแวะกินข้าวกระเพราหมูไข่ดาวซะก่อน


เกือบๆ สามทุ่มเดินไปชานชาลา 27, 29 ยังไม่สามทุ่มดี รถก็มาจอดที่ชานชาลาที่ 29 ยกกระเป๋าไปไว้ใต้ท้องรถ จากนั้นขึ้นไปนั่งอย่างรู้งาน ได้นั่งริมหน้าต่าง ก็มีลุ้นอีกว่าใครจะมานั่งคู่ อย่าให้ตัวใหญ่เลย ระหว่างนั้นก็ดูอะไรไปเรื่อย แล้วคนที่นั่งคู่เราก็มา เป็นผู้หญิงตัวเล็ก มากัน 3 คนลงผานกเค้าเหมือนกัน

บรรยากาศภายในรถ


ได้เวลารถออก ซะพักปิดไฟผู้โดยสารนอนกันได้แระ (คราวนี้ไม่มีหนังเปิดให้ดู) หลับได้พักนึงห้าทุ่มยี่สิบนาที รถมาจอดที่โคราช แวะกินอาหารยี่สิบนาที คนอื่นกินข้าวต้มไข่เค็ม เรากินข้าวกระเพราหมูกับไข่พะโล้ รถออกจากโคราช ห้าทุ่มสี่สิบ



4.45 น. ก็มาถึงผานกเค้า ร้านเจ้กิม คนก็เดินไปจองตั๋วรถกลับกรุงเทพกัน แต่เรายังไม่แน่ใจ ใจนึงอาจจะอยู่บนภูกระดึง 3 คืน หรือลงมามาแล้วอาจไปเชียงคานต่อ เลยยังไม่ซื้อตั่วกลับกรุงเทพ



ระหว่างรอรถสองแถวซึ่งจะออกวิ่ง หกโมงเช้า จริงๆ คนขับก็มาแล้ว รอก็จอดรออยู่ คนก็พร้อมแล้ว แต่เจ้กิมยังไม่พร้อม ให้คนกินข้าว กะเดินซื้อของร้านเจ้กิมอีกหน่อยนะ ก็เลยเดินถ่ายรูปไปเรื่อย



รอจนตีห้าครึ่งได้มั้งรถสองแถวเริ่มออก คนก็เต็มรถแต่ดันเก็บค่าโดยสารสามสิบบาท ทั้งที่ก่อนรถออกช่วงว่างๆ เดินไปคุยกับคนขับ บอกว่าค่ารถคนละ ยี่สิบห้าบาท เอาสามสิบก็สามสิบ

นั่งรถแป็ปนึงก็มาถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติภูกระดึง ประมาณตีห้าห้าสิบ เจ้าหน้าที่ยังไม่มา ก็เดินไปร้านอาหารกินข้าวเช้าซะก่อน



บรรยากาศรอบๆ ระหว่างรอชั่งน้ำหนักกระเป๋า

















หกโมงครึ่งฟ้าเริ่มสว่าง ไปซื้อบัตรที่ใช้ติดกระเป๋าเพื่อจ้างลูกหาบ ใบละ 2 บาทมา 1 ใบ ชั่งเสร็จหนัก 8 กิโล โลละ 15 บาท ตุ๊ดๆๆๆๆ บวกลบแล้วร้อยยี่สิบ โอเค ไม่แพงมาก ไม่งั้นแบกไปขึ้นเอง

หน้าตากระเป๋า เอากระเป๋าใส่ไม้เทนนิสมาใช้เพราะหากระเป๋ายาวๆ ใส่เต็นท์ไม่ได้ มานึกดูถ้าบนภูกระดึงมีสนามเทนนิสคงจะดีจะไปอยู่ซะอาทิตย์นึงเลย



ชั่งน้ำหนักกระเป๋าเสร็จก็มาเข้าแถวรอจ่ายค่าบริการให้ความสะดวกต่างๆ ในอุทยานแห่งชาติ ผู้ใหญ่คืนละ 30 บาท อยู่สองคืน จ่ายไป 60 บาท (ถ้าอยู่ต่ออีกค่อยไปจ่ายข้างบนได้)





เจ้าหน้าที่อัธยาศัยดี พูดจาน่ารักมาก




เปลี่ยนชุดจากขายาวเป็นขาสั้น 7.23 น. เริ่มเดินมายังทางขึ้นถ่ายรูปซุ่มประตูเและแผนผังทางขึ้น เก็บค่าบริการให้ความสะดวกต่างๆ ในอุทยานแห่งชาติ 40 บาท (ในบัตรเขียนไว้แบบนี้)







แผนผัง 12 จุด สิ้นสุดที่ศูนย์บริการนักนักท่องเที่ยวบนภูกระดึง



อากาศเย็นสบายแดดอ่อนๆ มุมกล้องยังพอมีอยู่











8.08 น. ขึ้นมาถึง ซำแฮก เหนื่อยเมือนกัน แต่ไม่ได้รีบค่อยๆ เดินเลยยังไม่ออกอาการ







นั่งพัก ถ่ายรูปหลายนาที ก็ออกเดินต่อ

ยิ่งสูงก็ยิ่งต้องทำตัวเล็กลง เพราะถูกอุ้มชู มิใช่เหยียบย่ำผู้อื่นขึ้นไป ใหญ่โตมากไปก็พังลงมา ตอนขึ้นยังไม่ได้ร่วมสนุกต่อยอด



ลมเย็นพัดมาเป็นระยะๆ ให้ชื่นใจ









8.49 น. มาถึงซำกกกอก ไม่ได้แวะพัก



8.57 น. ขึ้นมาถึงซำกอซาง



ร้านค้าที่ซำกอซางไม่ได้แวะกินอะไร ไม่ได้กลัวอาหารไม่สะอาด แต่จะไวกะอะไรที่ไม่คุ้น ท้องเสียละซวยไม่ต้องไปต่อกันพอดี



ออกเดินทางต่อ เห็นน้องแล้วต้องถ่ายภาพเก็บไว้ มาคราวนี้เห็นน้องๆ มากันพอสมควร



9.10 น. ก็ขึ้นมาถึงพร่านพรานแป (เวลานี่เอามาจากรูปที่ถ่ายไว้นะ ไม่ได้จดเอง ไม่ขยันขนาดนั้น เป็นเหตุผลที่ต้องถ่ายรูปไปเรื่อยเพื่อเก็บเวลา อยากให้มี GPS ในกล้องเห็นแต่ของโซนี่แว็บๆ ห้อยอยู่ข้างนอก ตั้งเวลาให้ตรงกับกล้อง แล้วค่อยมาซิงค์ข้อมูลกับรูปกันอีกที)



เดินต่อไป















9.26 น. ขึ้นมาถึงซำกกหว้า



กำลังเดินอย่างเมามัน เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น น้องแนนโทรมา น่ารักจริงๆ น้องสาวเรา กำลังเหงาๆ บวกมึนๆ อยู่พอดี น้องแนนถามว่า ถึงซำไหนแล้ว ดูก้อนหินจนมึนบอกว่าถึงซำกกกอกแล้ว ขึ้นมาตอนกี่โมง แปดเก้าโมง เอาเข้าไป หวังว่าน้องแนนคงไม่งงนะ แต่พี่งงอ่า อยากให้มาด้วยจัง ขอบใจหลายเน้อ ทำให้หายเหงามีแรงเดินต่อขึ้นเยอะเลย







9.46 น.ถึงซำกกไผ่ ไม่มีอะไรทำ เดินต่อไป แต่รู้สึกชอบซำนี้ต้นไผ่สวยดี







10.07 น. มาถึงซำกกโดน





ร้านค้าบริเวณซำกกโดน



ถึงซำแคร่จุดพักสุดท้ายก่อนขึ้นหลังแป นั่งพักกินข้าวเหนียวใส้เผือกซะหน่อย 2 ชิ้น 10 บาท 10.59 น. ถ่ายรูปป้ายก่อนเดินขึ้นหลังแป



เดินตามหลังลูกหาบ จริงๆ คือรอดูทางที่เดินแล้วเดินตามเค้าไปมันจะสบายกว่า



มองย้อนลงไปก็เหนื่อย



แหงนมองขึ้นไปข้างบนก็ยิ่งเหนื่อย



ปล่อยให้ลูกหาบเดินไปสบายๆ ไม่ไปจี้ตูดกดดัน เดี๋ยวเกิดเครียดของหลุดมือลงมา ซวยยย






เที่ยงก็ขึ้นถึงหลังแป ยังไม่ได้ไปถ่ายป้ายผู้พิชิต คนรอเยอะ เดินหาวิวถ่ายรูปก่อน
แล้วก็มาเจอป้ายจักรยานให้เช่า ทีแรกก็อยากเดินไป แต่อดใจไม่ไหว เช่าจักรยานดีกว่าขี้เกียจเดินแล้ว



เดินตามลูกศรที่ชี้ไปก็เจอเต็นท์มีจักรยานให้เลือกเพียบ มีทั้งแบบมีเกียร์ กับออโต้ จากหลังแปไปศูนย์บริการนักท่องเที่ยววังกวาง มีเกียร์ 60 บาท ออโต้ 40 บาท

เลือกออโต้ เพราะขี้เกียจเข้าเกียร์ 55 ที่แท้คืองกเงิน 20 บาท
ให้ช่างเลือกามาคันแรก จะขึ้นลองขี่ยางแบนซะแล้ว กำ ดีนะถ้าไปแบนกลางทางเป็นภาระตูอีก

ดูสภาพรถซะก่อนสีแดงอีกแล้ว แต่จากทดลองระบบเบรคหน้าหลัง พึ่งไม่ได้ ถ้าเอาไปขี่ลงเขาที่ปาย คงได้ตกเขาตาย



พระอาทิตย์ตรงหัวพอดี แดดแรง แต่ก็มีลมเย็นๆ พัดมาเรื่อยๆ



13.15 น. ระหว่างทางไปศูนย์บริการนักท่องเที่ยว แวะขอพรพระพุทธเมตตาซะหน่อย พอเข้าไปกราบมีลมเย็นๆ พัดมา เสียงระฆังใบเล็กดังกรุ้งกิ้งๆๆ โมเมเอาว่าพระท่านรับรู้สิ่งที่เราขอไป ตีระฆังใบใหญ่ สองข้าง แล้วจูงจักรยานออกมา




ขี่ต่อไปจนถึงศุนย์บริการนักท่องเที่ยว แวะคืนจักรยาน แล้วเดินไปที่จุดรับกระเป๋า



รับกระเป๋าเสร็จจะหิ้วไปเลย ลืมจ่ายตังค์ ลูกหาบต้องเตือน 120 บาทครับ แฮะๆ ลืมมม



ก็เดินหาทำเลกางเต้นท์ มึนเลือกไม่ถูกอ่า ยากเหมือนนะเนี่ย หาของกินก่อนดีกว่า สั่งขาวกระเพราหมูชิ้นไข่เจียว ขอเป็ปซี่ขวดด้วยครับ สั่งเหมือนอยู่กรุงเทพเลย กินเสร็จเก็บตังค์ ข้าว 40 บาท เป็ปซี่กะน้ำแข็ง 30 บาท จ้ากปรับตัวไม่ทัน ตั้งสติอยู่แป็ปนึง เอ่อนี่บนภูกระดึงน้า เลยขอน้ำเปล่าอีก 1 ขวด 17 บาท มื้อนี้ 87 บาท จ่ายเงินเสร็จถามความเห็นป้าเรื่องทำเลกางเต้นท์ดีกว่า ป้าบอกว่ากางแถวๆ ร้านค้านี่ก้ได้ อย่าหันหัวไปทางทิศตะวันตกก็ใช้ได้ ดูจากเต้นท์ของศูนย์ที่กางไว้ให้บริการก็ได้ ถามต่อเรื่องที่ชาร์ตแบต ป้าบอกมาที่ร้านก็ได้หลัง 6 โมงเย็น ป้าใจดีจัง

เดินหาทำเลกางเต้นท์ จะกางแถวร้านค้าก็ไม่มีเต้นท์ใครกางเลย เหงาแย่เลย เดินตรงขึ้นไปอีกหน่อยใต้ต้นสนมีเงาร่มเย็นดี แต่ถ้าเกิดลมแรงกิ่งหักมาทับเต้นท์อนาถเลยที่นี้ ไม่เอาๆ ยอมตากแดดหน่อยดีกว่า มาเจอจุดที่เหมาะใกล้ๆ มีสี่เต้นท์กางอยู่หันหน้าเข้าหากัน อิงแอบอยู่แถวนี้ดีกว่า แต่เอะหันหน้าเข้าหาต้นไม้สูงใหญ่ เหมือนมีมีดฟันลงมา ฮวงจุ้ยไม่ดี ต้องแก้เคล็ดหันหน้าเต้นท์เอียงไปหน่อย โอเค ในที่สุดก็กางเต้นท์ได้ซะที

วิวด้านหลังเต้นท์



วิวทางด้านหน้าเต้นท์



ปูผ้าห่มรองพื้น ดึงหมอนออกจากกระเป๋ามาลองนอนหน่อย (เอามาเองเลย) ลองนอนไปลองมาตื่นมาอีกทีเกือบทุ่ม อากาศหนาวๆ เย็นๆ ใจนึงอยากนอนต่อ แต่ไม่เอาดีกว่า

อาบน้ำซะหน่อยจะได้หายหนาว น้ำเย็นสุดๆ แต่พออาบเสร็จเดินออกมาไม่คอยหนาวแล้ว เลยกลับไปที่เต้นท์เอาที่ชาร์ตกับแบตกล้อง โทรศัพท์ ปลั๊กพ่วงใส่ถุงเดินมาที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว เค้าให้ชาร์ตถึงห้าทุ่ม คนเดียวชาร์ตซะห้าอย่าง

กลับมาที่เต้นท์ตอนห้าทุ่มกว่า พระจันทร์เต็มดวงงามขนาด เอากล้องกะขาตั้งออกมาถ่ายซะหน่อย



เสร็จแล้วเข้านอน พรุ่งนี้ต้องตื่นตีห้าเดินไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ผานกแอ่น ก็หลับสบายดี แต่มาตื่นเพราะว่าเสียงเต้นท์กระพือพั้บๆๆๆๆ เพราะลมแรงแถมเสียงลมกระทบ

ใบไม้ยังกะเสียงฝนตก นอนลุ้นอยู่ว่าลมอย่าพัดแรงจนเต้นท์หลุดออกมา ไม่อยากลุกออกไปกางเต้นท์ใหม่ตอนนี้เลย แล้วก็หลับไป มาตื่นอีกทีเกือบตีห้าเปิดเต้นท์ออกไป

ดูเห็นคนเริ่มเดินไปศูนย์บริการกันแล้ว ก็เลยเตรียมกล้องขาตั้งเสร็จเดินตามเค้าไป ถึงผานกแอ่นเข้าไปถามเจ้าหน้าที่ที่มาตั้งโต๊ะขายกาแฟว่าพระอาทิตย์จะขึ้นตรงจุด

ไหน เจ้าหน้าที่ชี้ไปที่ต้นสน แล้วบอกว่าแนวนี้เลย โอ้เยี่ยม ขอบคุณมากๆ ครับ ทำให้ได้ภาพที่พระอาทิตย์ขึ้นที่ถูกใจมาก

พระอาทิตย์เริ่มขึ้นมานิดหน่อย ทิศทางใช่เลย แต่องค์ประกอบไม่ได้



ลองซูมเข้าซูมออกจนพระอาทิตย์แดงแป้ดกว่าจะได้ภาพนี้มา



มีความสุขมาก พระอาทิตย์ขึ้นวันนี้สวยมาก เดินกลับที่พัก ระหว่างทางก็จะเอากล้องที่คล้องคออยู่ออกมาถ่ายมาโครดอกไม้ แต่ไปพันกับสายหูฟังกับกล้องอีกตัว ทำไปทำมา กล้องหน้าทิ่มลงไปกับพื้นทรายดังตุ๊บ เหมือนไม่รุ่นแรง หงายขึ้นมาทรายติดทีร่องขอบเลนส์ พอปัดออก เปิดกล้อง เลนส์ร้องอือๆ ยืดออกมาครึ่งนึงแล้วก็ขึ้นข้อความ error ซวยแล้วตูเปิดกล้องใหม่อีกที ก็ยังอือๆ เลนส์ยืดมาครึ่งนึงอยู่ เลยเอามือช่วยจับดึงออกมา เออได้แล้ว พอลองปิดกล้อง เลนส์หดกลับไม่หมดต้องช่วยดันเข้าจึงหดกลับไปได้ ลองเปิดใหม่อีกทีคราวนี้โอเคทำงานได้แล้ว ลองปิดก็ปกติ ไม่เป็นไรดีแล้วถ่ายดอกไม้ต่อ





ก่อนเดินกลับที่พัก หันกลับไปถ่ายอีกซักรูป



ผ่านลานวัดพระแก้วแวะขอพรซะหน่อย



ระฆังใบเล็ก หลังๆ เริ่มมีตุ๊กตาไล่ฝนญี่ปุ่นมาแขวนร่วมด้วย อีกหน่อยจะมีตุ๊กตาโดราเอมอนมาแขวนอีกรึเปล่าเนี่ย



เดินกลับมาถึงที่พัก เห็นกวางอยู่ริบๆ ถ่ายภาพเก็บไว้หน่อย แล้วน้องผู้หญิงติดมาในภาพได้ยังไง ไม่เห้นน ไม่เห็นเลยนะเนี่ย




เดินเข้าใกล้ๆ เอ้ยมาดมอะไรที่เต้นท์ตูเนี่ย





เข้าไปใกล้อีกหน่อยเขาสวยนะเนี่ย มามะ ขอหั่นเอาไปทำยาหน่อย หันซ้ายหันขวา ปลอดคน เลยเอาขาตั้งกล้องทุบหัวลากเข้าเต้นท์ หั่นเขาไปข้างนึง รู้สึกตัวซะก่อน ใครเห็นกวางเขาเหลือข้างเดียว อีกข้างอยู่ที่ผม 555



ถึงที่พัก กลับไปที่เต้นท์เอาที่ชาร์ตไปชาร์ตแบตที่ศูนย์ฯ จนสิบโมงกว่าแบตยังไม่เต็ม เอจะชักสายแล้ว เลยต้องดึงปลั๊กออก เอาของไปเก็บที่เต้นท์ ไปอาบน้ำ เสร็จแล้วก็เตรียมกล้องขาตั้ง แล้วไปกินข้าวเช้า คราวนี้สั่งเส้นใหญ่ผัดซีอิ้ว แล้วสั่งข้าวผัดหมูอีก 1 ห่อไปกินตอนเที่ยง กินอาหารเช้าเรียบร้อยออกเดินทางเกือบๆ สิบเอ็ดโมง



สักพักก็ถึงน้ำตกวังกวาง



น้ำตกปีนี้ต่างไปจากปีที่แล้ว ชมน้ำตกเป็นชุดกันเลย จริงๆ แล้วจำชื่อไม่ได้











เริ่มเห็นใบเมเปิ้ลแดงนิดหน่อยแล้ว



ยังไม่ค่อยน่าลงไปเดินเล่นเท่าไร บรรยากาศออกน่ากลัวนิดหน่อย









ธารน้ำใสเย็นเจี๊ยบเลยถอดรองเท้าลงไปเดินชอบๆ



เดินต่อ มาหยุดกินข้าวเที่ยง ที่น้ำตกเพ็บพบ บรรยากาศสุดยอด



กินข้าวเสร็จ เดินค่อ ดอกไข่ดาว



บ่ายโมงแล้ว



เจอแล้วใบเมเปิ้ล



เดินต่อไปอีกนิด ใบเมเปิ้ลเต็มพื้นไปหมด มองหาใบเมเปิ้ลมุมสวยๆ ไม่ถูกใจซะที เจออยู่ใบนึงมาลอยนิ่งอยู่ใกล้ๆ ไม่ใบไหนเลย ขอถ่ายหน่อยเน้อ



ทางสายน้ำตกวันนี้ ชอบความรู้สึกตอนถ่ายภาพนี้ที่สุด น้องๆ ถ่ายรูปกันสนุกมีความสุขมากมาย แสงแดดอบอุ่น เราไม่มีส่วนร่วมได้แต่ถ่ายภาพกลับมา ไม่สวยเท่าบรรยากาศจริงๆ



ไม่อยากเดินจากมาเลย แต่ต้องไปอีกไกล มาดูน้ำตกต่อ



บ่ายโมงจะครึ่งแล้วขึ้นมาจากน้ำตก น้องแนนกะน้องกิ๊กโทรมาทักทาย กำลังเฉาๆ อยู่พอดี ดีใจนะหายเหงาเยอะเลย แต้งค์หลายๆ เน้อ

เดินชื่นชมต้นสนไปเรื่อยๆ มุมกล้องหายหมด เริ่มปวดหัวเพราะหมวกรัด ชักเอาร่มที่ซื้อจากปายขึ้นมากาง อย่างเท่ผ้าเปิดไปครึ่งนึง







จะบ่ายสามแล้วก็เดินมาถึงสระอโนดาต นั่งพักเลยเอาข้าวผัดขึ้นมากินต่อ จริงๆ ก็ไม่ค่อยหิว แต่ไม่รู้จะทำอะไรนอกจากกิน
มีต้นสนยืนมองเรากินไม่เหงาๆ เริ่มคุยกะต้นสน 555



สระอโนดาต บ่ายสามพอดี



15.40 น. เดินมาถึงนำตกถ่ำสอเหนือ น้ำตกไม่รู้อยู่ไหน ไม่ค่อยอยากดูแล้วเดี๋ยวไปไม่ทันพระอาทิตย์ตก

น้องๆ นั่งพักอยู่ที่ป้ายจะลุกให้ถ่าย พี่ถ่ายเสร็จแล้วครับไม่ต้องลุกนั่งต่อๆ



เดินต่อไป



หวานซะ ขอแอบถ่ายซะหน่อย ใจอยากจะไปขอถ่ายด้านหน้า แต่มึนหัวแดดแรงกางร่มแล้วนะเนี่ย ไม่ดีกว่า



16.30 น.ก็มาถึงผาหล่มสักอากาศเริ่มเย็น ใส่กางเกงขายาว เสื้อคลุม แล้วสั่งอาหารก่อนเลย ข้าวกระเพราหมูชิ้นไข่เจียว (ข้าวไข่เจียวเฉยๆ ก็ราคา 40 เหมือนกันนะ) เป็ปซี่ 1 ขวด



17.12 น. กินอิ่มแล้วถึงเดินมาริมผาถ่ายป้ายซะ 1 รูป



กางขาตั้ง หามุมกล้องถ่ายไปเรื่อยๆ แบตยังไม่เตือน



17.31 น. วันนี้พระอาทิตย์สวย กดแหลก



ย้ายมุมๆ





สวยงามถูกใจหันหลังกลับมา จันทร์เต็มดวงซะรูป



เก็บของเดินกลับที่พัก ระหว่างทางเจอน้องจากข่อนแก่นมากับเพื่อน ชอบถ่ายรูปเหมือนกัน เดินกลับคุยกันสนุกเลย

ถึงศูนย์สามทุ่มกว่าได้มั้ง อากาศอย่างเย็น เตรียมที่ชาร์ตไปชาร์ตที่ศูนย์ แต่ดันใส่ขาสั้นกับแขนสั้นไป นั่งเฝ้าปลั๊กง่วงก็ง่วงหนาวก็หนาว ห้าทุ่มไม่ไหวแล้วหนาวววว
เก็บของไปอาบน้ำ หนาวหนักกว่าเดิม เดินตัวสั่นกลับเต้นท์ ก่อนถึงเต้นท์แวะร้านค้าซื้อน้ำเปล่า 1 ขวด กลับถึงเต้นท์มีความสุขจริงๆ บ้านของเรา จัดของแล้วก็นอน รู้สึกสงบดีจัง ไม่น่ากลัวเหมือนเมื่อคืน หัวถึงหมอนแป็ปนึงก็หลับสบาย

แล้วก็เช้า วันนี้ไม่ต้องตื่นเช้ามากเพื่อไปดูพระอาทิตย์ขึ้น ตื่นประมาณแปดโมงกว่า ไปอาบน้ำ ครีมอาบน้ำหายไปหน่ายว้า สรุปคือเมื่อคืนทำตกที่พื้นห้องน้ำแล้วลืมเก็บ เช้านี้เลยอาบน้ำแบบไม่ต้องใช้สบู่ เสร็จแล้วกลับเต้นท์เอาที่ชาร์ตมาชาร์ตแบตต่ออีกซะหน่อย


ชาร์ตเสร็จกลับไปเก็บเต้นท์ แล้วกินข้าวเช้า ป้ากระเพราหมูชิ้นไข่เจียว เป็ปซี่ 1 ขวด ป้ายกน้ำชามาให้ 1 กา โอ้ถูกใจนัก น้ำชาสีเข็มหอมใช้ได้เลย
ป้าพูดจาอ่อนหวานจัง รู้สึกเลยว่าหลังๆ นี่เราพูดจาแข็งกระด้างกับคนอื่น ถึงไม่ก้าวร้าวแต่ก็อยากพูดให้อ่อนโยนเหมือนกับคนที่นี่จัง
กินข้าวเสร็จแบกเป้ หิ้วกระเป๋ามาที่จุดชั่งน้ำหนัก ซื้อบัตร 2 บาท ชั่งน้ำหนักกระเป๋า 9 กิโล มากกว่าตอนขึ้นมา 1 กิโล เพราะเอาขาตั้งกล้องใส่ในกระเป๋าไปด้วย

ชั่งน้ำหนักเสร็จ เดินถ่ายรูปอีกนิด

ภูมิใจเหลือเกิน นี่คือประเทศไทย



หน้าศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ห้าสาวน่ารักจากชลบุรีกำลังจะกลับเหมือนกัน มารู้ที่หลังว่าเป็นสมาชิกบลู พลาเน็ต รีวิวได้มันมาก คลิ๊กดูรีวิว



ถ่ายซะให้รอบ



เต้นท์ที่ทางศูนย์ฯ เตรียมไว้บริการนักท่องเที่ยว



อันนี้เป็นกระโจมยกพื้น



ต้นสนสามพันปี สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาสยามบรมราชกุมารี ทรงปลูกเมื่อวันที่ 19 ธันวามคม 2537



ต้นสนสามพันปี พระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าโสมสวลีพระวรราชาธินัดดามาตุ ทรงปลูกเมื่อวันที่ 19 ธันวามคม 2537



ต้นสนสามพันปี พระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา ทรงปลูกเมื่อวันที่ 19 ธันวามคม 2537



แล้วก็เดินมาเช่าจักรยาน ได้สีแดงอีกแล้ว



กลับทางผาหมากดูก ก่อนถึงผาหมากดูกแวะกราบลาพระพุทธเมตตา อีกครั้ง ระหว่างที่กราบมีลมพัดเสียงระฆังใบเล็กๆ ดังกรุ๊งกิ่งๆ อีกแล้ว ชื่นใจๆ

ถ่ายพรอตเทร็ตตัวเองซะหน่อย



วิวระหว่างทางไปผาหมากดูก



กำลังถ่ายรูปเพลินๆ เสียงตัวอะไรไม่รู้ขยับตัวในพงหญ้า ฟังเสียงแล้วขนาดน่าจะเท่าหมาได้ ตัวอะไรก็ไม่รู้ ไม่ถ่ายแล้วรูป ปั่นๆ อยู่ฝาปิดแบตดันเปิดออก เแบตหล่น ดีที่รู้สึกตัวหันไปมองเห็นตกอยู่พอดี ไม่งั้นเสียดายแย่ก้อนละพันกว่า รีบเก็บแล้วปั่นต่อ

ผาหมากดูกซะรูป



ถึงหลังแปแล้ว คืนรถเสร็จเดินมาถ่ายรูปป้ายซะหน่อย จะถ่ายป้ายเฉยๆ ก็ยังไงอยู่



เริ่มลงเวลา 12.43 น.













ลงมาถึงซำแคร่ 13.14 น.



ลงต่อไป ปวดขาๆ



มีคนขึ้นเขาสวนกันไปเป็นระยะ อันนี้เท่ซะ เมื่อก่อนคนนอนในห่อผ้าผูกกับไม้ไผ่สองคนหาม



วางหินต่อยอดซะก้อน ก่อนวางอธิษฐานไว้หากสมใจหวัง ให้วางได้ไม่ล้มลงมา



ตอนลงซำไหนก็ไม่รู้ไม่ค่อยดู





15.24 น. ก็ลงมาถึงทางเข้า กระเป๋ามารออยู่ก่อนแล้ว ลูกหาบคือป้า รู้สึกผิดนิดหน่อยที่ให้ผู้หญิงแบกของเราลงมา จ่ายตังค์แล้วฝากของกับเจ้าหน้าที่ไว้ก่อน ไปล้างหน้าแล้วมาขึ้นรถไปผานกเค้า

ระหว่างรอรถออก ลงไปถ่ายดอกไม้



รถที่รอคนมาขึ้นให้เต็มก่อน



รออยู่พักนึง คนขับเสนอว่าถ้าจ่ายเพิ่มจาก 25 เป็น 30 จะออกรถให้เลย บนรถมีอยู่ 5 คน มองหน้ากันตกลง นั่งกันสบายๆ ถ่ายรูปกันสนุกเลย กลับบ้านก่อนเน้อ แล้วจามาใหม่ภูกระดึง



ประมาณสี่โมงครึ่งมาถึงผานกเค้า ไปจองตั๋วที่ร้านเจ้กิม ได้ที่นั่งเบอร์ 3 เที่ยวทุ่มครึ่ง
นั่งดูฝานกเค้ากันให้เบื่อไปเลย





ปิดท้ายด้วยผานกเค้ายามเย็น



ขอบคุณที่แวะมาชมนะครับ




 

Create Date : 28 พฤศจิกายน 2550
10 comments
Last Update : 3 ธันวาคม 2550 7:39:00 น.
Counter : 2296 Pageviews.

 

รอดูต่อค่ะ

 

โดย: โย IP: 125.26.237.87 28 พฤศจิกายน 2550 9:59:17 น.  

 

สวัสดีครับคุณโย คาดว่าอาจต้องดูกันข้ามวันข้ามคืน 555

 

โดย: Joel 28 พฤศจิกายน 2550 11:39:53 น.  

 



แวะมาทักทายกันนิดนึงและขอตามมาเที่ยวภูกระดึงด้วยคนนะครับ
อยากไปนะ แต่กลัวสังขารไม่ไหว
ขอฟิตร่างกายก่อน

เมื่อคืนไปดูคอนเสิร์ต Jennifer Kim กับ โก้ Mr.Saxman มาครับ เลยเก็บภาพมาฝาก

Jennifer Kim โก้ Mr.Saxman

คลิกที่รูปเพื่อตามมาดู Concert ด้วยกันครับ


 

โดย: มิสเตอร์ฮอง 28 พฤศจิกายน 2550 12:20:07 น.  

 



เทศกาลขึ้นภูมาเยือนอีกแล้วเหรอ
ก็หนาวแล้วนี่ .. เดินเกาะกลุ่มยังกะไปช๊อปตลาดนัดสันภูงั้นแหละ

เดี๋ยวนี้เค๊าพัฒนาเป็นขั้นบันไดไต่ไปที่ชันๆแล้วเหรอคะ
ไปถึงคงก่อไฟผิงควันลอยคลุ้ง ทั่วลานกางเต้นท์แน่เลย
อิอิ .. ไม่รู้อันไหนหมอก อันไหนควัน

 

โดย: ดาวทะเล 28 พฤศจิกายน 2550 12:59:42 น.  

 

...........คิดถึงภูกระดึงจังเลย..........
เห็นบรรยากาศ แย้วอยากไปขึ้นอีกจัง

 

โดย: iamorange 28 พฤศจิกายน 2550 13:08:53 น.  

 

ยังไม่เคยไปเลย
ทางขึ้นไกลมากมั๊ยค่ะ
อยากไปบ้างจัง

ว่างๆ แวะไปเที่ยวองค์พระปฐมเจดีย์ที่ blog แอนนะค่ะ

 

โดย: annieake 28 พฤศจิกายน 2550 14:06:46 น.  

 

ตามไปเที่ยวด้วยคนนะครับ อ่านตั้งแต่ต้น เหมือนออกร่วมเดิมทางจาก กทม ไปพร้อมเลย น่าไปมากครับ ผมยังไม่เคยไปเลย วันนี้ขอเป็นลูกทัวร์ไปก่อนนะครับ

 

โดย: ซอร์บอนน์ (ซอร์บอนน์ ) 28 พฤศจิกายน 2550 16:41:12 น.  

 

ไปชวนถึงบ้าน ไม่มาได้ไงคะ?

เห็นภูกระดึงแล้วนึกถึงสมัยสาวๆ ไปพิชิตมาแล้วเหมือนกันแถมพิชิตก่อนอีกต่างหาก ไม่อยากจะคุย อิอิ
เห็นทางขึ้นดูหรูไฮโซขึ้นมากมายเลยน่ะค่ะ สมัยพี่ขึ้นมันรกๆเลอะๆได้บรรยากาศเข้าป่าเดินเขามากกว่านี้ แต่อย่างนึงที่มั่นใจว่าไม่เปลี่ยนเลยคือความแฮ่กก่อนที่จะพิชิตภูน่ะค่ะ

ตามไปดูตอนต่อไปน่ะค่ะ

 

โดย: มาเรีย ณ ไกลบ้าน 30 พฤศจิกายน 2550 0:10:35 น.  

 

ดูแล้วอยากไปจัง (แต่ขาดเงินเดินทาง) อิ อิ

รูปสวยใช้ได้เลยพี่โจ...สงสัยกินเ็นแต่ผัดกะเพรา 555

ขอบคุณนะค๊าบสำหรับรูปสวยๆ วันหลังแวะมาชมใหม่

 

โดย: n@N IP: 203.172.114.33 30 พฤศจิกายน 2550 19:57:56 น.  

 

ขอบคุณมากๆเลยครับ สำหรับเรื่องราวและรูปภาพแสนสวยของการเดินทางไปภูกระดึงของคุณโจ อ่านแล้วสนุกมากๆ ใช้คำได้น่าสนใจดี อ่านแล้วไม่น่าเบื่อแถมได้ดูภาพสวยๆประกอบด้วย เหมือนได้มีโอกาสย้อนกลับไปสู่ความสนุกแบบ โหด มัน ฮา กับเขาลูกนี้ที่ชื่อว่า "ภูกระดึง" คิดถึงมากครับสำหรับเขาลูกนี้ ผมเองเคยไปมาแล้ว14ครั้ง สนุกทุกครั้งเลยครับ ภาพต่างๆที่เห็นผมสามารถรู้สึกถึงได้จริงๆตั้งแต่เริ่มขึ้นรถทัวร์จนถึงภาพที่เรานั่งรถสองแถวกลับออกมาแล้วมองย้อนกลับไปเห็นเขายอดตัดที่ชื่อ"ภูกระดึง"มันเป็นความรู้สึกที่สุดจะบรรยายจริง และก็จะพูดกันตัวเองเสมอมาว่า จะกลับมาเยี่ยมเยียนอีกครั้งนะ..
ทุกวันนีภาระเยอะมากคงจะไม่มีโอกาสได้ไปอีกแล้ว.
แต่ก็ยังรัก"ภูกระดึง"เหมือนเดิม
ขอบคุณอีกครั้งครับสำหรับถ้อยคำบรรยายและภาพสวยๆเหล่านี้ ขอบคุณครับ

 

โดย: เล็ก IP: 222.123.224.151 27 กันยายน 2553 1:13:23 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.