ก้าวข้ามจากชีวิตลูกจ้าง เพื่อฝึกเป็นนักลงทุน
หลายคน ที่มีความสุขดีกับการใช้ชีวิตการเป็นลูกจ้าง จนเกษียณ ดำเนินชีวิตไปแบบราบเรียบไม่หวือหวา สิ้นเดือนรับเงินเดือนเป็นประจำทุกๆเดือน เงินเดือนขึ้นทุกๆปี มีความสุขตามอัตภาพ
ส่วนผู้เขียน จะมองว่า ใช้ชีวิตเรียบง่ายไป ไม่ท้าทายตนเอง เกิดมาเพียงหนึ่งชีวิต สูงสุดของเราจึงอยากจะรู้ ว่าความสามารถของตน จะบินสูงสุดได้ถึงไหน แต่สุดท้ายมาก็ต้องลงต่ำสู่ธุรีดินเช่นทุกคน สูงสุดสู่สามัญ ชีวิตนี้ก็อยากจะรู้เหมือนกันว่า เราจะพัฒนาตนเอง พัฒนาศักยภาพของเรา ไปไกลถึงที่สุดได้ถึงไหน เพราะบั้นปลายจะได้เล่าให้ลูกหลานฟังได้ว่า เราก็เคยไปมาแล้ว เป็นมาแล้ว ชีวิตจะได้มีสีสัน ไม่ราบเรียบเกินไป
ในเมื่อเราตัดสินใจแล้วว่าจะเดินชีวิตไปในสายธุรกิจ เราจึงต้องตัดสายความเรียบง่ายออกไป เลือกไว้แต่ด้านธุรกิจเท่านั้น หลายๆท่าน ไม่เข้าใจชีวิตจริงๆของตนเอง ปากบอกว่าพอแล้วใช่ชีวิตแค่นี้พอ เลิกงาน วันหยุด เข้าป่า เข้าสวน ทำชีวิตแบบสัมถะเช่นนี้ก็พอ ไม่ยึดติดอะไรมาก ไม่ต้องดิ้นรนอะไร แต่ แต่ครับ เช้ามาก็ต้องรีบตื่นเพื่อไปทำงาน ลงเวลา เซ็นต์ชื่อเข้าทำงาน ตกเย็นมาเลิกงาน ฝ่าชีวิตฝูงชน ฝูงรถติด กว่าจะถึงบ้านได้ก็มืดๆค่ำ ได้อยู่กับครอบครัว เสาร์อาทิตย์มา ถึงจะได้หยุด หรือบางท่านได้หยุดเพียงวันอาทิตย์ แล้วปากก็บอกว่าตนใช้ชีวิตสัมถะ ชีวิตแบบพอเพียง ในขณะที่ความเป็นจริงของชีวิต ต้องดิ้นรน ขวานขวายอยู่เช่นนั้น หากว่าพอเพียงจริง ผู้เขียนเลยแนะไปว่า ก็ไม่ต้องมาทำงานสิ
จริงๆแล้ว เราไม่ได้มีชีวิตแบบพอเพียง หรือสัมถะอะไรหรอก ตราบที่ยังคงยึดติดกับกระแสโลก วัฎจักรของเศรษฐกิจยุคปัจจุบัน ที่บีบบังคับให้ผู้คนต้อง ทำงาน ดิ้นรนหารายได้ ไว้เลี้ยงชีพตนและครอบครัวให้อยู่รอด หากพอเพียงจริง ก็ต้องปลีกตัวออกจากวัฎจักรกระแสของโลกทางนี้ให้สิ้น ลาออกจากงานไปเลย ไปใช้ชีวิตตามธรรมชาติ แล้วต้องอยู่ให้ได้ อันนี้นะครับ ถึงจะพูดได้ว่า ใช้ชีวิตแบบสัมถะ พอเพียงได้ หากยังดิ้นรน ใช้ชีวิตประจำวันในการหารายได้อยู่เช่นนี้ ก็ไม่ควรว่า สัมถะ พอเพียงละครับ มันต้องดิ้นรน หรือสู้ให้ถึงที่สุด
เมื่อหลีกหนี กระแสของโลกแบบนี้ไปไม่ได้ ชีวิตจึงต้องดิ้นรน และสู้ให้ถึงที่สุด แล้วต้องถูกทางด้วยนะครับ คือดิ้นรนเพื่อชีวิตของตนเอง สร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างธุรกิจให้ตนเอง ไม่ใช้ดิ้นรนเพื่อทำให้คนอื่น เหมือนชีวิตลูกจ้าง ทำเพื่อคนอื่นตลอดชีวิตการทำงานเป็นลูกจ้าง
ผู้เขียนพบเห็นพนักงานหลายคน เงินเดือนหรือค่าคอมก็ได้มาก แต่ยังคงพอใจอยู่เท่านั้น ที่จะเป็นเพียงชีวิตลูกจ้าง
ในแนวของผู้เขียน จะเสนอแนวของ การพยายามขยับตัวเอง ขึ้นมาเป็นนายทุนให้ได้ คือให้รู้จักการลงทุนจากชีวิตลูกจ้างที่ได้เงินเดือนในแต่ละเดือน ทำให้ตนเองสามารถมีเงิน มีเงินเป็นก้อน มีเงินไว้สำหรับลงทุนเองให้ได้
หลายคน คิดเพียงแต่ว่า เงินเดือนเท่านี้ ใช้จ่ายนั้น จ่ายนี้ ในแต่ละเดือน ก็ไม่พอใช้อยู่แล้ว จะมีโอกาสได้อย่างไรที่จะมีเงินก้อน ไว้เป็นนายทุนเองได้
มีครับ มีวิธี เพียงแต่เริ่มจากการคิดได้ แล้วศึกษาหาความรู้เพิ่ม เรียนรู้เพิ่ม ลงมือทำ และบริหารความเสียงให้ได้
ผู้เขียนรู้จัก ลูกจ้างของบริษัทนายหน้าอสังหาริมทรัพย์คนหนึ่ง เงินเดือน 15000 และค่าคอมจากการขายบ้านหรือหาบ้านเช่าได้อีกในแต่ละเดือน เขาจะรับเงิน มากกว่าสองหมื่น ทำงานมาหลายปี ผมจึงถามเขาว่า แล้วจะวิ่งงานอยู่อย่างนี้ไปอีกกี่ปี ที่จะตั้งตัวได้ เขาก็ตอบเหมือนคนทั่วๆไป ว่าลำพังเงินเดือนแต่ละเดือน จ่ายค่านั้นโน้นนี่ไปจนจะหมด แล้วจะเอาเงินไหนไปซื้อบ้านได้ละครับ
เมื่อเปรียบกับแนวชีวิตของผู้เขียน ที่สมัยนั้น เงินเดือนรวมโอทีทั้งเดือน ไม่ถึง 15000 แต่หาญกล้า กู้เงินแบงค์ซื้อบ้านหลังเล็กๆ ในราคา 1.3ล้านบาท ได้หนึ่งหลัง 5 ปีผ่านไป ผู้เขียนได้รีไฟแนนท์ เพื่อเอาเงินก้อนออกมา ได้ 500000บาท เพื่อนำไปลงทุนทำธุรกิจอื่นๆต่อมา การใช้ชีวิตก็เหมือนกันครับ เงินในแต่ละเดือน แบบเดือนชนเดือนเหมือนกัน จากรายได้เงินเดือนจำกัดที่ได้รับมา แต่ยังมีมุมที่สามารถมีเงินก้อนให้ได้ลงทุน ในวันหน้า แต่ ณ ปัจจุบัน 10ปีผ่านมา บ้านหลังนี้ ธนาคารประเมินให้ 2.5ล้านบาทไปแล้ว หากขายบ้านหลังนี้คงมีเงินก้อน มากกว่า 1 ล้านบาทได้
ในเช้าที่ราหูอมจันทร์ 9 มี.ค. 2559
นักเขียน อาร์ นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ทั่วไทย
Website : //www.thehome.co.th Facebook: //www.facebook.com/thehome.co.th ID Line : r_pache
Create Date : 10 มีนาคม 2559 |
Last Update : 12 มีนาคม 2559 7:50:43 น. |
|
1 comments
|
Counter : 1725 Pageviews. |
|
|