บันทึกความเสียว(หัดขับรถครั้งแรกในชีวิต)
กำลังจะมีรถขับเป็นของตัวเองแล้วครับ เย้ๆๆ ..... รอบนี้มาบ่นเฉยๆ ครับ อิอิ ไม่มีรูปง้า... ความจริงถ่ายทิ้งไว้นานแล้วล่ะครับ ... ถ้าว่างจะเอามาลงล่ะกานนนน .... เป็นรถคันแรกในชีวิต ที่หามาได้จากน้ำพักน้ำแรงของตัวเอง ไม่ได้ขอเงินพ่อแม่ แม้แต่บาทเดียวครับ เพราะยังไงพ่อกับแม่ไม่มีเงินให้ผมอยู่แล้ว 555+ ... จบปริญตรี ความฝันแรกที่ผมคิดคือฉันต้องมีรถขับให้ได้ เพราะอะไรหรอผมถึงคิดเช่นนั้น ... ถ้าย้อนกลับไปบ้านผมไม่ได้รวยเลยซักนิดเดียว แต่ไม่ถึงกับจน แบบไม่มีอันจะกิน ครอบครัวผมอยู่แบบพอเพียงมากๆ ถึงมากที่สุด จะไม่ให้พอเพียงได้ไงล่ะครับ ก็รายได้ส่วนใหญ่ 85% มาจากแม่ผมคนเดียว รายได้จากพ่อมีแค่ 15% เท่านั้นเอง เพราะอะไรผมไม่รู้ ผมไม่อยากถามแม่ ไม่อยากถามพ่อ เค้าส่งให้เรียนเราก็เรียนอย่างเดียว ... ชีวิตในวัยเรียนก็ใช่ว่าจะสบาย พอจบ ม.3 ผมสอบเข้า เรียนสายวิชาชีพในจังหวัดเชียงใหม่ พอสอบได้ก็ต้องกู้เงินเพื่อการศึกษาเรียน ลำพังแค่ แม่คนเดียวคงส่งผมไม่ไหวหรอก ไหนจะมีพี่อีก 2 คน ที่แม่ต้องคอยส่งอีก แต่พี่ทั้ง 2 คนก็ก็ต้องกู้เงินมาเรียนเหมือนกัน พี่สาวคนโตเรียนปริญตรีแล้วครับ พี่ชายเรียนสายอาชีพเหมือนกัน ตอนนนั้นอยู่ ปวส. ส่วนผมอยู่ ปวช.... พี่สาวเรียนจบปริญญาตรี ก็ทำงานแต่ไม่ได้ทำงานกับสายวิชาที่ตัวเองเรียนมา มันเป็นสายวิชาที่หางานทำยากมากๆ นะผมว่า ส่วนพี่ชายพอเรียนจบ ปวส. ก็มาสอบต่อที่กรุงเทพฯ เพื่อจะเรียนต่อในระดับปริญญาตรี แต่ความฝันของพี่ผมก็ต้องสะลายเพราะว่าสอบไม่ติดเลย สุดท้ายก็ต้องใช้วุฒิ ปวส. ไปสมัครงาน... ก็อย่างว่าแหล่ะครับ ถ้าได้เริ่มทำงานหาเงินแล้ว ก็ไม่มีใครคิดที่จะอยากกลับไปเรียนหรอกครับ ... ส่วนผมพอเรียนจบ ปวช. ก็สอบเรียนต่อ ปวส. ในทันที (เป็นสถาบันชื่อดังในจังหวัด) กว่าจะเรียนจบ หมดตังค์ไปหลายบาทเลยทีเดียวครับ นึกว่าตัวเองจะไปไม่รอดซะแล้ว สุดท้ายก็เรียนจบครับ พอเรียนจบพ่อถามทันที่ ว่าผมจะเอายังไงต่อ จะเรียนต่อไหม หรือว่าหางานทำ ผมตอบ "ผมขอเรียนต่อให้จบปริญญาตรีครับพ่อ"... แต่สายอาชีพที่ผมเรียนในเชียงใหม่หาเรียนได้ยากครับ เพราะเค้ายังไม่เปิดสอน และนั่นก็หมายความว่าผมต้องลงมาสอบเพื่อเรียนต่อที่กรุงเทพฯ ชีวิตผมนี่มันต้องดิ้นรนดีจริงๆ ต้องเจอแต่การแข่งขันตลอดกว่าจะไปถึงฝั่ง .. ไม่ได้เกิดมาบนกองทองมันลำบากแบบนี่แหล่ะครับผม เฮ้ออออ.... ... 555+ เล่ามาซะยาวนี่..ยังไม่ถึงเรื่องเรียนขับรถซะที สุดท้ายก็นี่ แหล่ะครับ ผมสอบติดที่กรุงเทพฯ จนเรียนจบ ก็ออกหางานทำเลยทันที แทบจะไม่หยุดการเคลื่อนไหวเลย เพราะหยุดเมื่อไหร่ ผมก็อดตายเมื่อนั้น... ... ตอนใช้ชีวิตในช่วงเรียนในกรุงเทพฯ ไม่อยากจะพูดถึงเลยครับ บอกได้คำเดียวว่ามันทรมานมากๆ ถึงมากที่สุด บางวันผมไม่มีเงินกินข้าวแม้แต่บาทเดียว เพราะโทรไปขอแม่นั้น กว่าแม่จะโอนเงินมาให้ ก็เผื่อไปอีก 1-2 วัน กว่าแม่จะโอนเงินมาให้ผมได้ ต้องยิบยืมเพื่อนๆ เสมอๆ 20 บาท มั้ง 100 บาท มั้ง แล้วแต่ว่าต้องใช้เงินเยอะแค่ไหน ... เวลาเห็นเพื่อนๆ ที่บ้านเค้ามีกะตังค์ นี่โห.... ได้แต่ มองตาละห้อย เห็นเค้ากินแต่ของดีๆ ก็ได้แต่กลื่นน้ำลายอ่ะครับ ส่วนเราอาหารตามสั่งก็ถือว่าหรูสุดๆ แล้ว วันไหนมีตังค์หน่อยก็ไปกินร้านอาหาร กับเพื่อนมั้ง(ร้านอาหารแบบอีสานริมทางน่ะครับ) หรือไม่ก็ไปกินหมูกระทะ หัวล่ะ 59 - 79 บาท ... ส่วนเหล้าเบียร์นี่ ส่วนใหญ่ผมจะมีตังค์ช่วยแชร์ให้เพื่อนได้แค่ 100-200 บาท นอกนั้นใครรวยก็ออกเยอะหน่อย อิอิ ... (ก็เค้าเต็มใจเลี้ยง นี่หน่า แหะๆ) ... ตั้งแต่เรียนจบมาผมทำงานได้ 3 ปี หน่อยๆ แล้วครับ ถือว่าสบายไหม ก็สบายขึ้นเยอะมากๆ ไม่ลำบากเหมือนตอนเรียนอีกแล้ว แต่ก็หยุดไม่ได้เหมือนกัน หยุดทำงานเมื่อไหร่ อดตายเมื่อนั้นเหมือนกัน เงินที่ได้มาก็ส่งให้พ่อกับแม่บ้าง แต่ไม่ถึงกับมากหรอกครับ ให้ได้ตามกำลังที่เรามี ส่วนพี่ชายเค้าก็โอเคดี มีรายได้ที่ค่อนข้างเยอะ รายนั้นซื้อรถกระบะอีผุผุ ขับไปนานแล้ว อิอิ ... ... หลายๆ คนอาจมองว่าผมหลุ่มหลงวัตถุนิยม หรือป่าว เค้ามีแต่ซื้อบ้านก่อนซื้อรถ ผมว่าไม่นะ ผมมีการคิดที่เป็นสะเตป ผมขอรถ แล้วค่อยไปเป็นบ้านดีกว่า ... เพราะว่าผมไม่ใช่คนกรุงเทพฯ ไม่มีบ้านอยู่ที่นี่ อนาคตจะเป็นยังไงก็ยังไม่รู้เลยว่าจะทำงานที่นี่ไปอีกกี่ปี ... ดังนั้นผมซื้อรถก่อนดีกว่า อย่างน้อยมันก็เป็นสมบัติของเราชิ้น 1 ล่ะ ไปไหนไปกัน ผ่อนหมด 5 ปี เมื่อไหร่ก็มาว่ากันอีกที ..............................................................................................มาเล่าเรื่องเรียนขับรถดีกว่าครับ 555+ ที่จ่ายเงินเรียนไป เรียนได้ 10 ชั่วโมง ครับ ค่าเรียน 3,000 บาท สำหรับเกียร์ธรรมดา เรียนวันล่ะ 2 ชั่วโมง ส่วนเกียร์ออโต้รู้สึกว่าจะ 4 พัน กว่าบาท แพงกว่าเรียร์ธรรมดามากๆ ทั้งๆ ที่การขับขี่ง่ายกว่าเกียร์ธรรมดาเยอะเลย ชั่วโมงแรกที่ได้เรียน ครูก็แนะนำอธิบายเกี่ยวกับเครื่องยนต์รถก่อน และรายละเอียดบ้างอย่างที่ควรรู้เกี่ยวกับรถ การใช้กระจกมองข้างหลัง และด้านข้างและแล้วก็ให้ลองขับจริงๆ เลย ผมล่ะงง... ตอนแรกคิดว่าครูจะพาไปเริ่มให้หัดขับในที่ลานโล่งๆ ไหงกลับพาออกถนนเลย หว่า... 5555 + อารมณ์แรกที่เสียวคือ เห็นรถสวนมามันจะมาชนเราไหมเนี้ย เครื่องจะดับป่าวหว่า ตัวนี้เกร่งไปหมดเลยครับ ครูก็คอยชวนจับพวงมาลัยไว้ให้ แล้วก็พาเข้าไปในหมู่บ้านหลังห้างเสรี ทีนี้ครูก็เริ่มสอนการออกตัว โดยเหยียบคลัชให้จมแล้วเข้าเกียร์ 1 ค่อยๆ ปล่อยคลัช รถจะค่อยๆ ไหลไปเอง แล้วก็เหยียบคันเร่งส่ง "ง้า......ทำไมมันช่าง งง?...สับสน ไปหมด อารมณ์แรกที่รู้สึก" ทั้งมือทั้งเท้าตาก็ก็ต้องมองข้างหน้า ขณะเปลี่ยนไปเกียร์อื่นก็ห้ามมองที่เกียร์ ผมคว้าผิด คว้าถูกประจำ พอจะเปลี่ยนเกียร์ไป 2 กลายเป็นเข้าเกียร์ 4 ซะงั้น นี่ยังไม่ได้เรียนถอยหลังเลยอ่ะครับ สงสัยจะยากน่าดู ครูก็สอนการเลี้ยวรถ การหักพวงมาลัยกลับมาให้ตรง ทั้งหมดที่เล่ามาสอนขณธ ที่ผมกำลังขับรถอยู่นั่นล่ะครับ ขับในถนนหมู่บ้านมีอยู่ช่วงเกือบขับชนมอเตอร์ไซค์ด้วยล่ะ ดีที่ไม่ชนเค้าเข้า ครูสอนการขับขึ้นสะพานด้วยครับ ยากเหมือนกัน เพราะเท้าเรายังไม่ไวพอ มีถอยหลังนิดหน่อย แต่เครื่องไม่ดับก็นึกออกแค่นี้ ครับ วันแรกสำหรับการเรียนขับรถ วันที่ 5 ธ.ค. เค้านัดไปเรียนเป็นชั่วโมงที่ 3,4 เหลืออีก 3-4 วันจะขับเป็นไหมเนี้ย ตู.... ได้รถตอนปีใหม่ครับ ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด ได้เมื่อไหร่จะถ่ายรูปมาให้ชม ล่ะกัน
ว่าแต่ว่า เพื่อนๆ หลายๆ คนบอกว่า "ไปเรียนขับรถๆๆ"
แต่ผมบอกตรงๆ นะ (ไม่ได้โม้นะ จริงๆ)
ผมไม่เคยหัดขับรถเลย
แต่ว่าครั้งแรกที่เสียวของผมนั่นเป็นเพราะ ไปเก็บตังค์ที่ลูกค้ากับพ่อผม
แล้วพ่อผมก็ดันไปกินเหล้ากับลูกค้าเมามายซะขนาดขับรถไม่ได้เลยหล่ะ
ภาระความเสียว จึงตกมาเป็นของผม ผมก็จัดการกับความเสียวนั่นเลย เหอๆ
จากความเสียวในค่ำคืนนั้นเป็นต้นมา
ผมก็เสียวด้วยตัวเองมาตลอดเลยหล่ะ นายห้องน้ำ
ว่าแต่ว่า ชีวิตนายเนี๊ยะ น่าสนใจดีนะ