|
|
 |
| | 1 |
| 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 |
| 9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 |
| 16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 |
| 23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 |
| 30 | 31 | |
|
|
 |
20 สิงหาคม 2552
|
|
|
|
|
ถึงผู้ชื่นชอบหูฟังทุกท่าน ดูแลหูของท่านด้วยนะครับ ด้วยความห่วงใย
เรื่องในวันนี้ เป็นสิ่งที่อยากเขียนมานาน เพราะประสบกับตัวเอง และพอได้เจอเพื่อนๆ เป็นเหมือนกันก็แนะนำ แล้วคิดว่าน่าจะเขียนลงกระทู้จะได้เป็นประโยชน์แก่คนอื่นๆ ด้วย
ถ้าจะให้ทุกท่านบอกว่าหูฟัง หรือเครื่องเล่นตัวไหนมีราคาแพงที่สุด คงจะเถียงกันไม่จบ แต่ถ้าจะบอกว่าอะไรมีค่ามากกว่าระหว่างหูของเราเอง กับหูฟังหรือเครื่องเล่น ทุกคนคงพูดเป็นเสียงเดียวกัน "ก็หูของเราน่ะสิ"
จากประการณ์ตรงและได้พบกับหลายๆ ท่าน ได้รู้ว่าผู้ที่ใช้หูฟังส่วนใหญ่ฟังเพลงดังกว่าปกติโดยแต่ละท่านนั้นจะไม่รู้ตัว (รวมทั้งผมด้วย) ซึ่งเป็นการทำร้ายหูของตัวเอง (ซึ่งมีค่ามากกว่าสิ่งใดทั้งหมด) อย่างมาก
หูของเรานั้นนอกจากใบหู หูชั้นนอก หูชั้นใน เยื่อแก้วหู กระดูกรูปต่างๆ แล้ว ยังมีส่วนในสุดที่เอาไว้รับเสียง โดยเป็นขนเล็กๆ มีเป็นล้านๆ เลย โดยเจ้าเส้นขนเล็กๆ เหล่านี้จะไม่มีการสร้างขึ้นมาอีก หมายความว่าถ้าตายแล้วก็ตายเลย โดยส่วนใหญ่จะเสื่อมสภาพตามอายุ (คนแก่หูตึงก็เพราะเจ้าขนเล็กๆ นี่ตายไปเยอะแล้วนั่นเอง) แต่ก็มีการเร่งให้เจ้าขนเหล่านี้เสื่อมเร็วขึ้นก็คือ "เสียงดังจากการฟังเพลงนั่นเอง"
เนื่องจากหูฟังมีลักษณะปิด (คือได้ยินเสียงอยู่คนเดียว) โดยที่คนอื่นๆ ไม่ได้ยินด้วย จึงทำให้เปิดดังเท่าไรก็ได้ (ไม่มีใครว่า ถ้าลองเปิดลำโพงด้วยความดังเดียวกัน คงต้องมีคนบ่นแน่) ทำให้หลายๆ ท่าน (รวมทั้งผมเอง) ฟังกันค่อนข้างดัง (เพราะจะได้ความมัน + รายละเอียดที่มากขึ้น) และพอเราฟังดังในระดับหนึ่งหูจะเริ่มชิน ก็ต้องเปิดดังขึ้นไปอีก (เหมือนกินยาแล้วมันดื้อยา ต้องเพิ่มปริมาณยา) สิ่งนี้จะทำให้ขนรับเสียงเริ่มตายลงไปเรื่อยๆ
ผมมารู้สึกตัวก็ตอนที่ให้น้องสาว ซึ่งไม่ชอบฟังหูฟังเลยเขามาขอลองฟังดู โดยเปิดระดับความดังที่ผมฟังประจำ เขาต้องรีบปรับโวลุ่มลง แล้วบอกว่าทำไมฟังดังจัง เขาต้องปรับลงมาตั้งหลายแกรก พอส่งให้ผมฟัง ผมได้ยินเสียงเบาๆ เท่านั้นเอง ผมถามเขาว่าฟังได้ยินหรือเขาก็บอกว่า "ฟังชัดดีจะตาย"
แล้วอีกเหตุการณ์คือ เวลามีคนเรียกมักไม่ค่อยได้ยิน จนเขาต้องเดินมาหาแล้วบอกว่า เรียกไม่ได้ยินเหรอ เราก็งง เรียกตอนไหนว่ะ และบางครั้งก็มีหูแว่วว่ามีคนเรียก เดินไปหาเขา เขาก็บอกไม่ได้เรียก (เขาก็ว่า ทีเวลาเรียกไม่มา ทีเวลาไม่เรียกมาซะงั้น 555)
ถ้าท่านเริ่มมีอาการอย่างผม อย่างนิ่งนอนใจ รีบแก้ไขเสียแต่วันนี้ แล้วหูของท่านจะได้อยู่กับท่านไปอีกนานๆ การทดสอบว่าท่านฟังดังแค่ไหน หรือดังกว่าคนอื่นๆ มากหรือไม่ ทดสอบง่ายๆ ครับ เอาเครื่องและหูฟังที่ท่านฟังทุกวัน ไปให้คนที่เขาไม่ค่อยหรือไม่เคยฟังหูฟังเลยลองฟังดู และให้เขาปรับระดับความดังดู ถ้าเครื่องของท่านมีค่า Volume ด้วยยิ่งดี เช่นผมฟังดังระดับ 13 น้องผมฟัง 8 ผมฟังดังกว่าน้อง 5 แต่ในตอนแรกผมฟังที่ 8 ไม่ค่อยจะได้ยินเลย เลยต้องลดระดับของตัวเองลงเหลือ 10 - 11 พอฟังได้ยินแต่ไม่ดังมาก ก็ฝืนใจตัวเองฟังไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็เริ่มดีเอง (ตอนแรกหูจะยังไม่ชิน)
แต่สุดท้ายผมก็ฟังที่ 8 ไม่ได้ (คิดว่าฟังมานานทำให้หูเริ่มเสื่อมแล้ว) แต่ก็ยังดีที่ฟังที่ 10 - 11 ซึ่งมากกว่าน้องไม่มาก (ห่างแค่ 2) ซึ่งมีเพื่อนๆ บางท่าน ฟังถึง 18 หรือ 20+ เลยก็มี
และการฟังไม่ดังมากก็ทำให้หูฟังอยู่กับเรานานขึ้นด้วย ผมมีเพื่อนที่ฟังดังมาก (20+) เขาใช้หูฟังรุ่นเดียวกับผม ฟังไป 3 เดือน Driver ขาด (เสียงดังแกร่กๆ) ไอ้เราฟังมา 2 ปียังไม่ขาดเลย และแถมยังประหยัดไฟ ทำให้ฟังได้นานขึ้นอีกต่างหาก (ยิงปืนนัดเดียวได้นก 3 ตัว 555)
การฟังหูฟังจะต้องมีการพักหูบ้าง ไม่ใช่ฟังต่อเนื่องกันหลายๆ ชั่วโมง ซึ่งจะทำให้หูล้า (มีการวิจัยว่าฟังดังประมาณ 5 นาที ทำลายหูน้อยกว่า ฟังไม่ดังมาก แต่ฟังนานหลายชั่วโมง) ยังไงก็เอาใจใส่อุปกรณ์ที่มีค่าที่สุดของท่านด้วยนะครับ ด้วยความปรารถนาดีจาก sumat_kee แล้วพบกันใหม่ครับ
| Create Date : 20 สิงหาคม 2552 |
| Last Update : 20 สิงหาคม 2552 23:00:43 น. |
|
2 comments
|
| Counter : 702 Pageviews. |
|
 |
|
|
|
|
|
|
sumat_kee |
|
|
|
|
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [
