ทึ่งข้าวไม่ต้องหุงแช่น้ำทิ้งไว้ 45 นาทีกินได้เลย-กว่าจะเป็น 'ข้าวไม่ต้องหุง' ความสำเร็จงานวิจัย

นักวิจัยศูนย์ข้าวไทยคิดค้นสำเร็จรายแรก

นักวิชาการศูนย์วิจัยข้าวไทยเจ๋งคิดค้น"ข้าวไม่ต้องหุง"สำเร็จเป็นรายแรกของประเทศเผยเพียงแค่นำไปแช่น้ำเปล่าเพียง 45 นาทีก็สามารถนำมารับประทาน ระบุเหมาะสำหรับนักเดินทาง และผู้ประสบ ภัย เตรียมต่อยอดลดขั้นตอนให้น้อยลง

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 1 ก.ค. นายสกุล มูลคำ นักวิชาการชำนาญการศูนย์วิจัยข้าวเชียงใหม่ ตั้งอยู่หมู่ 3 ต.มะขามหลวง อ.สันป่าตอง จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นผู้วิจัยและค้นพบข้าวสารไม่ต้องหุงแต่สามารถนำไปรับประทานได้เลย เปิดเผยว่า ก่อน หน้านี้ศูนย์วิจัยข้าวกลางของรัฐบาลอินเดียสร้างความฮือฮาให้วงการข้าวทั่วโลก ในช่วงต้นปี 53 ด้วยการพัฒนาพันธุ์ข้าวที่มีคุณ สมบัติพิเศษ ที่นำมารับประทานได้เลยโดยไม่ต้องหุงให้เปลืองไฟ เพียงแต่แช่น้ำอุ่นหรือน้ำธรรมดา ก็สามารถนำมารับประทานได้เลย ต่อมาทางศูนย์วิจัยได้ทำการศึกษาหาข้อมูลและทำการวิจัย โดยทำการสอบถามข้อมูลจากชาวบ้านจนรู้ความลับว่าในอดีตการออกรบ รวมถึงนายพรานที่ออกไปล่าสัตว์ เดินป่าก็จะนำข้าวติดตัวไปเพื่อรับประทานโดยที่ไม่ต้องใช้ไฟ แต่จะใช้วิธีการนำข้าวเปลือกไปแช่น้ำแล้วนำมาสีก่อนนำไปตากแดด เมื่อทราบข้อมูลแล้วศูนย์วิจัยจึงได้นำความคิดดังกล่าวมาผสมผสานกับความรู้ใหม่ จึงได้เกิดการวิจัยขึ้นโดยได้ร่วมกับ ดร.ลือชัย อารยะรังสฤษฏ์ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยข้าวเชียงใหม่ และคณะวิจัยอีกหลายท่าน ทำการทดลอง จนประสบความสำเร็จ

สำหรับวิธีการทำขั้นตอนแรกได้นำข้าวขาว จำนวน 4 ชนิดมาทำการทดลอง คือข้าวขาวดอกมะลิ 105 ข้าวพันธุ์ กข. 39 ข้าวหลวงสันป่าตอง และข้าวพันธุ์ขาหนี่ โดย ให้นำข้าวเปลือกไปแช่น้ำทิ้งไว้ 8-12 ชั่วโมง เสร็จแล้วให้นำข้าวที่ได้ไปเข้าหม้อแรงดันเพื่อลดความชื้น หากไม่มีก็สามารถใช้หม้ออบแรงดันทั่วไปก็ได้ เพียงแต่จะใช้เวลานานกว่า จากปกติจะใช้เวลาประมาณ 25 นาที อาจจะเป็น 40 นาที เมื่อเสร็จแล้วก็นำไปคั่ว ประมาณ 5 นาที แล้วก็เข้าสู่ขั้นตอนสุดท้ายคือการนำข้าวไปสี ให้กลายเป็นข้าวสาร แต่ข้าวที่ได้นั้น ปกติจะเป็นข้าวขาว แต่หลังจากผ่านวิธีการตามขั้นตอนต่าง ๆ ข้าวจะออกมาเป็นสีเหลืองใส แต่คุณค่าทางโภชนาการดีกว่าข้าวขาว เพราะมีคุณค่าทางอาหารสูงถึง 80 เปอร์เซ็นต์ จากปกติที่สีข้าวแล้วนำเปลือกออกจนได้ข้าวขาวเลยนั้น คุณค่าของข้าวที่มีในเปลือกข้าว ก็จะถูกคัดทิ้งไป ทำให้ข้าวมีคุณค่าน้อยลง

ต่อมาเป็นวิธีการนำไปรับประทานมีอยู่ 2 วิธีคือ นำไปแช่น้ำร้อนที่มีอุณหภูมิ 100 องศาเซลเซียส หรือน้ำเดือด โดยใช้ตามอัตราข้าว 1 ส่วนต่อน้ำ 1 ส่วน หรือมากกว่าเล็กน้อย แต่ไม่ควรเกิน 1.5 ส่วน ทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที ผู้บริโภคสามารถนำไปรับประทานได้ทันทีเหมือนกับข้าวสุกที่ผ่านวิธีการหุงตามปกติ แต่หากไม่มีน้ำร้อนสามารถแช่ในน้ำเปล่าธรรมดาที่ไม่ได้แช่ในตู้เย็นอุณหภูมิจะอยู่ที่ประมาณ 30 องศาเซลเซียส โดยแช่น้ำทิ้งไว้นาน 45 นาที ก็สามารถรับประทานได้เช่นกัน แต่การรับประทานนั้นอาจจะได้ข้าวที่มีลักษณะร่วน ไม่เกาะกันเหมือนข้าวหุงทั่วไป แต่หากใครอยากได้ข้าวที่นิ่มขึ้นมา ก็สามารถนำไปหุงด้วยวิธีปกติได้เหมือนกัน

นายสกุล กล่าวต่อว่า ประโยชน์ของข้าวที่ไม่ต้องหุงถือว่ามีประโยชน์อย่างมาก สำหรับนักเดินทาง เพราะมีขนาดเบา แล้วยังไม่ยุ่งยากหากจะนำมารับประทาน แล้วพกพาไปไหนก็ได้สะดวก ไม่ต้องมีกระแสไฟในการหุงต้มก็สามารถนำข้าวมารับประทาน ได้ ที่สำคัญยังสามารถนำไปใช้ช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติตามธรรมชาติ เช่น น้ำท่วม ดินถล่ม ที่ทำให้ไฟฟ้าถูกตัด ไม่สามารถใช้การหุงต้มได้อีกด้วย สำหรับการวิจัยข้าวครั้งนี้ยังไม่มีการนำออกจำหน่าย เพราะยังอยู่ในช่วงการเตรียมต่อยอดว่าจะทำอย่างไรให้ลดขั้นตอนการทำให้น้อยลง และการแช่ข้าวให้ใช้ เวลาน้อยลง แต่หากสนใจสามารถติดต่อสอบ ถามข้อมูลได้ที่ ศูนย์วิจัยข้าวสันป่าตอง.

ที่มา dailynews.co.th วันศุกร์ ที่ 02 กรกฎาคม 2553 เวลา 8:11 น

กว่าจะเป็น 'ข้าวไม่ต้องหุง' ก้าวอีกขึ้นความสำเร็จงานวิจัย

ด้วยคุณประโยชน์ของข้าวที่มีอยู่มากมายทั้งเป็นอาหาร และเป็นสินค้าส่งออกที่สำคัญ จากที่ผ่านมาได้มีการศึกษาวิจัยพัฒนาข้าวในด้านต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง

ข้าวไม่ต้องหุง อีกความสำเร็จของการพัฒนาผลิต ภัณฑ์ข้าว ที่ศูนย์วิจัยข้าวเชียงใหม่ กรมการข้าว คิดค้นขึ้นเพื่อเพิ่มความสะดวก เป็นทางเลือกให้กับผู้บริโภคได้ รับประทานข้าวสุกด้วย วิธีการแช่น้ำอุ่นหรือน้ำธรรมดา ซึ่งกว่าจะเป็นข้าวไม่ต้องหุง อีกก้าวความสำเร็จครั้งนี้ สำลี บุญญาวิวัฒน์ รองอธิบดีกรมการข้าว กล่าวว่า งานวิจัยพัฒนาข้าวมีมาอย่างต่อเนื่อง โดยที่ผ่านมาได้นำประโยชน์ข้อดีของสายพันธุ์ข้าวที่มีออกมาเผยแพร่อย่างข้าวพื้นเมืองต่าง ๆ อีกทั้งพัฒนาพันธุ์ข้าวให้มีความ โดดเด่นในด้านต่าง ๆ เช่น การทนต่อโรคแมลง เป็นต้น

การศึกษาวิจัยของศูนย์วิจัยข้าวเชียงใหม่ถือเป็นอีกความสำเร็จที่มีความหมายทั้งต่อผู้บริโภคและเกษตรกรซึ่งไม่เพียงเพิ่มทางเลือกการบริโภค แต่ยังเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับข้าวเป็นอีกรูปแบบของการถนอมอาหารเพิ่มความสะดวกให้กับผู้ที่เดินทางไปต่างประเทศ การเดินป่าหรือแม้แต่ผู้ประสบภัย ฯลฯ ซึ่ง เมื่อจะนำมาทานจะไม่ยุ่งยาก โดยการแช่น้ำเปล่าซึ่งสามารถแช่ได้ทั้งน้ำร้อนและน้ำธรรมดาโดย ยังคงรสชาติ อีกทั้งยังช่วยประหยัดพลังงานในการทำให้ข้าวสุกอีกด้วย

ขณะที่ข้าวไม่ต้องหุงเป็นอีกทางเลือกเพิ่มความสะดวกในการบริโภคข้าว แต่กว่าที่ข้าวสารเม็ดสวยจะสุกพร้อมรับประทานกับอาหารหลากหลายเมนูโดยไม่ต้องหุงต้มแบบที่คุ้นเคย สกุล มูลคำ นักวิชาการชำนาญการศูนย์วิจัยข้าวเชียงใหม่ สำนักวิจัยและพัฒนาข้าว กรมการข้าว หัวหน้าทีมวิจัยเล่าย้อนถึงการศึกษาพัฒนาผลิตภัณฑ์ข้าวไม่ต้องหุงว่า จากการพัฒนาพันธุ์ ข้าวที่มีคุณสมบัติพิเศษนำ มารับประทานได้โดยไม่ต้อง หุงของอินเดียตามที่มีข่าวนั้น ประกอบกับภูมิปัญญาการเตรียมข้าวนึ่งสำหรับเดินป่าของพรานพื้นบ้านที่นำข้าวเปลือกมาแช่น้ำ นึ่ง ตากให้แห้ง ตำเป็นข้าวสารติดตัวไปสำหรับรับประทาน เมื่อต้องการทานข้าวก็จะนำไปใส่กระบอกไม้ไผ่แล้วเติมน้ำ ฯลฯ อีกทั้งจากที่เราส่งข้าวขายเป็นอันดับต้น ๆ มีข้าวหลากหลายพันธุ์ จากแนวคิดดังกล่าวจึงนำมาศึกษาวิจัย โดยทำงานร่วมกับทีมวิจัยมี จุดหมายสร้างมูลค่าให้กับ ข้าว เพิ่มความสะดวกให้กับผู้บริโภค และประหยัดพลังงานในการหุงหรือทำให้สุก

การพัฒนาข้าวไม่ต้อง หุงได้นำข้าวขาว 4 พันธุ์มาทำการทดลอง ได้แก่ ขาว ดอกมะลิ 105 กข 39 ข้าวหลวงสันป่าตองและขาหนี่ โดยนำข้าวเปลือกที่ทำความสะอาดแล้วแช่น้ำทิ้งไว้ 8-12 ชั่วโมง จากนั้นนำข้าวที่แช่น้ำไปนึ่งเพื่อลดความชื้นป้องกันเชื้อรา ผึ่งแดดให้แห้งแล้ว นำไปคั่ว จากนั้นนำข้าวนึ่งที่คั่วไปสีก็จะได้ข้าวสารที่พร้อมนำไปบริโภคโดยการแช่น้ำหรือหุง

ในวิธีการบริโภคทำได้ไม่ยุ่งยาก เมื่อจะนำมารับประทานหากนำไปแช่น้ำ ร้อนเดือด ๆ จะใช้เวลาน้อยประมาณ 15-20 นาที ส่วนถ้าแช่น้ำเย็นก็อาจใช้เวลานานขึ้นประมาณ 45 นาทีข้าวก็จะมีลักษณะเช่นเดียวกับการแช่ในน้ำร้อนเหมือนกับข้าวที่หุงทานกันปกติ

“สาเหตุที่เลือกข้าว4 พันธุ์ ไม่ว่าจะเป็น ขาวดอกมะลิ 105 กข 39 ข้าวหลวงสันป่าตอง และขาหนี่มาทดลอง เนื่องจากเป็นพันธุ์ที่หาได้ในพื้นที่เป็นพันธุ์ที่อยู่ในกลุ่มข้าวอ่อนหรือข้าวที่มี อมิโลสต่ำซึ่งก็น่าจะทำเป็นข้าวไม่ต้องหุงได้ดี อีกทั้งในสองพันธุ์แรกเป็นตัวแทนของข้าวเมล็ดยาว และสองพันธุ์หลังเป็นข้าวพื้นเมืองของชาวเขาเป็นตัวแทนของข้าวเมล็ดสั้น”

ขาวดอกมะลิเป็นที่ทราบกันถึงคุณภาพการหุงต้ม ขณะที่ กข 39 มีความโดดเด่นทางพันธุ์สามารถปลูกได้ทั้งนาปีและนาปรังอีกยังมีความทนต่อโรค ส่วนอีกสองพันธุ์คือ ข้าวหลวงสันป่าตองและขาหนี่เป็นข้าวที่ปลูก บนพื้นที่สูงสามารถทนต่ออากาศหนาวได้ จากความโดดเด่นเหล่านี้จึงเลือกมาศึกษาโดยเฉพาะข้าวพื้นเมือง เป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับข้าวและยังช่วยเกษตรกรในพื้นที่สูงให้สามารถปลูกและขายข้าวได้นอกเหนือจากการปลูกเพื่อบริโภคในครัวเรือน

ส่วนการศึกษาเริ่มมา ตั้งแต่ต้นเดือนพฤษภาคม ที่ผ่านมาโดยทำการทดลองพร้อมกันทั้ง 4 ชนิด เมื่อก่อนจะศึกษาเคยทดลองทำ ในข้าวเหนียว แต่ไม่ได้ผลเนื่องจากข้าวไม่เป็นก้อนและร่วน แต่สำหรับข้าวไม่ต้องหุงของศูนย์วิจัยข้าวเชียงใหม่ เมื่อทำเสร็จแล้วข้าวสุกจะมีลักษณะร่วนไม่จับกันเป็นก้อน

เมื่อคืนตัวเป็นข้าวสุกโดยการแช่น้ำ (ทั้งน้ำร้อนและน้ำเย็น) สีของข้าวจะเป็นสีขาว การคืนตัวข้าวสุกมีอัตราการยืดตัวอยู่ที่ 1.2-1.3 เท่าของข้าวสาร ข้าวขาวดอกมะลิ 105 ยังคงความหอมนุ่ม ขณะที่ กข 39 และทุกพันธุ์ยังคงความนุ่มอยู่ใกล้เคียงข้าวที่หุงจากหม้อหุงข้าวและทุกพันธุ์ไม่มีกลิ่นของรำหรือข้าวเปลือกเมื่อนำมารับประทาน

“กระบวนการต่าง ๆ เริ่มจากการตั้งสมมุติฐาน ทดลองผิดถูกเรื่อยมาจนมาพบวิธีการดังกล่าวซึ่งก็ยินดีที่จะเผยแพร่ความรู้ให้กับผู้ที่สนใจ อีกทั้งการศึกษาวิจัยเรื่องข้าวไม่ต้องหุงคงต้องศึกษาเรื่องพันธุ์ที่เหมาะสม ลดเวลาการคืนตัวให้สั้นลงกว่าที่เป็นอยู่ อย่างเช่นให้เหลือการคืนตัวเป็นข้าวสุก ที่ต่ำกว่า 20 นาทีเพื่อให้มีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น”

ข้าวไม่ต้องหุงเท่าที่มีการพูดถึงนอกจากจะไม่มี กลิ่น ในความโดดเด่นยังสามารถเก็บไว้ได้หรือหากจะนำมาทานทันทีก็สามารถทำ ได้ อีกทั้งหากต้องการนำไปหุงก็สามารถทำได้โดยข้าวจะสุกเร็วขึ้นไม่ต้องใช้เวลานานเหมือนกับการหุงข้าวด้วยวิธีปกติ

ส่วนลักษณะของเมล็ดข้าวมีลักษณะเช่นเดียวกับ ข้าวสาร สีจะออกเหลืองนวลไม่ขาวเหมือนกับข้าวสาร แต่เมื่อแช่ในน้ำร้อนก็จะเป็นข้าวสวยเหมือนข้าวที่หุงทั่วไป ส่วนคุณค่าทางโภชนาการจาก กระบวนการทำข้าวนึ่ง แป้งข้าวจะถูกทำให้สุกเนื้อแป้งจะเหนียวเป็นลักษณะเจลาติน สารอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการจะถูกแรงดันที่เกิดจากการนึ่งดันให้กลับเข้าไปอยู่ในแป้งเทียบกับข้าวกล้องก็จะมีคุณค่าทางโภชนาการคงเหลืออยู่ประมาณร้อยละ 80 แต่อย่างไรคงต้องทำการวิจัยต่อเนื่องต่อไปซึ่งแต่ละพันธุ์อาจมีคุณค่าทางโภชนาการต่างกันไป

นอกเหนือจากความสะดวกในการรับประทานข้าวอาหารหลักของทุกครัวเรือน ข้าวไม่ต้องหุงในความสำเร็จที่เกิดขึ้นยังเป็นการเพิ่มทางเลือก ความสะดวกในการบริโภค อีกทั้งยังมีความหมายสร้างมูลค่าให้กับข้าวอีกด้วย.

ที่มา dailynews.co.th วันอังคาร ที่ 06 กรกฎาคม 2553 เวลา 0:00 น




 

Create Date : 30 กรกฎาคม 2553
0 comments
Last Update : 30 กรกฎาคม 2553 18:24:10 น.
Counter : 2571 Pageviews.


SriSurat
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 10 คน [?]




Online 30-03-2553 #2



Stats
Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2553
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
30 กรกฏาคม 2553
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add SriSurat's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.