|
||||
วิธีขจัดวัชพืชในดวงจิต ดวงจิตของคนเราสามารถแบ่งออกเป็น ๒ส่วน นั่นคือ "จิตสำนึก" และ "จิตใต้สำนึก" จิตสำนึกเป็นจิตตามธรรมชาติโดยทั่วไป ซึ่งทำหน้าที่เกี่ยวข้องกับโลกภายนอกรอบๆตัวเรา เช่น สิ่งที่เราได้สัมผัส ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่เราได้เห็น สิ่งที่เราได้ยิน สิ่งที่เราได้กลิ่น สิ่งที่เราลิ้มรส สิ่งที่ทำให้รู้สึกเจ็บปวด ตลอดจนสิ่งที่เราคิดหรือจินตนาการ แล้วประสาทสัมผัสก็จะถ่ายทอดสิ่งต่างๆเหล่านี้ไปยังสมอง เพื่อทำการแยกแยะเหตุผล แสดงออกถึงความสงสัย คาดคะเน และคิดคำนวณ เป็นต้น
ส่วนจิตใต้สำนึกนั้น ไม่สามารถแยกแยะเหตุผล ไม่สามารถแสดงออกถึงความสงสัย ไม่สามารถคาดคะเนและคิดคำนวณได้ หากแต่ทำหน้าที่เกี่ยวกับโลกอันกว้างใหญ่ไพศาล ที่ไม่อาจกำหนดขอบเขตและเวลาได้ มันรับรู้สิ่งต่างๆได้โดยสัญชาติญาณ ความรู้สึกเกิดขึ้นในใจ และมีอิทธิพลต่ออารมณ์และการแสดงออกต่างๆ ที่คนเราไม่สามารถควบคุมได้ นอกจากนั้น มันยังบันดาลให้คนเรามีอันเป็นไปตามสิ่งที่เชื่อหรือศรัทธา และสิ่งที่เป็นพลังผลักดันให้จิตใต้สำนึก ให้ปฏิบัติหน้าที่อันน่ามหัศจรรย์เช่นนี้ได้นั้น ก็คือการออกคำสั่งแก่มันด้วยความศรัทธาอันเร่าร้อน นั่นก็คือคิดหรือกล่าวย้ำกับตนเอง ด้วยความเชื่ออย่างจริงจังซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่ทุกลมหายใจเข้าออกว่า สิ่งที่ปรารถนานั้นมันมีอยู่แล้วจริง ในไม่ช้าจิตใต้สำนึกก็จะแสดงพลังตอบสนอง โดยบันดาลให้คนเรามีอันเป็นไปตามสิ่งที่คิด เพราะปรากฏการณ์มหัศจรรย์นี้นี่เอง ที่ทำให้เกิดสิ่งเหนือความเข้าใจแก่ผู้ที่คิดย้ำกับตนเอง ด้วยความศรัทธาอย่างเชื่อมั่นจากหมอดูที่ทำนายทายทัก เช่น หมอดูทำนายว่าตนเองจะต้องประสบกับความเจ็บไข้ได้ป่วย ธุรกิจจะประสบกับความล่มจม หรือจะเกิดอุบัติเหตุต่างๆนานา เป็นต้นว่าโดนรถชน รถคว่ำ ตกเครื่องบินตาย หรือถูกศัตรูคู่อาฆาตยิงตายเป็นต้น แล้วพวกเขาก็นำมันมาครุ่นคิดวิตกกังวลอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่ายามกินหรือยามนอนว่าเรื่องต่างๆเหล่านั้น จะต้องบังเกิดขึ้นกับพวกเขาไม่วันใดก็วันหนึ่งอย่างแน่นอน แล้วในที่สุด พวกเขาก็จะประสบกับสิ่งที่หมอดูหรือเจ้าเข้าทรงได้สาปแช่งไว้จริง ซึ่งตามความเป็นจริงแล้ว มันมิได้เกิดขึ้นเพราะอำนาจศักดิ์สิทธิ์แต่เพียงฝ่ายเดียว หากแต่อำนาจศักดิ์สิทธิ์จะต้องสอดคล้องกับพลังของจิตใต้สำนึก ที่เกิดจากการจมปรักอยู่กับความเชื่อ หรือพอจะกล่าวได้โดยรวมก็คือ เป็นเพราะการจมปรักอยู่กับความเชื่ออย่างจริงจังของเขานั่นเอง คือสิ่งสำคัญที่บันดาลให้พวกเขามีอันเป็นไป ตามสิ่งที่พวกเขาเฝ้าแต่วิตกกังวลต่อคำสาปแช่งของพวกหมอดู ในทำนองเดียวกัน การอธิฐานให้สมปรารถนาตามที่ขอนั้น จะเกิดขึ้นได้ก็ด้วยจมปรักอยู่กับความเชื่ออย่างจริงจัง เช่นเดียวกับผู้ที่เชื่อหมอดูดังที่กล่าวมาข้างต้น อย่างไรก็ตาม แม้ว่าพลังภายในจะมีคุณูปการต่างๆอย่างมากมาย แต่นับว่าเป็นที่น่าเสียดายยิ่ง ที่คนเราได้สร้างข้อจำกัด จนไม่สามารถปลดปล่อยพลังมหัศจรรย์ออกมาใช้ในทางสร้างสรรค์ได้อย่างเต็ม ที่แต่กลับถูกนำไปใช้ในทางทำลายจนการดำเนินชีวิตอยู่ในลักษณะครึ่งหลับครึ่งตื่นดีๆนี่เอง เช่นเดียวกับต้นข้าวที่แคะแกร็นไม่สามารถเจริญเติบโต เพราะในนาเต็มไปด้วยวัชพืชที่มาแย่งอาหารของต้นข้าว ดังนั้น ก่อนที่ท่านจะทำการเพาะปลูกข้าวในนา ท่านก็จะต้องทำลายวัชพืช หรือศัตรูข้าวออกไปจากไร่นาไปให้หมดสิ้นเสียก่อน มิฉะนั้นแล้ว ต้นข้าวก็จะไม่เจริญเติบโตได้ผลผลิตตามที่ต้องการ ในทำนองเดียวกัน วัชพืชในดวงจิต ก็คือความคิดในทางทำลายจนไม่มีพลังสมาธิเพียงพอที่จะปลดปล่อยภายใน ออกต่อสู้กับอุปสรรคขวากหนามที่ขวางกั้น เพราะจิตใจกระโดดโลดเต้นไปมา อยู่กับเรื่องราวต่างๆที่ไม่พึงปรารถนาในอดีต เช่น ความจมปรักเอาแต่เศร้าเสียใจในเหตุการณ์เลวร้ายที่ผ่านมา ความวิตกกังวลเรื่องที่ไม่พึงปรารถนาที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต และความไม่เต็มใจยอมรับปัญหาที่กำลังเกิดขึ้น ตลอดจนความอาฆาตมาดร้าย ความอิจฉาริษยา ความเคียดแค้นชิงชัง ความอคติการถือทิฐิหยิ่งทะนง และความน้อยเนื้อต่ำใจ เป็นต้น เหล่านี้คือสาเหตุสำคัญที่ทำให้สมาธิเลื่อนลอยและอ่อนแอ จนทำให้จิตใจไม่มีประสิทธิภาพพอที่จะปลดปล่อยพลังออกมาได้อย่างเต็มที่ ดังนั้น การที่จะปลดปล่อยพลังภายในโดยไม่มีอุปสรรคนั้น ท่านก็จะต้องกำจัดความคิดในทางทำลายเหล่านี้ออกไปจากจิตใจให้หมดสิ้น โดยการพัฒนาจิตใจให้กล้าแกร่งและเจริญงามยิ่งๆขึ้น ด้วยการศึกษาในบทต่อๆไปในคัมภีร์เล่มนี้ แล้วคำอธิฐานของท่านก็จะกลายเป็นความจริง ไม่ใช่ขึ้นอยู่กับดวงอีกต่อไป รับเขียน E-book หรือบทความในแนว "หลักการพัฒนาตนเอง" |
สมาชิกหมายเลข 3891326
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]
Group Blog All Blog Link |
|||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |