ผู้ชายธรรมดา ที่อาจไม่ธรรมดา
<<
กันยายน 2550
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
25 กันยายน 2550
 
 
" บั้งไฟพญานาค " ตอนที่4

3.นักวิทยาศาสตร์ นพ.มนัส กนกศิลป์ เข้าไปพิสูจน์ นำเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์
เข้าไปทำวิจัยหาสาเหตุของการเกิดลูกไฟในช่วงวันออกพรรษา ผลออกมาว่าใน
แม่น้ำโขง"น่าจะเป็นก๊าซมีเทน และ ไฮโดรเจน ซึ่งเกิดจากการหมักตัวของบัคเตรี
จากมูลสัตว์ซากพืชและซากสัตว์ที่ตายแล้ว ถูกชะล้าง หรือนำพาโดยน้ำลงสู่หลุมใหญ่
ใต้ลำน้ำโขง จะเก็บมูลสัตว์และอินทรียวัตถุเหล่านี้ไว้ ไม่ให้ไหลไปตามแรงน้ำ
จะมีปริมาตรพอที่จะพลิก หรือเผยอตัวเอง จนได้ก๊าซเป็นลูกๆ แต่ละลูกมีขนาด
10cc.และมีแรงลมทำให้ลูกไฟขึ้นไปบนอากาศ โดยที่กลางน้ำจะมีแรงส่งมาก
ทำให้ขึ้นแรงและเร็วกว่าริมฝั่ง

รศ.มนตรี บุญเนอ กล่าวว่า ขณะที่น้ำขึ้นสูงสุด การไหลของแม่น้ำโขง
จะไหลแบบวุ่นวาย ซึ่งไหลโดยความเร็วเฉลี่ยประมาณ 1.75เมตรต่อวินาที
การไหลของกระแสน้ำแบบนี้เป็นการแสดงลักษณะของท้องน้ำที่ไม่สม่ำเสมอ
แต่ไม่ใช่เป็นโพรงหลุมก๊าซอย่างที่ว่าแน่ โอกาสที่ซากอินทรียวัตถุ หรือมูลสัตว์
ทั้งหลายที่ไหลลงสู่แม่น้ำโขงจะไหลมารวมกัน มีความเป็นไปได้น้อยมาก
และหากจะอ้างว่า กระบวนการดังกล่าวเกิดจากการหมักตัวของก๊าซมีเทนใต้น้ำ
ก็จำเป็นต้องอาศัยปริมาณสารอินทรีย์ที่จะถูกย่อยสลาย และใช้เวลาในการสะสม
ถึง 5วัน นั่นหมายถึงรอบๆบริเวณนั้น จะต้องเป็นภาวะที่หยุดนิ่ง หรือเคลื่อนไหว
น้อยมาก สถานการณ์ที่ว่านี้ ไม่มีเกิดขึ้นในบริเวณที่น้ำไหลแรงอย่างเช่นแม่น้ำโขง

คำถามตามมาจึงมีอีกว่า เป็นฝีมือการรังสรรค์ของกระบวนการเกิดก๊าซ
ธรรมชาติใต้น้ำจริงหรือไม่ ประเด็นนั้นอาจารย์มนตรีบอกว่า เป็นไปไม่ได้เช่นกัน
เพราะโดยปกติปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นเองโดนธรรมชาติ ส่วนใหญ่ไม่สามารถบอก
ได้ว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ทั้งนี้ เมื่อคำนึงถึงคุณสมบัติ หรือคุณภาพของน้ำในแม่น้ำโขง
แต่ละปีเปลี่ยนแปลงไม่เหมือนกันเลย เพราะน้ำจะไหลตลอดเวลา ซากอินทรีย์
และบัคเตรีที่สามารถสร้างก๊าซมีเทนจะต้องถูกพัดพาให้เคลื่อนที่ในกระแสน้ำตลอดเวลา
เช่นเดียวกับอุณหภูมิของน้ำ และสภาพความเป็นกรด-ด่างในน้ำ ที่เปลี่ยนแปลง

อาจารย์มนตรียังมีข้อสังเกตจากประสบการณ์ที่เคยไปเฝ้าชม “บั้งไฟพญานาค”
ริมโขง มาแล้วหลายครั้ง บางครั้งมีผู้ประกาศว่า “อีกครึ่งชั่วโมงจะมีบั้งไฟพญานาค”
อีกครึ่งชั่วโมงต่อมา ตรงตามเวลา ก็มีบั้งไฟพญานาคโผล่ขึ้นมาจริง ๆ เมื่อเปิดประเด็น
ด้วยเหตุผลความไม่เชื่อตามหลักวิทยาศาสตร์แล้วอาจารย์มนตรีก็ให้ข้อสมมติฐานใหม่
อาจารย์สมมติว่า มีคนนำบั้งไฟที่มีลักษณะคล้ายกับบั้งไฟลูกหนู(บั้งไฟชนิดนี้จะวิ่งใน
แนวราบพุ่งไปชนกับปราสาทกลางทุ่งนา ประเพณีดังกล่าว จะเห็นได้ตามงานศพของ
พระที่มีเชื้อสายมอญ แถวปทุมธานี และนนทบุรี) แต่แทนที่จะใช้กระบอกไม้ เหมือน
บั้งไฟลูกหนูตามงานศพพระเชื้อสายมอญเปลี่ยนเป็นใช้กระบอกเหล็ก เพื่อรองรับการ
อัดดินปืนให้แน่นมากๆ มากพอที่จะส่งแรงขับชนวนไปได้ไกล บั้งไฟแบบนี้ จะต้องหุ้ม
ด้วยฉนวนกันน้ำ เพื่อให้สายชนวนติดไฟได้ตลอดเวลาที่อยู่ใต้น้ำ และมีราวลวดขึงไว้
ใต้น้ำให้ลึกพอ ประกอบกับใช้ความมืดกลางแม่น้ำที่มองอะไรไม่เห็นเป็นตัวอำพราง
และจึงลงมือจุดสายชนวนมาจากฝั่ง

อาจารย์มนตรีเชื่อมั่นว่า ด้วยหลักการนี้ เมื่อบั้งไฟเคลื่อนมาตามราวลวดใต้น้ำ
ซึ่งถูกหุ้มด้วยฉนวนกันน้ำ แล้วมากระทบกับเบ้าโลหะ ที่วางไว้ในตำแหน่งที่ต้องการ
ให้เกิดประกายไฟ การกระแทกกันระหว่างเบ้าโลหะ กับบั้งไฟใต้น้ำ สามารถทำให้
เห็นประกายไฟพวยพุ่งขึ้นมา กลายเป็นบั้งไฟพญานาค จากฝีมือมนุษย์ได้ไม่ยากทำ
ให้เห็นประกายไฟพวยพุ่งขึ้นมา กลายเป็นบั้งไฟพญานาค จากฝีมือมนุษย์ได้ไม่ยาก


Create Date : 25 กันยายน 2550
Last Update : 25 กันยายน 2550 23:00:35 น. 0 comments
Counter : 547 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 

soponkub
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




ไม่ต้องการคนรัก แต่ต้องการคนเข้าใจ
ถึงไม่หล่อแต่กำเนิด แต่เน้นสุขภาพดีกินอาหารดีๆ
[Add soponkub's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com