เทศกาลตรุษจีน
14 กุมภา ตรุษจีน วาเลนไทน์ เนื่องในปี 2553 นี้ วันตรุษจีน และ วันวาเลนไทน์ เป็นวันเดียวกัน นายกสมาคมชาวไทยเชื้อสายจีนจึงรณรงค์มาให้ใส่เสื้อสีชมพูเพื่อถวายพระพรในหลวงให้ทรงมีพระพลานามัยที่แข็งแรง ซึ่งการใส่เสื้อสีชมพูนี้มิไม่ผิดธรรมเนียมโบราณแต่อย่างใด เพราะสีแดงก็สีใกล้เคียงกันเนื่องจากตามประวัติศาสตร์แล้วคนจีนเขาจะมีแบ่งธรรมเนียมว่าถ้าเป็นงานศพ จะเรียกว่างานสีขาว ซึ่งตรงข้างกับงานมงคล หรืองานสีแดง ในเมื่อตรุษจีนเขาถือว่าเป็นวันสิริมงคล ซึ่งเขายึดธรรมเนียมให้ใส่เสื้อผ้าใหม่ๆ สีสันสดใส ไม่เจาะจงว่าจะเป็นสีแดงเท่านั้น และในปีนี้ชาวจีนเชื่อกันว่าวันที่14 กุมภาพันธ์ 2553 นี้จะเป็นวันเริ่มต้นแห่งความรัก ความสามัคคี และ ความสุขความเจริญ ที่"บรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้ว" มอบให้แก่ลูกหลานชาวไทย และชาวโลก ตรุษจีน หรือ เทศกาลฤดูใบไม้ผลิ (ตัวเต็ม: 春節, ตัวย่อ: 春节, พินอิน: Chūnjíe ชุนจีเหย๋) หมายถึงเทศกาลดูใบไม้ผลิ หรือขึ้นปีเพาะปลูกใหม่ รู้จักกันในนาม วันขึ้นปีใหม่ทางจันทรคติ เป็นวันขึ้นปีใหม่ตามประเพณีของชาวจีนในจีนแผ่นดินใหญ่ และชาวจีนโพ้นทะเลทั่วโลก เทศกาลนี้เริ่มต้นในวันที่ 1 เดือน 1 ของปีตามจันทรคติ (正月 พินอิน: zhèng yuè เจิ้งยวี่เย่) และสิ้นสุดในวันที่ 15 ซึ่งจะเป็นเทศกาลประดับโคมไฟ (ตัวเต็ม: 元宵節, ตัวย่อ: 元宵节, พินอิน: yuán xiāo jié หยวนเซียวจีเหย๋) คืนก่อนวันตรุษจีน ตามภาษาจีนกลางเรียกว่า 除夕 (พินอิน: Chúxì ฉูซี่) หมายถึงการผลัดเปลี่ยนยามค่ำคืน และคืนนี้จะเป็นวันสุดท้ายของปีนั่นเอง ซึ่งเป็นคืนที่ครึกครื้นที่สุด ใครที่ไปทำงานห่างจากบ้านเกิด ต่างก็พยายามอย่างสุดความสามารถที่จะกลับมาฉลองวันปีใหม่ที่บ้าน ตอนกินอาหารมื้อค่ำ คืนก่อนขึ้นปีใหม่จีน ทุกคนในครอบครัวต่างนั่งกันพร้อมหน้าล้อมโต๊ะอาหาร ต่างชนแก้วอวยพรปีใหม่กันพอถึงเที่ยงคืน คนจีนทางเหนือก็จะเริ่มทำเกี๊ยว (เจี้ยวจึ) คนจีนทางใต้ ก็จะปั้นลูกอี๋ทำน้ำเชื่อม ทำไป ชิมไปทานไป ครึกครื้นอย่างยิ่ง เช้าวันรุ่งขึ้นแต่เช้า ทุกคนจะตื่นแต่เช้า เยี่ยมเพื่อนบ้าน เพื่อนฝูงอวยพรปีใหม่ การเตรียมงานเพื่อการเฉลิมฉลองเทศกาลตรุษจีนนั้นผู้คนจะเริ่มซื้อข้าวของต่างๆ เพื่อประดับตกแต่งบ้านเรือน และเตรียมทำความสะอาดครั้งใหญ่ ตั้งแต่ชั้นบนลงชั้นล่าง เนื่องจากมีความเชื่อว่าจะเป็นการปัดกวาดสิ่งที่ไม่ดีออกไป ภายในบ้านทั้งประตู หน้าต่าง จะประดับประดาไปด้วยสีแดง และกระดาษสีแดงที่มีคำอวยพรให้อายุยืน ร่ำรวย อยู่ดีมีสุข ฯลฯ จากนั้นครอบครัวจะร่วมรับประทานอาหารที่ล้วนแต่มีความหมายมงคลทั้งสิ้น เช่น - กุ้ง หมายถึง ชีวิตที่รุ่งเรืองและความสุข - จี้ไช่ (ผมเทวดา) สาหร่าย หมายถึง จะนำความความร่ำรวยมาให้ - ขนมต้ม หมายถึงบรรพชนอวยพร - เป๋าฮื้อแห้ง หมายถึงทุกสิ่งทุกอย่างที่ดีสลัดปลาสดจะนำมาซึ่งความโชคดี หลังจากทานอาหารค่ำแล้ว ทุกคนในครอบครัวจะนั่งกันจนเช้าเพื่อรอวันใหม่โดยการเล่นเกม เล่นไพ่ หรือดูรายการทีวีที่เกี่ยวกับวันตรุษจีน และในวันนี้จะต้องไม่โกรธ ริษยา หรือ ไม่พอใจ เพื่อเป็นสิริมงคลที่ดีสำหรับปีที่กำลังจะมาถึง นอกจากนี้อีกสิ่งหนึ่งที่ถือเป็นสัญลักษณ์ของวันตรุษจีนคือ "อั่งเปา" ซึ่งมีความหมายว่า "กระเป๋าแดง" หรือจะใช้คำว่า "แต๊ะเอีย" ซึ่งมีความหมายว่า "ผูกเอว" จากที่คนสมัยก่อนชอบร้อยเงินเป็นพวงผูกไว้ที่เอว โดยการให้อั่งเปานี้ คู่แต่งงานจะให้เงินเด็กๆ และผู้ใหญ่ที่ยังไม่ได้แต่งงานในซองสีแดง หลังจากนั้นทุกคน ในครอบครัว จะออกมาจากบ้านเพื่อกล่าวสวัสดีปีใหม่ในหมู่ญาติ และด้วยเพื่อนบ้าน ซึ่งคงคล้ายกับการที่ชาวตะวันตกพูดว่า "Let bygones be bygones" (อะไรที่ผ่านไปแล้วก็ให้มันผ่านไป) อาหารไหว้เจ้าที่และบรรพบุรุษ ในวันฉลองตรุษจีนอาหารจะถูกรับประทานมากกว่าวันไหนๆในปี อาหารชนิดต่างๆที่ปฏิบัติกันจนเป็นประเพณี จะถูกจัดเตรียมเพื่อญาติพี่น้องและเพื่อนฝูง รวมไปถึงคนรู้จักที่ได้เสียไปแล้ว ในวันตรุษครอบครัวชาวจีนจะทานผักที่เรียกว่า ไช่ ถึงแม้ผักชนิดต่างๆ ที่นำมาปรุง จะเป็นเพียงรากหรือผักที่มีลักษณะเป็นเส้นใยหลายคนก็เชื่อว่าผักต่างๆ มีความหมายที่เป็น มงคลในตัวของมัน เม็ดบัว - มีความหมายถึง การมีลูกหลานที่เป็นชาย
เกาลัด - มีความหมายถึง เงิน
สาหร่ายดำ - คำของมันออกเสียงคล้าย ความร่ำรวย
เต้าหู้หมักที่ทำจากถั่วแห้ง - คำของมันออกเสียงคล้าย เต็มไปด้วยความร่ำรวย และ ความสุข
หน่อไม้ - คำของมันออกเสียงคล้าย คำอวยพรให้ทุกอย่างเต็มไปด้วยความสุข ปลาทั้งตัว-เป็นตัวแทนแห่งการอยู่ร่วมกัน และความอุดมสมบรูณ์ ไก่-สำหรับความเจริญก้าวหน้า ซึ่งไก่นั้นจะต้องยังมีหัว หางและเท้าอยู่ เพื่อ เป็นการแสดงให้เห็นถึงความสมบูรณ์ เส้นหมี่-ไม่ควรตัดเนื่องจากหมายถึงชีวิตที่ยืนยาว ส้ม- คำจีนเรียกว่า "ไต้กิก" แปลว่า โชคดี กล้วย- จีนแต้จิ๋วออกเสียงว่า เก็ง-เจียมีความหมายถึงการมีลูกหลานสืบสกุล องุ่น- จีนแต้จิ๋วเรียกว่า พู่-ท้อ หมายถึง งอกงาม สับประรด- จีนแต้จิ๋วเรียกว่า "อั้งไล้" แปลว่า เรียกสีแดงมา สีแดงเป็นสีของโชค ดังนั้นสับประรดจึงหมายถึง มีโชคมาหา **เต้าหู้ที่ทำจากถั่วสดนั้นจะไม่นำมารวมกับอาหารในวันนี้เนื่องจากสีขาวซึ่งเป็นสีแห่งโชคร้าย สำหรับปีใหม่และหมายถึงการไว้ทุกข์ นอกจากนี้ทางตอนใต้ของจีนจานที่นิยมที่สุดและทานมากที่สุดได้แก่ ข้าวเหนียวหวานนึ่ง บ๊ะจ่างหวาน ซึ่งถือเป็นอาหารอันโอชะ ส่วนทางเหนือ หมั่นโถและติ่มซำเป็นอาหารที่นิยม ทำไมต้องจุดประทัด และเชิดสิงโตในวันตรุษจีน "การจุดประทัด" เกิดจากในอดีตมีคนหัวใสนำดินระเบิด ไปบรรจุในบ้องไม้ไผ่เล็กๆ แล้วจุด เสียงไม้ไผ่ระเบิดก็ดังสนั่นหู เด็กเล็กได้ยินก็ร้องจ้า บรรดาสุนัขและสัตว์เลี้ยงทั้งหลายต่างพากันกลัวเสียงประทัดวิ่งหนีกันได้ ทำให้มีคนคิดว่าเสียงดังโป้งป้างของประทัด น่าจะไล่เจ้าตัวเหนียนได้ ซึ่งเหนียนคำนี้เป็นเสียงจีนกลาง จีนแต้จิ๋วออกเสียงว่า นี้ แปลว่า ปี คนจีนโบราณเชื่อว่าช่วงสิ้นปีที่อากาศหนาวเย็นจัดคนไม่สบายกันมาก เพราะเจ้าตัวเหนียนออกมาอาละวาด การจุดประทัดเสียงดังน่าจะไล่เจ้าตัวเหนียนและโรคภัยไข้เจ็บให้ตกใจกลัวหนีไปได้ แล้วต่อมาธรรมเนียมนี้ก็ปรับไปว่า จุดประทัดให้เสียงดังๆ นี้จะเรียกโชคดีให้มาหา บ้างก็ว่าเพื่อให้สะดุดหูเทพเจ้า ท่านจะได้มาช่วยคุ้มครอง "การเชิดสิงโต" ชาวบ้านในมณฑลกวางตุ้ง มีการแสดงเชิดสิงโตเพื่อไล่ผีที่เชื่อว่า มาลงกินผู้ชายและสัตว์เลี้ยง ก่อเกิดเป็นความเชื่อว่า เชิดสิงโตช่วยไล่ภูตผีปีศาจได้ ก็เลยเข้าคู่กันเหมาะมากกับการจุดประทัดวันตรุษจีน "การแห่มังกร " เริ่มต้นจะมาจากตำนานปลาหลีฮื้อกระโดดข้ามประตูสวรรค์ ก็จะกลายเป็นปลามังกรมีฤทธิ์เดช โดยปลามังกรนี้ คือ สัตว์ยิ่งใหญ่มีพลังอำนาจ ใครได้พบได้ชมก็จะได้รับพลังช่วยเสริมให้เจ้าตัวโชคดีทำมาหากินได้ผลบริบูรณ์ แต่เนื่องจากทั้งการเชิดสิงโตและแห่มังกรนี้ ผู้แสดงต้องมีความสามารถพิเศษในเชิงกายกรรมต่อตัว การสมดุลตัวที่สุดของการเชิดสิงโตคือการได้ซองอั่งเปา สุดยอดของการแห่มังกรคือการต่อตัวขึ้นไปเพื่อหยิบซองอั่งเปาบนไม้สูงที่เมื่อทำได้ ความหมายของการได้ซองอั่งเปานี้คือ การจะได้โชคดีกันถ้วนหน้าตลอดปีทีเดียว คำอวยพร 新年快乐 xīnnián kuàilè สวัสดีปีใหม่ 万事如意 wàn shì rú yì สมดังใจจินต์ 恭喜发财 ɡōnɡxǐ fācái ยินดีมั่งมี 身体健康 shēntǐ jiànkānɡ ร่างกายแข็งแรง 全家幸福 quán jiā xìnɡfú ครอบครัวเป็นสุข 四季平安 sìjì pínɡān ทั้งปีมีสุข 事业有成 shì yè yǒu chénɡ การงานสำเร็จ 金宝满堂 jīn bǎo mǎn tánɡ เงินทองเต็มเรือน
Create Date : 10 กุมภาพันธ์ 2553 |
Last Update : 10 กุมภาพันธ์ 2553 16:32:16 น. |
|
2 comments
|
Counter : 856 Pageviews. |
|
|