Review หนัง : Life is beautiful ยิ้มไว้โลกนี้ยังไม่สิ้นหวัง

ร้อยวันพันปีเราไม่เคยคิดจะซื้อหนังดู แต่จะให้ดูจากเคเบิ้ลอย่างเดียวมันก็ต้องดูเรื่องที่เขาเลือกมาแล้ววันนี้มีโอกาสเดินผ่านแผงขายหนัง 3 เรื่อง 99 บาทหารกับเพื่อนอีก 2 คน เลือกไปดูคนละเรื่อง โดยเรื่องที่เราหยิบมาชื่อ Life isbeautiful ไม่เคยรู้จักมาก่อน คิดว่าจะเป็นเรื่องราวความรักสวยวิ้งๆ โรแมนติกจริงๆ ไม่ใช่เลย

Life isbeautiful ฉายในประเทศไทยปี 1999 ฉายครั้งแรกในอเมริกา ธันวาคม ปี 1997 ได้รับรางวัลAcademy Awards กับรางวัล Grand prix cannes ปี 1998 ภาพยนตร์รางวัลมันจะมีสไตล์ของมันคือดูแล้วอารมณ์ไม่จบ

Life isbeautiful เป็นเรื่องของชายหนุ่มชื่อ กุยโต เดินทางมาอเรซโซเพื่ออยู่กับลุงและต้องการเปิดร้านหนังสือของตัวเอง เขาเป็นคนมองโลกในแง่ดีมีอารมณ์ขัน จึงทำให้ดอร่า ครูสาวสวยประจำเมืองยอมรับรักเขา ดอร่าเป็นลูกผู้ดีพอแต่งงานย้ายไปอยู่กับสามีที่บ้านหลังเล็กๆ น่ารัก ล้อมรอบด้วยสวยดอกไม้และมีลูกชายน่ารักชื่อ โจชัวร์

เพื่อนของกุยโตเคยสอนว่า“ถ้านายอยากเรียกร้องความสนใจจากใคร ให้เพ่งไปที่เขาแล้วพูดความต้องการของนายออกมา”ในฉากโรงละคร กุยโตต้องการให้ดอร่าหันมาหาเขา ก็เลยยกมือขึ้นมาทำท่า “นางฟ้าของผมหันมามองผม หันมาหาผม แต่ไม่สำเร็จ”

เรื่องหลักของเรื่องเกิดความพลิกผันตอนวันเกิดครบรอบ2 ขวบ ของโจชัวร์ ยายของเขาจะมาเยี่ยมเขาที่บ้าน ทั้งๆที่ไม่เคยเจอกันเลยตั้งแต่ดอร่าแต่งงาน กุยโตและโจชัวร์พร้อมกันลุงของเขาและคนอื่นๆ ในเมืองถูกจับไปโดยกองทัพนาซีเพื่อขึ้นขบวนรถไฟไปใช้แรงงานและตกอยู่ในสถานการณ์ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ยิว ดอร่าขอขึ้นรถไฟขบวนนั้นไปด้วยแม้ว่าเธอจะไม่ใช่ชาวยิว

สถานการณ์ในค่ายกักกันเป็นที่รู้กันว่าน่ากลัวแต่ละคืนคนแก่กับเด็กจะถูกกวาดต้อนไปฆ่าและถูกหลอมไปกับเตาหลอมเหล็กแต่กุยโตก็บอกกับลูกชายว่านี่เป็นเพียงแค่เกมส์ เมื่อเราชนะได้ 1000คะแนนเราจะได้รถถังกลับบ้าน แต่ละวันก็ผ่านไปอย่างน่ากลัวโจชัวร์ต้องหลบซ่อนอยู่ในหอนอน และเกือบถูกจับได้หลายครั้ง

ในงานปาร์ตี้ของทหารเยอรมันหมอที่กุยโตเคยรู้จักได้ให้เขาเข้าไปเป็นพนักงานด้วยกุยโตกลัวว่าถ้าตัวเองไม่อยู่แล้วปล่อยลูกชายไว้ที่ห้องอาจจะไม่ปลอดภัยก็เลยหาวิธีให้โจชัวร์ไปรวมกับเด็กๆ ลูกของทหารเยอรมันทำให้เขารอดมาได้อย่างหวุดหวิด โดยเขาหลอกลูกว่า “ห้ามพูดเป็นอันขาดเพราะเรากำลังเล่นเกมส์เป็นใบ้กัน เรากำลังทำคะแนนได้ดี ถ้าเราแพ้เราจะเสียทุกอย่างไปหมด”

เด็กอย่างโจชัวร์แม้จะได้ยินคำจากเพื่อนมาบ้างว่า“ทหารเยอรมันจับเด็กกับคนแก่ไปทำสบู่” หรือ เ”ราไม่ได้กำลังเล่นเกมส์หรอกครับพ่อเรากำลังจะถูกพาไปฆ่า เรากลับบ้านกันเถอะครับ”

กุยโตตอบว่า “เรากลับกันตอนนี้ไม่ได้หรอกลูกฝนมันกำลังตก แต่ถ้าลูกอยากจะไป พ่อจะพาไป (เขาทำท่าเก็บข้าวของ บอกลาเพื่อนๆ)และหลอกลูกอีกครั้งว่า เรากำลังทำคะแนนได้สวย เราเป็นผู้นำถ้าเราไปตอนนี้เราจะไม่ได้รถถังกลับบ้านนะ พ่อล่ะเสียดายจริงๆไม่เป็นไรถ้าลูกอยากกลับเราก็จะกลับกัน” ทำให้โจชัวร์บอกว่า “เราอยู่ต่อก็ได้กลับตอนนี้เปียกหมด” ทั้งๆ ที่สถานการณ์ไม่ได้เป็นอย่างนั้นเลยทุกอย่างกำลังเลวร้าย เชลยจะถูกจับไปฆ่าเมื่อไหร่ก็ไม่รู้

ส่วนฝั่งดอร่าก็ถูกนำไปใช้แรงงานที่หอหญิงโดยไม่รู้เลยว่าสามีกับลูกอยู่ที่ไหนในค่ายกุยโตพยายามติดต่อกับภรรยาด้วยการเข้าไปในหอกระจายเสียง พูดเสียงตลกๆ เรียกเธอ “สวัสดีนางฟ้าของผม”

วันที่สงครามใกล้สิ้นสุดทหารเยอรมันแตกตื่น เชลยบางส่วนหลบซ่อนตัว บางส่วนพยายามหนีจากค่ายกุยโตพาลูกชายไปซ่อนที่ตู้ไฟ และบอกเขาว่าห้ามออกมาจนกว่าจะไม่เห็นคนบนทางเดิน

กุยโตปลอมเป็นหญิงไปตามหาดอร่าภรรยาของเขาแต่ไม่พบระหว่างซ่อนอยู่ตรงตึกสุนัขดมกลิ่มเห่าอยู่ใกล้ตู้ไฟที่โจชัวร์หลบซ่อนอยู่ เขาได้แต่พูดว่า “เจ้าหมาจงออกห่างจากโจชัวร์”อย่างที่เพื่อนเขาเคยแกล้งบอกเขา เจ้าหมาไม่สนใจตู้ไฟนั้นซึ่งเป็นความโชคดีสุดท้ายของเขา เพราะต่อมาเขาถูกทหารเยอะมันจับได้ และนำไปยิงทิ้งท้ายตึกไม่ให้ภาพสะเทือนอารมณ์คนดู

โจชัวร์ไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อเขาไม่เห็นคนตามทางเดินเขาจึงออกมาและได้พบกับรถถังคันยักษ์ของทหารยิวที่ออกช่วยเหลือประชาชน ส่งพวกเขากลับบ้านทหารเจอโจชัวร์ ก็พาเขาขึ้นรถถัง เด็กชายได้แต่ตะโกนว่า “เราชนะแล้ว เราได้ 1000 คะแนนพ่อครับ รถถังมีจริงๆ”

ระหว่างทางเดินกลับบ้านเขาได้พบกับแม่ของเขา ตะโกนร้องเรียก และได้สวมกอดแม่ของเขา อันเป็นฉากจบของเรื่อง

////

ปกติเราไม่ค่อยมีความรู้เรื่องหนังเลยดูหนังน้อยมาก เป็นศิลปะที่เราให้ความสำคัญน้อยที่สุดแขนงหนึ่ง แต่พอได้ยินเพื่อนๆพูดกันเรื่องหนังแล้วรู้สึกว่าเราควรจะดูหนังเยอะๆ นะ