Ulthera คืออะไร เป็นนวัตกรรมยกกระชับผิวที่เหมาะกับใคร

ความสวยความงามเป็นเรื่องที่ไม่สามารถปฏิเสธได้ ว่า เป็นความต้องการของทุกคนที่ต้องการคงความอ่อนเยาว์ไว้ให้ได้นานที่สุด แต่ก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่า เมื่อเวลาผ่านไป ริ้วรอยต่าง ๆ ได้ปรากฏมากขึ้น จนต้องหาทางรักษาหรือลดเลือนออกไปจากใบหน้า จึงทำให้นวัตกรรมเสริมความงามได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะการทำ Ulthera ซึ่งเป็นการยกกระชับผิว ลดเลือนริ้วรอย โดยใช้คลื่นอัลตราซาวด์ จึงไม่ต้องผ่าตัด ทิ้งรอยแผลเป็น

ด้วยการทำอัลเทอร่าใช้เวลาไม่นาน แล้วสามารถเห็นผลได้อย่างทันที และที่สำคัญ คือ ผลลัพธ์มีอายุนานประมาณ 1 - 2 ปี ส่งผลให้หลายคนจึงหันมานิยมทำ Ulthera กันมากขึ้น แล้ว Ulthera คืออะไร มีขั้นตอนในการทำอย่างไร แตกต่างจาก HIFU อย่างไร มีวิธีในการดูแลตัวเองอะไรบ้าง โดยบทความนี้ จะพาไปหาคำตอบกัน

สารบัญบทความ

• Ulthera คืออะไร?
• Ulthera กับ HIFU มีความแตกต่างกันอย่างไร
• ขั้นตอนการทำหัตถการ Ulthera
• วิธีการดูแลตนเองหลังทำ Ulthera
• การทำ Ulthera มีราคาประมาณเท่าใด
• สรุปเกี่ยวกับ Ulthera

Ulthera คืออะไร? 

อัลเทอร่า หรือ Ulthera คือ เทคโนโลยียกกระชับผิวแบบไม่ต้องผ่าตัด โดยใช้คลื่นพลังงานอัลตราซาวด์ความถี่สูงและเฉพาะจุด (High Intensity Focused Ultrasound) ยิงลงไปใต้ชั้นผิว เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ทำให้ผิวหน้าและลำคอมีความยืดหยุ่น กระชับ ตึงขึ้น

แล้ว Ulthera ช่วยเรื่องอะไร โดย Ulthera ช่วยแก้ปัญหาผิวได้หลายอย่าง เช่น

• ช่วยยกกระชับผิวหน้า ด้วยการแก้ปัญหาผิวหน้าหย่อนคล้อย แก้มตกลง เหนียงย้อย คิ้วตก หนังตาตก 

• ลดเลือนริ้วรอย ทั้งริ้วรอยตีนกา รอยใต้ตา รอยขมวดคิ้ว และรอยยิ้ม 

• ช่วยปรับรูปหน้า แก้ไขปัญหากรอบหน้าไม่ชัด ปรับให้คางเรียวขึ้น

• กระชับรูขุมขน ทำให้ผิวดูเรียบเนียนมากยิ่งขึ้น

• ลดเลือนรอยแผลเป็น รอยสิว และรอยนูนต่าง ๆ 

ดังนั้น การทำ Ulthera จึงเหมาะสำหรับผู้มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย ริ้วรอย รูขุมขนกว้าง ต้องการยกกระชับผิวหน้าและลำคอ โดยไม่ต้องผ่าตัดหรือเสียเวลาพักฟื้นนาน ส่วนในเรื่องของความปลอดภัยนั้น Ulthera ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาสหรัฐอเมริกา (FDA) ว่า มีความปลอดภัย พร้อมด้วยประสิทธิภาพสูง อีกทั้งผลลัพธ์ของอัลเทอร่ายังอยู่ได้นานประมาณ 1 - 2 ปี แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลด้วย

Ulthera กับ HIFU มีความแตกต่างกันอย่างไร

Ulthera กับ HIFU ต่างเป็นเทคโนโลยียกกระชับผิวแบบไม่ต้องผ่าตัด ที่ใช้คลื่นพลังงานความร้อนเพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน แต่มีรายละเอียดที่แตกต่างกันในประเด็นต่าง ๆ ดังนี้

• เทคโนโลยีที่ใช้

1. Ulthera ใช้คลื่นอัลตราซาวด์ความถี่สูง (High Intensity Focused Ultrasound)

2. HIFU ใช้คลื่นอัลตราซาวด์ความถี่ต่ำ (Micro-Focused Ultrasound) 
    

• จุดโฟกัสพลังงาน

1. Ulthera จุดโฟกัสพลังงานมีขนาดใหญ่ 

2. HIFU จุดโฟกัสพลังงานมีขนาดเล็ก 
    

• ระดับความลึก

1. Ulthera ส่งพลังงานลงไปได้ลึกถึงชั้น SMAS 

2. HIFU ส่งพลังงานลงไปได้หลายระดับ 
    

• ระยะเวลาความคงอยู่ของผลลัพธ์

1. Ulthera ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 1 - 2 ปี 

2. HIFU ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 6 - 12 เดือน 
    

• จำนวนชอตในการทำ

1. Ulthera ใช้จำนวนชอตน้อย 

2. HIFU ใช้จำนวนชอตเยอะ 
    

• ระดับความเจ็บปวด

1. Ulthera มีระดับความเจ็บปวดที่มากกว่า 

2. HIFU มีระดับความเจ็บปวดที่น้อยกว่า 
    

• ราคาในการทำ

1. Ulthera ราคาสูงกว่า 

2. HIFU มีราคาถูกกว่า
    

• เหมาะสำหรับผู้มีปัญหา

1. Ulthera เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยมาก ต้องการผลลัพธ์ที่ยาวนาน

2. HIFU เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยเล็กน้อย ต้องการผลลัพธ์ที่รวดเร็ว ราคาไม่แพง 
    

ดังนั้น สามารถสรุปได้ว่า Ulthera กับ HIFU ต่างมีประสิทธิภาพในการยกกระชับผิวเหมือนกัน แต่เหมาะสำหรับผู้มีปัญหาผิวที่แตกต่างกัน หากต้องการเลือกทำระหว่าง Ulthera กับ HIFU ควรพิจารณาจากหลาย ๆ ปัจจัย เช่น

• ปัญหาผิว ระดับของความหย่อนคล้อย

• งบประมาณสำหรับการทำ

• ระยะเวลาที่ต้องการผลลัพธ์

• ระดับความเจ็บปวดที่สามารถรับได้

ในวงการเสริมความงาม นอกจาก Ulthera กับ HIFU แล้ว ยังมีอีกนวัตกรรม คือ Thermage แล้วระหว่าง  Thermage กับ Ulthera อย่างไหนดีกว่ากัน โดยทั้ง Ulthera กับ Thermage ต่างก็เป็นเทคโนโลยียกกระชับผิวที่ได้รับความนิยม แต่ทั้งสองมีวิธีการทำงานและผลลัพธ์ที่แตกต่างกัน ดังนี้

• Thermage จะมีรายละเอียด คือ

1. ใช้คลื่นวิทยุความถี่สูง (Radio Frequency) 

2. เน้นการกระตุ้นคอลลาเจนและอีลาสติน 

3. เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย รูขุมขนกว้าง ผิวไม่เรียบเนียน

4. ผลลัพธ์จะค่อย ๆ ปรากฏหลังทำ 1 - 2 เดือน และอยู่ได้ประมาณ 1 - 2 ปี

5. เหมาะกับผู้ที่มีไขมันสะสมบนใบหน้า ต้องการลดเหนียง  

6. เหมาะกับผู้ที่ต้องการปรับปรุงพื้นผิวมากกว่า เช่น กระชับรูขุมขน ลดตีนกา สิว
    

• Ulthera จะมีรายละเอียด คือ

1. ใช้คลื่นเสียงความถี่สูง (Ultrasound) 

2. เน้นการยกกระชับผิวโดยการกระตุ้นกล้ามเนื้อใต้ชั้นผิว

3. เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย แก้มหย่อน คางหย่อน เหนียง

4. ผลลัพธ์จะเห็นได้ทันทีหลังทำ และอยู่ได้ประมาณ 1 - 2 ปี

5. เหมาะกับผู้ที่ต้องการยกกระชับใบหน้า 

6. เหมาะกับผู้ที่มีไขมันน้อย 

ดังนั้น ระหว่าง Ulthera กับ Thermage จึงเหมาะกับกลุ่มคนที่แตกต่างกัน อีกทั้ง Thermage มีราคาแพงกว่า, ใช้เวลานานกว่า และจะรู้สึกเจ็บกว่าการทำ Ulthera ด้วย

ขั้นตอนการทำหัตถการ Ulthera

อัลเทอร่า ถือว่าเป็นนวัตกรรมในการเสริมความงามที่มีความปลอดภัยเป็นอย่างมาก แต่อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ที่สนใจ จำเป็นต้องทราบและเข้าใจขั้นตอนในการทำ Ulthera ร่วมด้วย โดยมีขั้นตอน ดังต่อไปนี้

1. ปรึกษาทั้งแพทย์ เพื่อให้แพทย์จะประเมินสภาพผิว วิเคราะห์ปัญหา ออกแบบแนวทางการรักษา แจ้งจำนวนชอตที่ใช้ ว่า จำเป็นต้อง ทำ Ulthera กี่ช็อต และอธิบายผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น

2. แพทย์จะทายาชาบริเวณที่จะทำ ประมาณ 30 - 120 นาที รอจนกว่ายาชาจะออกฤทธิ์

3. จากนั้น แพทย์จะเริ่มทำความสะอาดผิวหน้า เพื่อเตรียมก่อนทำอัลเทอร่า

4. แพทย์จะใช้เครื่อง Ulthera ยิงพลังงานลงไปใต้ชั้นผิว โดยใช้หัวที่เหมาะสมกับแต่ละบริเวณ จนครบทุกบริเวณที่ต้องการ โดยใช้เวลาประมาณ 30 - 90 นาที ขึ้นอยู่กับบริเวณที่ทำ

5. เมื่อทำอัลเทอร่าเสร็จเรียบร้อย แพทย์และพยาบาลจะช่วยประคบเย็นหลังทำ Ulthera เพื่อลดบวม

หลังจากที่ทำ Ulthera เสร็จเรียบร้อย ผู้รักษาสามารถกลับบ้านได้เลย โดยไม่ต้องพักฟื้น เพียงแต่ต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพอย่างเต็มที่และลดโอกาสในการเกิดผลข้างเคียง เช่น อาการบวมแดง ชา คัน รวมถึงความรู้สึกเจ็บระหว่างการทำอัลเทอร่า แต่ผลข้างเคียงเหล่านี้มักหายไปเองภายใน 2-3 วัน

แต่ทั้งนี้ เพื่อให้การทำ Ulthera เกิดผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ตั้งแต่ขั้นตอนในการปรึกษาแพทย์ ควรแจ้งแพทย์เกี่ยวกับโรคประจำตัวและยาที่ทานอยู่ งดดื่มแอลกอฮอล์ งดรับประทานยาแอสไพรินและยาต้านการอักเสบ รวมทั้งดื่มน้ำให้เพียงพอ ก่อนการทำอัลเทอร่า เพียงเท่านี้ ก็ถือว่าเป็นการเตรียมตัวให้พร้อมก่อนทำแล้ว

วิธีการดูแลตนเองหลังทำ Ulthera

หลังจากที่ทำ Ulthera เสร็จเรียบร้อยแล้ว แพทย์จะแนะนำแนวทางการดูแลตนเอง เพื่อให้รักษาผลลัพธ์ได้อย่างยาวนานและลดโอกาสเกิดผลข้างเคียงอื่น ๆ ได้แก่

• ประคบเย็นบริเวณที่ทำ ประมาณ 10 - 15 นาที วันละ 3 - 4 ครั้ง เพื่อช่วยลดอาการบวม แดง ชา 

• ทาครีมกันแดด SPF 30 ขึ้นไป เป็นประจำทุกวัน เพื่อช่วยปกป้องผิว ไม่ให้โดนแสงแดดทำร้าย

• งดการนวด กด หรือถูบริเวณที่ทำอัลเทอร่า เพื่อป้องกันการอักเสบ 

• หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่มีความร้อน เช่น การอบไอน้ำ ซาวน่า ออนเซ็น หรือควรงดการแช่น้ำร้อน 

• ดื่มน้ำให้เพียงพอ อย่างน้อยวันละ 2 ลิตร เพื่อให้ผิวหลังทำ Ulthera มีความชุ่มชื้น 

• รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เน้นผัก ผลไม้ โดยเฉพาะอาหารที่มีวิตามินซี 

• นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อให้ร่างกายได้ฟื้นฟูอย่างเต็มที่หลังทำ Ulthera 

• หมั่นสังเกตอาการหลังทำอัลเทอร่า หากมีอาการผิดปกติในบริเวณใด ก็รีบเข้าพบแพทย์โดยเร็วที่สุด

• งดการแต่งหน้า หรือใช้เครื่องสำอางที่มีสารเคมีในบริเวณส่วนที่ทำ Ulthera 

• ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด

การทำ Ulthera มีราคาประมาณเท่าใด

ในการทำ Ulthera ราคาอาจจะแตกต่างกัน ด้วยขึ้นอยู่กับหลาย ๆ ปัจจัย ได้แก่

• บริเวณที่ทำ เช่น ใบหน้า ลำคอ หน้าอก เป็นต้น

• จำนวนชอตที่ใช้ หากทำ Ulthera จำนวนชอตมาก ราคาก็จะยิ่งสูง 

• แต่ละคลินิกอาจจะทำ Ulthera ในราคาโปรโมชั่น
   

แต่ทั้งนี้ สามารถประมาณราคาของการทำอัลเทอร่าได้คร่าว ๆ คือ

• ทำ Ulthera บริเวณใบหน้า ราคาประมาณ 20,000 - 80,000 บาท

• ทำ Ulthera บริเวณลำคอ ราคาประมาณ 20,000 - 50,000 บาท

• ทำ Ulthera บริเวณหน้าอก ราคาประมาณ 50,000 - 100,000 บาท

ตัวอย่างการทำ Ulthera ราคาต่าง ๆ เช่น Ulthera SPT 100 Lines ราคา 9,900 บาท, จำนวน 300 Lines ราคา 38,400 บาท, จำนวน 600 Lines ราคา 59,000 บาท เป็นต้น แต่ทั้งนี้ ก่อนตัดสินใจทำ Ulthera แนะนำว่า ควรศึกษาข้อมูลและเปรียบเทียบราคาจากหลาย ๆ คลินิก ควรเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน แพทย์มีความเชี่ยวชาญ หรือลองเข้าพบแพทย์ เพื่อปรึกษาและรับคำแนะนำที่เหมาะสม

สรุปเกี่ยวกับ Ulthera

Ulthera คือ เทคโนโลยียกกระชับผิวแบบไม่ต้องผ่าตัด ซึ่งใช้คลื่นพลังงานอัลตราซาวด์ความถี่สูงและเฉพาะจุดที่ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพ โดย Ulthera ให้ผลลัพธ์ที่นานถึง 1 - 2 ปี เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย ริ้วรอย รูขุมขนกว้าง ต้องการยกกระชับผิวหน้าและลำคอ หากผู้ใดสนใจทำอัลเทอร่า ควรศึกษาข้อมูลอย่างรอบด้าน เลือกคลินิกที่ได้รับมาตรฐาน พร้อมด้วยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ที่สามารถแนะนำและให้คำปรึกษาตลอดการรักษา