โลกจะหมุนไปกับคุณ (Established on 7 January 2006) ........

thelegendary
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




web page counters
Group Blog
 
 
มกราคม 2549
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
23 มกราคม 2549
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add thelegendary's blog to your web]
Links
 

 

ย้อนรอยเส้นทางรวย...'ชินวัตร' ก่อนขาย 'เทมาเซค'


ตามรอย 'เส้นทางรวย' ครอบครัวชินวัตร 14 ปี (2535-2548) กวาดเงินสดปันผล เฉียด 1 หมื่นล้านบาท เฉพาะช่วงปี 2538-ต้นปี 2542 'นายกฯทักษิณ-คุณหญิง' รับเงินขายหุ้น 'SHIN-ADVANC' ไปกว่า 2.5 พันล้านบาท.. พบหลังปี 2542 โอนหุ้นไปฝากไว้กับ 'คัสโตรเดียน' เครือข่าย 'เทมาเซค โฮลดิ้ง' ที่สิงคโปร์ คือ จุดเริ่มธุรกรรม 'หลบเลี่ยง' สายตา-คนไทย

นับตั้งแต่ 'พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร' และ 'คุณหญิงพจมาน ชินวัตร' ก้าวขึ้นสู่บัลลังก์อำนาจทางการเมือง ในตำแหน่ง 'นายกรัฐมนตรี' ของประเทศไทย เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2544 ความมั่งคั่งของครอบครัวชินวัตร เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล...ใช้อีกกี่ชาติก็ไม่หมด

ในปี 2547 'ครอบครัวชินวัตร' รับเงินปันผลจากหุ้น ชิน คอร์ปอเรชั่น (SHIN) เพียงปีเดียว 2,975 ล้านบาท เฉลี่ยวันละ 8.15 ล้านบาท หรือ เฉลี่ยชั่วโมงละ 3.4 แสนบาท เพียงครึ่งปีแรก 2548 'ครอบครัวนายกฯ' รับเงินปันผลหุ้น SHIN ไปอีก 1,859 ล้านบาท ยังไม่นับรวมผลประโยชน์ จากการลงทุนต่อเนื่องอื่นๆ อีกนับไม่ถ้วน

คงไม่มีคนไทยคนไหนที่ 'ใช้ 3 ส่วน..ออม 1 ส่วน' แล้วจะมีเงินมากมายขนาดนี้แน่

ตำนานความมั่งคั่งอย่างรวดเร็วของ 'ครอบครัวนายกรัฐมาตรี' แท้จริงแล้วไม่ได้มาจากการ 'เก็บออม' แต่อย่างใด แต่มาจากนโยบาย 'ประชานิยมแบบสุดขั้ว'

นั่นคือ นโยบายส่งเสริมให้ 'ชนชั้นกลาง-ล่าง' ใช้จ่ายเงิน โดยการ 'ยืมเงินอนาคต' มาใช้ก่อน

...ด้วยวิธีการ 'กู้หนี้-ยืมสิน-บริโภคก่อน-จ่ายทีหลัง'

ตั้งแต่ปี 2544-ไตรมาส 3 ปี 2548 ช่วงที่ 'พ.ต.ท.ทักษิณ-คุณหญิงพจมาน ชินวัตร' ครองอำนาจสูงสุดทางการเมือง ปรากฏว่าเป็นช่วงที่ 'ชิน คอร์ปอเรชั่น' (SHIN) ทำกำไรสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์รวมกันกว่า 32,951 ล้านบาท และจ่ายเงินปันผลกลับคืนให้กับ ครอบครัวชินวัตร เป็นเม็ดเงิน (สด) สูงถึง 8,033 ล้านบาท หรือเท่ากับ 25% ของกำไรสุทธิทั้งหมดที่ 'ชินคอร์ป' ทำได้ในช่วง 5 ปี

ผ่านการเป็นลูกค้า 'โทรศัพท์มือถือ', 'สถานีโทรทัศน์', 'บริการเงินด่วน', 'สายการบินราคาประหยัด' และ 'บริการเช่าช่องสัญญาณดาวเทียม'

เมื่อเปรียบเทียบความมั่งคั่งของครอบครัวชินวัตร เมื่อต้นปี 2544 ความมั่งคั่งของครอบครัวชินวัตร เมื่อ 5 ปีที่แล้ว อยู่ที่ประมาณ 3 หมื่นล้านบาท

ปัจจุบัน ครอบครัวชินวัตร ยังถือหุ้น SHIN เท่าเดิม จำนวน 1,487.74 ล้านหุ้น (พาร์ 1 บาท) แต่นับจากวันที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เข้ามาบริหารประเทศ หุ้น SHIN เพิ่มขึ้นจาก 20 บาท มาอยู่ที่ 47 บาท ทำให้ครอบครัวชินวัตร รวยขึ้นเป็น 7 หมื่นล้านบาท-รวยเพิ่มขึ้น 133%

เป็นครั้งแรกที่ ตามแกะรอย 'เส้นทางรวย' ของ ครอบครัวชินวัตร ย้อนกลับไปนานถึง 14 ปี (2535-2548) ปรากฏข้อมูลที่น่าสนใจอย่างยิ่งว่า...

ครอบครัวชินวัตร กวาดเงิน (สด) ปันผล ออกไปแล้วรวมกัน 9,994 ล้านบาท ผ่านการถือครองหุ้น 'ชินคอร์ป' เพียงตัวเดียว โดยเงินปันผล (ส่วนใหญ่) จำนวน 8,033 ล้านบาท เกิดขึ้นในยุคที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี

อีกทั้งยังพบด้วยว่าในระหว่างปี 2538-ต้นปี 2542 นั้น พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ได้ขายหุ้น SHIN-ADVANC-SATTEL-UCOM ทั้ง 4 บริษัทออกไปรวมเป็นเม็ดเงินสูงถึง 2,514 ล้านบาท (ยังไม่นับรวมการขายหุ้น และ เทรดหุ้น SHIN-ADVANC ระหว่างปี 2535-2541 ผ่าน 'นอมินี' คนใกล้ชิด อาทิ นายบุญชู เหรียญประดับ, นายชัยรัตน์ เชียงพฤกษ์, นางสาวดวงตา วงศ์ภักดี, นายวิชัย ช่างเหล็ก, นายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ และบริษัท เวิร์ธ ซัพพลายส์)

น่าสนใจอย่างยิ่งว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มักจะเลือกจังหวะการขายหุ้นได้ 'ราคาดี-สุดยอด' อยู่เสมอ เห็นได้จากการขายหุ้น SHIN ในพอร์ตของตัวเอง เมื่อวันที่ 22 พ.ค.2538 จำนวน 2 ล้านหุ้น ได้ราคา 'สูงปี๊ด' สูงถึงหุ้นละ 624 บาท (พาร์ 10 บาท) เป็นเงิน 1,248 ล้านบาท

เช่นเดียวกับเมื่อครั้งที่ตัดสินใจ ขายหุ้นธุรกิจเคเบิลทีวี บริษัท อินเตอร์เนชั่นแนล บรอดคาสติ้ง คอร์ปอเรชั่น (IBC) ให้กับกลุ่มซีพี ช่วงที่กิจการเคเบิล กำลังอยู่ในวงจร 'ขาลง' พอดี

ซึ่งการขายหุ้นครั้งนั้น ทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ถูกพูดถึงมาตลอดว่า 'นายแน่มาก'

และครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน นักวิเคราะห์หลายโบรกฯ มองในมุมเดียวกันว่า ธุรกิจในเครือชินคอร์ป ได้เดินทางมาถึงจุดสูงสุดของวงจรแล้ว น่าจะเป็นเหตุผลที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เลือก 'ทางถอย' ในจังหวะที่ตัวเองยังมีอำนาจในการต่อรองล้นเหลือ และสอดคล้องกับจังหวะ 'หาทางลง' ให้กับความไม่แน่นอนทางการเมือง-ของตัวเอง

'นายกฯคนนี้มืออาชีพ เขาไม่ได้เพิ่งมาคุยเรื่องการขายหุ้น SHIN ให้กับสิงคโปร์ (เทมาเซค) จริงๆ แล้ว 'บุญคลี' (ปลั่งศิริ) เขาคุยเรื่องนี้มาตลอด ก่อนที่ 'สนธิ' (ลิ้มทองกุล) จะออกมาเคลื่อนไหวเสียอีก'

ผู้สังเกตการณ์รายหนึ่ง เล่าต่อว่า ครอบครัวชินวัตรเริ่มแสดงความเป็นมืออาชีพ 'ระดับอินเตอร์' ตั้งแต่ได้ 'บุญคลี ปลั่งศิริ' เข้ามานั่งในตำแหน่งประธานกรรมการบริหาร 'ชินคอร์ป' ครั้งนั้นเริ่มเห็นการ 'โอนหุ้น' ของครอบครัวชินวัตร ออกไปพักไว้ในต่างประเทศ ซึ่งธุรกรรมส่วนใหญ่เริ่มเกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2542 เรื่อยมาตลอด และทำผ่านประเทศสิงคโปร์ เป็นหลัก

ส่วน 'สิงคโปร์ เทเลคอม' (สิงเทล) ก็ไม่ได้เพิ่งมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับครอบครัวชินวัตร ตอนที่เข้ามาซื้อหุ้น ADVANC เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2542 จริงๆ แล้ว สิงเทล เข้ามาลงทุนหุ้น SHIN ก่อน ประมาณ 10% ตั้งแต่ต้นปี 2536...'เขาเริ่มรู้จักกันตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว'

ความเป็น 'อินเตอร์' ของ 'บุญคลี' เห็นชัดช่วงที่ 'สิงเทล' เข้ามาซื้อหุ้น ADVANC เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2542 จำนวน 50.30 ล้านหุ้น สัดส่วน 18.63% ในราคาหุ้นละ 230 บาท (มูลค่ารวม 11,569 ล้านบาท) หุ้นในส่วนของผู้ถือหุ้นเดิมที่ขายให้กับ สิงเทล ส่วนหนึ่งเป็นการโอนมาจาก บริษัท เช็งนิงตัน อินเวสเม้นส์ ที่ 'ชินคอร์ป' ไปจดทะเบียนไว้ที่ เกาะบริติช เวอร์จิ้น เวลาซื้อ-ขาย ก็เท่ากับเป็นการทำธุรกรรมกันนอกประเทศไทย

'ยุคนั้น บุญคลี กำลังวางแผนขยายการลงทุนไปต่างประเทศ ทำให้เขาเชี่ยวชาญเรื่องพวกนี้'

หลังจากดีล 'สิงเทล' ซื้อหุ้น ADVANC จบ ต่อมาในวันที่ 11 มิถุนายน 2542 พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ก็ใช้วิธีคล้ายกัน คือ โอนหุ้น SHIN ในพอร์ตของตัวเอง จำนวน 32.92 ล้านหุ้น (พาร์ 10 บาท) สัดส่วน 11.87% ไปไว้ในบริษัทที่จัดตั้งขึ้นใหม่ ที่ประเทศสิงคโปร์ ในชื่อ 'Ample Rich Investment' (พ.ต.ท.ทักษิณ ถือหุ้น 100%) ตั้งอยู่เลขที่ 185A โกลด์ฮิลล์ เซ็นเตอร์ ถนน ทอมสัน 51 ประเทศสิงคโปร์

ที่ซับซ้อนขึ้นไปอีก ก็คือ แรกๆ Ample Rich จะถือหุ้น SHIN โดยตรง ช่วงหลังก็มีการแตกหุ้นออกเป็น 2 ส่วน คือ ถือในนาม Ample Rich จำนวน 229.20 ล้านหุ้น (พาร์ 1 บาท) อีก 100 ล้านหุ้นก็เอาไปฝากไว้กับ 'UBS AG' สาขาสิงคโปร์ ซึ่งทำหน้าที่เป็น 'คัสโตรเดียน' (ผู้ถือหุ้นแทน)

'หุ้นจำนวน 100 ล้านหุ้น ที่ฝากไว้กับ 'คัสโตรเดียน' นี่แหละ!! ที่มีการเคลื่อนไหวเอามาซื้อ-ขายหมุนเวียนในกระดานต่างประเทศ มองผ่านรายชื่อผู้ถือหุ้นใหญ่จะมองไม่เห็น เพราะมีชื่อ 'UBS AG' กันเอาไว้แล้วชั้นหนึ่ง มาช่วงหลังโอนหุ้น SHIN ไปฝาก 'คัสโตรเดียน' ทั้ง 2 ก้อนเลย โดยก้อนแรกจำนวน 229.20 ล้านหุ้น ถือผ่าน UBS AG Singapore,Branch-PB Securities Client Custody อีกจำนวน 100 ล้านหุ้น ฝากไว้ในชื่อ UBS AG, Singapore Branch หุ้นพวกนี้จะเป็นตัวทำเงินอยู่นอกประเทศ'

ที่น่าสังเกตอีก ก็คือ ทั้ง 'UBS AG Singapore' และ 'สิงคโปร์ เทเลคอม' (สิงเทล) ก็เป็นบริษัทที่ถือหุ้นใหญ่โดย 'เทมาเซค โฮลดิ้ง' (กองทุนของรัฐบาลสิงคโปร์)

ถัดมาในวันที่ 1 กันยายน 2543 ก่อนที่พรรคไทยรักไทยจะชนะการเลือกตั้งครั้งใหญ่ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2544 (ยุครัฐบาลทักษิณ 1) พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ก็โอนหุ้นส่วนที่เหลืออีก 'ครึ่งหนึ่ง' จำนวน 32.92 ล้านหุ้น (พาร์ 10 บาท) สัดส่วน 11.21% ไปให้กับ 'น้องสาว' คนสุดท้อง 'นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร' จำนวน 2 ล้านหุ้น และอีก 30.92 ล้านหุ้น สัดส่วน 10.53% โอนไปให้กับ 'บุตรชาย' หัวแก้วหัวแหวน 'นายพานทองแท้ ชินวัตร'

ช่วงเวลาเดียวกัน คือ 1 กันยายน 2543 คุณหญิงพจมาน ชินวัตร ก็โอนหุ้นทั้งหมดจำนวน 69.30 ล้านหุ้น (พาร์10 บาท) สัดส่วน 23.59% ไปฝากไว้กับ 'พี่ชาย' นายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ จำนวน 26.82 ล้านหุ้น สัดส่วน 9.13% และไปไว้ในชื่อ 'บุตรชาย' นายพานทองแท้ ชินวัตร อีก 42.47 ล้านหุ้น สัดส่วน 14.46%

นี่คือการจัดสรรผลประโยชน์ครั้งสุดท้าย ก่อนวางมือลงสู่สนามทางการเมืองอย่างเต็มรูปแบบ ภายใต้คำถาม ที่อื้ออึงมาตลอดว่า การโอนหุ้นให้ 'พี่ชาย-บุตรชาย' ทำไม! กรมสรรพากรไม่เรียกเก็บภาษี

หลังจากนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน ต่อ ป.ป.ช.ในช่วงพ้นจากตำแหน่ง รมว.ศึกษาธิการ หลังจาก 'โอนทรัพย์สิน' ส่วนใหญ่ไปไว้ในชื่อบุตรชาย-บุตรสาว ว่า มีทรัพย์สินทั้งหมด 575.69 ล้านบาท โดยไม่มีหนี้สิน

ส่วนคุณหญิงพจมาน ภริยา มีทรัพย์สินทั้งหมด 9,756.29 ล้านบาท มีหนี้สิน 110.10 ล้านบาท รวมมีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 9,646.19 ล้านบาท

ก่อนหน้านั้น คุณหญิงพจมาน ก็ยังชนะการประมูลที่ดินแปลงใหญ่ใจกลางเมือง จำนวน 33 ไร่ 79 ตารางวา ด้านหลังศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย เยื้องสถานทูตเกาหลี ในราคา 772 ล้านบาท ยังไม่นับรวมที่ดิน 108 แปลง มูลค่า 387.76 ล้านบาท และบ้านอีก 4 หลัง มูลค่า 324 ล้านบาท เป็นทรัพย์สินที่อยู่ในรูป อสังหาริมทรัพย์

ในปี 2543 ช่วงที่ 'พรรคไทยรักไทย' กำลังเดินแผนสร้างคะแนนเสียงจากประชาชน ก่อนการเลือกตั้งใหญ่ เมื่อวันที่ 6 มกราคม 2544 ช่วงนั้น คุณหญิงพจมาน ชินวัตร บริจาคเงินสนับสนุนพรรคมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ สูงถึง 240 ล้านบาท และบริจาคเพิ่มขึ้นอีก 120 ล้านบาทในปี 2544 เพื่อสร้างฐานบารมีให้กับ 'สามี' เข้าบริหารประเทศในฐานะ 'นายกรัฐมนตรี'

นั่นคือจุดเริ่มต้นของ 'ตำนานความมั่งคั่ง' อย่างก้าวกระโดด ของครอบครัวชินวัตร ในยุคที่ 2 ยุคแห่งการเติบโต ยุคแห่งการล่าอาณานิคมทางธุรกิจ ภายใต้การนำธงของ 'กุนซือ' ผู้เยี่ยมยุทธ์ที่ชื่อ 'บุญคลี ปลั่งศิริ' ผู้เป็นทั้ง 'ผู้จุดคบไฟ' แห่งความรุ่งโรจน์ และเขากำลังจะ 'ปิดตำนาน..ชินวัตร' ภายหลังเซ็นสัญญาส่งไม้ต่อ ให้กับ 'กองทุนนักล่า' ที่มีรัฐบาลสิงคโปร์อยู่เบื้องหลัง




 

Create Date : 23 มกราคม 2549
8 comments
Last Update : 23 มกราคม 2549 2:29:14 น.
Counter : 973 Pageviews.

 

เก่งจัง เราเกิดกี่ชาติล่ะ ถึงจะได้อย่างนี้ เงินและเงินและเงิน ชาตินี้กินไม่หมดก้อนำไปให้ทานคนจนบ้างก็ได้ เกิดชาติหน้าจะได้รวยอย่างนี้อีก รวยแบบไม่มีที่สิ้นสุด

 

โดย: อยากรวยด้วยคน IP: 58.10.192.86 1 กันยายน 2549 17:30:05 น.  

 

คนเขารวยอยาสอิจฉากันเลยนะเขามีเส้นทางก็ปล่อยเขาไปเขาคงทามบูยมาเยอะ

 

โดย: นัท IP: 124.121.190.247 7 มิถุนายน 2551 0:37:59 น.  

 

เกิดมาบนโลกทั้งทีทำดีกันหน่อยซิคับ

 

โดย: ทำดีได้ไร IP: 114.128.123.112 26 กันยายน 2552 13:46:00 น.  

 

เธเธฃเธฃเธกเธเน‰เธญเน€เธฃเธทเนˆเธกเธ•เธฒเธกเธชเธ™เธญเธ‡เน€เธ‚เธฒเนเธฅเน‰เธง

 

โดย: เธ—เธณเธ”เธตเนƒเธ”เน‰เธ”เธต IP: 115.67.29.143 1 พฤศจิกายน 2552 21:26:04 น.  

 

ถึงคนไทยจะไม่ชอบเขา แต่คิดอีกด้านหนึ่งซิ เขามีความสามารถมาก ไม่มีใครจะทำได้เหมือนเขาหรอก เพราะว่าเขาเก่งงัย

 

โดย: คนเมือง IP: 119.31.126.141 21 ธันวาคม 2552 14:00:10 น.  

 

ทักษิณกูดไอเดีย



 

โดย: เก่ง IP: 10.0.0.144, 118.173.224.131 21 ธันวาคม 2552 15:50:10 น.  

 

เก่งมั่กมั่ก นับถือมานานมากเลย ไม่มีนายกหรือนักธุรกิจคนไหนทำได้แบบท่าน แน่นอน

 

โดย: ปูน IP: 125.27.175.225 11 กุมภาพันธ์ 2553 15:53:33 น.  

 

ตอนเขาเป็นนายกตอนนั้นผมรู้สึกว่าชาวบ้านแต่ละคนหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใสมีความหวังรู้สึกมีอนาคตค้าขายได้ขอให้ทำขายได้ทั้งนั้น..ผมไปทำงานที่ฮ่องกง..แอบทำ2เดือน3เดือนกลับทีเวลาผ่านด่านเขาถามว่ามาจากไหน..ผมยืดอกผูดได้เต๊มปาก..THAILAND..ภูมิใจจังอยากให้คนถามเยอะๆ..พอเกิดเหตุการปี.49ไปอีก..ฮ่องกง.เขาถามว่ามาทำไมบอกมาเทียวเขามองตั้งแต่หัวถึงเท้า..ด้วยสายตาดูแคลนเข้าห้องตรวดเช๊คประวัติแล้วส่งกลับไทย..ความภูมิใจคำว่า..THAILAND..หายหมดแล้วผมไม่เคยไปอีกเลย..อายรู้สึกไม่มั่นใจ..ทุกอย่างเอาที่ตัวเองสัมผัสได้

 

โดย: โอเร่ IP: 182.53.124.38 13 กรกฎาคม 2554 23:56:13 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.