โลกจะหมุนไปกับคุณ (Established on 7 January 2006) ........

thelegendary
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




web page counters
Group Blog
 
 
มกราคม 2549
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
11 มกราคม 2549
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add thelegendary's blog to your web]
Links
 

 

ปิดดีลประวัติศาสตร์ ชินคอร์ปเปลี่ยนมือแล้ว!


ชินวัตรขายยกพอร์ตให้เทมาเสก / ยิ่งลักษณ์ทิ้งเอไอเอส ปิดดีลชินคอร์ป 7 หมื่นล.

ตระกูลชินวัตรบรรลุข้อตกลงขายหุ้น ชินคอร์ป 1.1 ล้านหุ้นให้ เทมาเส็กผู้ถือหุ้นใหญ่

สิงเทล เทเลคอม เผยเบื้องหลังเจรจามาตั้งแต่ต้นปีที่แล้วโดยมีโกลด์ แมนซากส์ เป็นที่ปรึกษา

พิณทองทา-พานทองแท้รับเละหมื่นล้าน ด้าน "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร "เตรียมทิ้งเก้าอี้ใหญ่เอไอเอส หลังผู้ถือหุ้นใหม่เข้าบริหาร พนักงานระส่ำเช็คข่าวกันวุ่น คาดทิศทางใหม่ชินคอร์ปหลังทุนสิงคโปร์เข้าครอบขายทิ้งธุรกิจเหลือมือถืออย่างเดียว นักวิเคราะห์ประเมินครอบครัวชินวัตรกำเงินสดลงทุนธุรกิจพลังงานต่อ

แม้เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (10) บริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือบมจ. ชินคอร์ป ไม่ได้ออกมาแถลงเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นตามที่กระแสข่าวลือมาตลอดสัปดาห์ก่อนหน้านี้ หาก แหล่งข่าววงการธุรกิจเผย"ฐานเศรษฐกิจ"ว่า การเจราจาขายหุ้น ชินคอร์ป ซึ่ง

เป็นบริษัทแม่ของธุรกิจในกลุ่มชินวัตรที่ดำเนินมาตั้งแต่ต้นปีที่แล้วใกล้บรรลุข้อตกลงขั้นสุดท้ายแล้ว โดยตระกูลชินวัตรและดามาพงศ์ ตกลงที่จะขายหุ้น ชินคอปร์ ที่มีจำนวนรวมกัน 1,158,540,120 หุ้น หรือ 39.28 % ของทุนจดทะเบียนให้กับ เทมาเส็ค โฮลดิ้ง บริษัทเพื่อการลงทุนของรัฐบาลสิงคโปร์ ซึ่งถือหุ้นใหญ่ใน สิงเทล สทาเทจิค อินเวสเมนท์ หรือสิงเทล โดยมีโกลด์แมนซากส์ อินเวสเมนท์แบงกิ้งชื่อดังสัญชาติสหรัฐอเมริกาเป็นที่ปรึกษาการเจรจาซื้อ-ขายครั้งประวัติศาสตร์ครั้งนี้

พิณทองทา-พานทองแท้รับเละ

ทั้งนี้วันอังคารที่ 10 ที่ผ่านมา ราคาหุ้นชินคอร์ปปิด 45 บาทไม่เปลี่ยนแปลงจากวันก่อนหน้า หากใช้ราคาหุ้นชินคอร์ปเฉลี่ยสูงสุดต่ำสุดในรอบปี 2548 ที่ผ่านมาจะอยู่ที่ 40 บาทต่อหุ้น

(9 กุมภาพันธ์ 48 ราคาสูงสุด 47.75 บาทต่อหุ้น 26 พ.ค.48 ราคาต่ำสุด 33.75 บาทต่อหุ้น) เมื่อนำมาราคาเฉลี่ยของปี 2548 คือ 40 บาทต่อหุ้น คำนานกับจำนวนหุ้นที่ตระกูลชินวัตรจะขายทิ้งยกพอร์ต 1,158,540,120 หุ้นแล้วจะมีมูลค่าเท่ากับ 46, 341,604,800 บาท (สี่หมื่นหกพันสามร้อยสี่สิบเอ็นแปดร้อยล้านบาท) หากใช้ฐานราคาดังกล่าว น.ส.พิณทองทา ชินวัตร บุตรสาวคนโตของนายกรัฐมนตรี ซึ่งถือหุ้นสูงสุด จำนวน 440,000,000 หุ้นหรือ 14.67% จะได้รับเงินจากการขายถึง 17,600,000,000 บาท (หนึ่งหมื่นเจ็ดพันหกร้อยล้านบาทถ้วน)

ส่วน นายพานทองแท้ ชินวัตรซึ่งถือหุ้นในมือ 293,950,220 หุ้น หรือ 9.80%จะได้รับเงิน 11,778,009,200 ล้านบาท และการซื้อ-ขายครั้งนี้ถือว่ามีมูลค่าสูงสุดเท่าที่เคยมีการซื้อ-ขายกิจการผ่านตลาดหลักทรัพย์ฯในประเทศไทย

อย่างไรก็ตามวงการวิเคราะห์หลักทรัพย์เชื่อ่วาการซื้อ-ขายหุ้น ชินคอร์ประหว่างตระกูลชินวัตรกับเทมาเส็กราคาหุ้นน่าจะอยู่ระหว่าง 46-55 บาทต่อหุ้น หรือมูลค่าซื้อ-ขายจะอยู่ระหว่าง 68,000-81,825 ล้านบาทหรือ 70,000 ล้านบาทโดยเฉลี่ย

ยิ่งลักษณ์ทิ้งเอไอเอส

แหล่งข่าวเดียวกับระบุว่าขณะนี้ทั้ง 2 ฝ่ายกำลังเจรจาเกี่ยวกับบทบาทของผู้บริหารทั้ง 2 ฝ่ายโดยมีความเป็นไปได้ที่ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กรรมการผู้อำนวยการ บมจ.เอไอเอส ซึ่งเป็นน้องสาวคนเล็กของ นายกรัฐมนตรี จะลาออกจากบริษัทเพื่อไปบริหารกิจการของครอบครัวชินวัตรอย่าง บมจ.เอสซีแอสเซท ซึ่งถือเป็นกิจการส่วนตัวของคุณหญิง พจมาน ชินวัตร ภรรยา พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และผู้ก่อตั้งกลุ่มชินคอร์ป

แหล่งข่าวเดียวกันกล่าวต่อไปว่า เหตุผลที่ตระกูลชินวัตรขายหุ้นใน ชินคอร์ป แทนการขายหุ้น บมจ.เอไอเอส ซึ่ง สิงเทล กิจการในกลุ่มเทมาเส็ต ซึ่งถือหุ้นใน บมจ.เอไอเอส 19.26 % เพราะการขายหุ้น บมจ.ชินคอร์ป รายได้จะเข้าสู่ครอบครัวชินวัตรโดยตรงและมีความยุ่งยากด้านภาษีน้อยกว่า เมื่อเทียบกับการขายหุ้น บมจ.เอไอเอส


เบื้องหลังดีลประวัติศาสตร์

สำหรับเบื้องหลังการตัดใจขายทิ้ง บมจ.ชินคอร์ป ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกลุ่มชินวัตรที่กิจการในเครือมากมายที่โดดเด่น อาทิ เช่น บมจ.เอไอเอส บมจ.ชินแซทเทิลไล์ท บมจ.ไอทีวี บมจ.แคปิตอลโอเค บมจ.ไทยแอร์เอเชีย เป็นต้น เชื่อว่ามาจากแรงกดดันทางการเมืองในประเด็นผลประโยชน์ทับซ้อนทิ่ทิ่มแทงความชอบธรรมในการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมาโดยตลอด

ประกอบกับอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสื่อสารโทรคมนาคมกำลังเข้าสู่ช่วงเปลี่ยนยุคจากจีเอสเอ็มไปสู่ยุค 3 จี ซึ่งมีประสิทธิภาพในส่งผ่านข้อมูลและเสียงสูงกว่า ซึ่งประมาณว่าผู้เล่นในระบบจะต้องลงทุนเพิ่มไม่ต่ำกว่า 100,000 ล้านบาท ซึ่งทางตระกูลชินวัตรประเมินแล้วว่ามูลค่าการลงทุนสูงจนไม่แน่ใจว่าผลตอบแทนที่ได้กลับมาจะคุ้มค่าการลงทุนหรือไม่

"เรื่องขายหุ้นครั้งนี้ครอบครัวชินวัตรคิดมาตั้งนานแล้วคิดก่อนที่สถานการณ์การเมืองของท่านนายกทักษิณ อยู่ในช่วงขาลง และ เป็นช่วงที่จังหวะและโอกาสลงตัวเพราะตระกูลเบญจรงคกุล ได้ขายหุ้นให้กับเทเลนอร์ไปแล้วก่อนหน้านี้ทำให้ตระกูลชินวัตรยิ่งตัดสินใจเร็วขึ้น" แหล่งข่าวรายหนึ่งในความเห็น

ด้านแหล่งข่าวอีกรายเชื่อว่าการเดินทางไปสิงคโปร์ในช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 2549 ของ พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ ครอบครัวชินวัตรได้มีการลงนามบางประการกับเทมาเส็คแล้ว และเขายังกล่าวด้วยว่าการพุ่งขึ้นอย่างผิดคาดของภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นช่วงสัปดาห์แรกบางคนเชื่อว่าเป็นเพราะเงินจากสงคโปร์ที่ เข้าไปลงทุนเพื่อรอซื้อ บมจ.ชินคอร์ป


ทิศทางใหม่ชินคอร์ป

ส่วนทิศทางของกลุ่มชินคอร์ป่หลัง เทมาเส็ค เข้ามาถือหุ้นใหญ่จากการประมวลความเห็นนักวิเคราะห์ทางธุรกิจและผู้ติดตามความเป็นไปของธุรกิจในกลุ่มชินวัตรเชื่อว่า ในท้ายที่สุดเทมาเส็คจะเหลือ บมจ.เอไอเอส ไว้เพียงแห่งเดียวส่วนกิจการอื่นๆไม่ว่า ชินแซทเทิลไล์ท ไอทีวี คงขายเงินลงทุนให้กับผู้สนใจต่อไป นอกจากนี้การขายทิ้งหุ้น ชินคอร์ปของตระกูลชินวัตรจะส่งผลให้ บมจ.ไทยแอร์เอเชีย ขณะเดียวกันจากการที่กระแสข่าวตระกูลชินวัตรจะขายทิ้งชินคอร์ปที่โหมกระพือต่อเนื่องมาตั้งแต่ปลายปีที่แล้วส่งผลให้ พนักงานใน บมจ.เอไอเอส ต่างตรวจสอบข่าวกันวุ่นวายเพราะไม่แน่ใจว่าเป็นข่าวจริงหรือเท็จเนื่องจาก ทุกครั้งที่สื่อมวลชนรายงานข่าว นายบุญคลี ปลั่งศิริ ประธานกรรมการบริหาร บมจ.ชินคอร์ป จะออกมาปฏิเสธว่าไม่จริงทุกครั้ง


เป้าหมายใหม่ชินวัตร

ต่อการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของตระกูลชินวัตรเชื่อว่า รายได้จากการขายหุ้น ชินคอร์ป ที่มีมูลค่านับหมื่นล้านบาท จะถูกนำไปลงทุนในอุตสาหกรรมพลังงานที่มีอนาคตสดใส นักสังเกตุการณ์บางคนมีความเชื่อเช่นนั้นเพราะอุตสาหกรรมพลังงานอยู่ในช่วงขาขึ้นเพราะโอกาสที่ราคาจะกลับไปอยู่ที่ระดับเดิมเป็นไปไม่ได้แล้วทำให้ความเสี่ยงจากการลงทุนไม่ไม่สูงนัก และจากการตรวจสอบของ"ฐานเศรษฐกิจ"พบว่าปัจจุบันมีโรงกลั่นน้ำมันในไทย 7 แห่ง โดยหนึ่งในนั้นเป็นของ บมจ.ทีพีไอ โพลีน ของตระกูลเลี่ยวไพรัตน์ ที่มีกำลังผลิตถึง 215,000 บราเรลต่อวัน แต่ปัจจุบันใช้กำลังผลิตไม่เต็มที่เนื่องจากบริษัทอยู่ในขั้นตอนของการฟื้นฟูกิจการ

ด้านนายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ ผู้บริหารลูกหนี้ บมจ.ทีพีไอ กล่าวว่า ตนยังไม่ทราบเรื่องการขายโรงกลั่นทีพีไอแต่อย่างใด ขณะที่ผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการปฏิเสธว่า ไม่มีความจำเป็นต้องขายโรงกลั่นดังกล่าว เพราะเป็นสินทรัพย์หลักที่เป็นหัวใจของการดำเนินธุรกิจของทีพีไอ และ หากจะดำเนินการขายก็ต้องอาศัยแผนฟื้นฟูกิจการที่มีกลไกทางกฏหมายเข้ามาเกี่ยวข้องพอควรและที่ผ่านมาในแผนฟื้นฟูกิจการยังไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้และยืนยันไม่มีความจำเป็นต้องขายโรงกลั่นทีพีไอ

อนึ่งจนถึงวันที่ 10 มกราคม 2549 ยังไม่มีแถลงการณ์จาก บมจ.ชินคอร์ป และ เทมาเส็ค แต่อย่างใด


จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 2078 12 ม.ค.-14 ม.ค. 2549




 

Create Date : 11 มกราคม 2549
0 comments
Last Update : 12 มกราคม 2549 2:48:49 น.
Counter : 659 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.