แหล่งข่าวจากบริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ถึงรายละเอียดของรถยนต์นั่งขนาดเล็ก หรืออีโคคาร์ ฮอนด้า บริโอ้ ว่ารถรุ่นนี้เป็นรถยนต์รุ่นเริ่มต้นของฮอนด้าที่ต้องการขยายฐานลูกค้าให้ กว้างขึ้น โดยกลุ่มลูกค้ากลุ่มใหม่นี้จะสามารถพัฒนาเป็นลูกค้าถาวรของฮอนด้า ด้วยการเลือกซื้อรถยนต์รุ่นต่อไปของฮอนด้า ไม่ว่าจะเป็นซิตี้, แจ๊ซ, ฟรีด, ซีวิค, แอคคอร์ด รวมทั้งซีอาร์-วี

โดยฮอนด้าได้วางตำแหน่งของบริโอ้ว่าเป็นอีโคคาร์ที่มีความเหนือกว่าคู่แข่ง ให้มากกว่าพื้นฐานความต้องการอีโคคาร์ทั่วไป ด้วยการเน้นการออกแบบให้สปอร์ต ขับสนุก เพื่อเพิ่มคุณค่าทางอารมณ์และจิตใจด้วยความเป็นแบรนด์ของ "ฮอนด้า" และเพื่อให้ "บริโอ้" เป็นรถยนต์นั่งขนาดเล็กที่ตอบสนองการใช้งานในเมืองอย่างแท้จริง ภายใต้แนวคิด Urban Practical Small

พร้อมทั้งวางตำแหน่งของรถให้อยู่ในอันดับ 1 ของรถประเภทรถยนต์นั่งขนาดเล็ก หรือเอเซ็กเมนต์ เหนือกว่านิสสัน มาร์ช, เกีย ปิแคนโต้, โปรตอน แซฟวี่, นาซ่า ฟอร์ซ่า และเฌอรี่ คิวคิว

กลุ่มเป้าหมายของฮอนด้า บริโอ้ คือกลุ่มผู้ชายและผู้หญิงที่มีอายุระหว่าง 18-35 ปี สถานภาพโสดหรือแต่งงานในสัดส่วนเท่า ๆ กัน คือ 50/50 ประกอบอาชีพ พนักงานบริษัท, ข้าราชการ, นักศึกษา, แม่บ้าน, กลุ่มผู้เกษียณ และมีรายได้ต่อครอบครัวที่ 15,000-25,000 บาท

แหล่งข่าวยังกล่าวต่อไปว่า เมื่อเจาะเข้าไปในแต่ละกลุ่มของลูกค้าเป้าหมายจะพบว่า กลุ่มผู้ซื้อรถคันแรกคิดเป็น 30% โดยลูกค้ากลุ่มนี้จะเป็นกลุ่มผู้ใช้รถสาธารณะ หรือผู้ใช้รถจักรยานยนต์, กลุ่มผู้ซื้อเพิ่มคิดเป็น 40% เป็นกลุ่มที่เพิ่มจากคันเดิมที่มีอยู่ เนื่องจากใช้รถปิกอัพหรือรถยนต์ขนาดใหญ่ และกลุ่มผู้ที่ซื้อทดแทนคันเดิมอีก 30% แต่ต้องการสิ่งที่เหมือนกัน คือรถยนต์ประหยัดน้ำมัน ขับขี่คล่องตัว และประหยัดค่าใช้จ่าย

สำหรับสมรรถนะของเครื่องยนต์ฮอนด้า บริโอ้ มาพร้อมกับเครื่องยนต์ SOHC i-VTEC 1.2 ลิตร 90 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 110 นิวตัน-เมตร ที่ 4,800 รอบต่อนาที ต่างจากนิสสัน มาร์ช ที่ให้กำลังแค่ 79 แรงม้า

ระบบเกียร์ธรรมดา ซินโครเมท 5 สปีด และเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT ใหม่ ที่พัฒนานำเอาระบบทอร์คคอนเวอร์เตอร์มาใช้ พร้อมด้วยระบบล็อกอัพคอนโทรลที่พัฒนาขึ้นใหม่ ช่วยถ่ายทอดกำลังได้เต็มที่

พวงมาลัยแบบไฟฟ้า EPS ควบคุมด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ มีความแม่นยำ เพิ่มความคล่องตัวด้วยรัศมีวงเลี้ยวเพียง 4.5 เมตร ล้อขนาด 14 นิ้ว มีอัตราสิ้นเปลืองที่ 20 ก.ม./ลิตร ผ่านมาตรฐานความปลอดภัย UNECE 94 และ 95 และสามารถรองรับน้ำมันอี 20

ภายในห้องโดยสารเน้นความสะดวกสบาย พร้อมใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพ เบาะนั่งดีไซน์ใหม่ สีทูโทนเบจ เบาะด้านหลังสามารถพับได้ 100% ที่เก็บของด้านท้ายมีความจุถึง 175 ลิตร ที่หน้าปัดเป็นแบบมาตรวัด 3 วง แบบสปอร์ต พร้อมไฟแสดงผลการขับอีกแบบที่ประหยัด eco หากเครื่องยนต์และความเร็วคงที่ เครื่องเสียงเชื่อมต่อ USB และ AUX พร้อมแสดงข้อความ "WELCOME" "TO" "HONDA"

นอกจากนี้ในส่วนของเทคนิคการขายนั้น บริษัทยังได้เน้นให้ทีมขายได้ใช้แนวทางการนำเสนอขายแบบครบทุกด้าน อาทิ สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ (feature) ด้วยผลประโยชน์โดดเด่นที่ลูกค้าจะได้รับ (advantage) รวมทั้งหลักฐานอ้างอิง (benefit) เพื่อช่วยให้ผลประโยชน์นั้นชัดเจนยิ่งขึ้นและน่าเชื่อถือยิ่งขึ้น (evidence)

"เราจะเริ่มต้นตั้งแต่การเข้าหาลูกค้า เปิดการขาย หรือค้นหาความต้องการของลูกค้า และคาดการณ์ว่าต้องการสิ่งใด เช่น การถามความต้องการของลูกค้าตั้งแต่ปกติใช้รถวันละประมาณกี่กิโลเมตร ปัจจุบันประกอบอาชีพอะไรอยู่ สถานที่ทำงานอยู่ห่างจากบ้านมากน้อยแค่ไหน ซื้อรถยนต์เป็นคันแรกหรือไม่ ใครเป็นผู้ใช้รถ ขับส่วนใหญ่ในเมืองใช่หรือไม่ ออกต่างจังหวัดมากน้อยแค่ไหน ปัจจัยหลักในการคำนึงถึงการซื้อรถ อะไรคือเรื่องหลัก ชอบรถ 4 หรือ 5 ประตู หรือกำลังเปรียบกับรุ่นไหนหรือไม่ เป็นต้น" แหล่งข่าวกล่าว

นอกจากนี้เครื่องเสียงที่บริโอ้สามารถบันทึกคลื่นสถานีเอฟเอ็ม 30 คลื่น เอเอ็ม 30 คลื่น เชื่อมต่อ USB และ AUX ขณะที่คู่แข่งมีน้อยกว่า รวมถึงพื้นของกระจกมองข้าง กระจกบังลมหน้า บังลมหลังขนาดใหญ่ พร้อมลดการปรับองศากระจกด้านข้างคู่หน้าให้ลาดเอียงเพิ่มขึ้น เพิ่มทัศนวิสัยในการขับขี่

สำหรับฮอนด้า บริโอ้ มีให้เลือกทั้งหมด 3 รุ่น คือรุ่นเอส เกียร์ธรรมดา รุ่นวี เกียร์ธรรมดา และรุ่นท็อป หรือรุ่นวี เกียร์อัตโนมัติ มีให้เลือกทั้งหมด 5 สี คือขาวทาฟเฟต้า เงินอลายาสเตอร์ (เมทัลลิก) ดำคราตัล (มุก) ฟ้าเซรูเลียน (เมทัลลิก) และสีใหม่ เขียวเฟรชไลน์ (เมทัลลิก)

ส่วนกลยุทธ์การตลาด นอกจากจะใช้พรีเซ็นเตอร์อย่าง "หมาก′′ ปริญ สุภารัตน์" และ ′′ญาญ่า′′ อุรัสยา สเปอร์บันด์ มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ ร่วมนำเสนอผลิตภัณฑ์ให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายมากขึ้นด้วย พร้อมกันนี้ฮอนด้าจะยังคงใช้กลยุทธ์ "ป่าล้อมเมือง" สร้างกระแสในพื้นที่ต่างจังหวัด ขณะที่โชว์รูมทั่วประเทศเองก็จะมีการแบ่งพื้นที่อย่างเป็นสัดส่วนเพื่อนำ เสนออีโคคาร์ฮอนด้า บริโอ้ โดยเฉพาะด้วย

ก่อนหน้านี้ นายอาซึชิ ฟูจิโมโตะ ประธานบริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ปีนี้น่าจะเป็นปีทองของฮอนด้า บริษัทคาดการณ์ว่าผลประกอบการจะเติบโตแบบก้าวกระโดด ตามแผนที่วางไว้บริษัทจะส่งรถยนต์รุ่นใหม่มาสนับสนุนทุกไตรมาสตลอดทั้งปี เริ่มจากไตรมาสแรกส่งแจ๊ซ ไมเนอร์เชนจ์ ตามด้วยอีโคคาร์อย่างฮอนด้า บริโอ้ ทำตลาด ซึ่งเชื่อว่าเสียงตอบรับน่าจะถล่มทลาย และในช่วงไตรมาส 3 ก็พร้อมส่งนิวซีวิค โมเดลเชนจ์ ถล่มตลาดเก๋งกลางอีกระลอก ก่อนปิดฉากปีด้วยงานมอเตอร์เอ็กซ์โป

"ปีนี้ฮอนด้าจะทำตัวเลขได้ถึง 145,000 คัน โดยจำนวนนี้คาดว่า 100,000 คันนั้นจะเป็นรถยนต์นั่งขนาดเล็กอย่างแจ๊ซ ซิตี้ และบริโอ้ เพิ่มขึ้นจากปี 2553 ที่ผ่านมาซึ่งทำได้ 114,000 คัน ส่วนยอดขายรวมทั้งตลาดน่าจะแตะระดับ 850,000 คัน บริโอ้จะช่วยขยายฐานลูกค้าให้กว้างขึ้น และจะเป็นสินค้าตัวหลักของเราในปีนี้ เพราะฉะนั้นเรากำลังจะขยายฐานลูกค้าออกไปต่างจังหวัดให้มากขึ้นด้วย" นายฟูจิโมโตะกล่าว

ส่วนแผนการรุกและรับตลาดเก๋งเล็กที่จะมีอีโคคาร์มากระทบ ฮอนด้าได้พยายามวางแคแร็กเตอร์ของรถแต่ละรุ่นแต่ละโมเดลไว้อย่างชัดเจน ก่อนหน้านี้อาจจะมีความกังวลว่าอีโคคาร์จะกินส่วนแบ่งกันเอง แต่วันนี้ ฮอนด้า แจ๊ซ ถูกวางให้เป็นรถยนต์นั่งขนาดเล็กที่มีความอเนกประสงค์ ขับขี่สนุก และมีความคล่องตัวสูง ขณะที่อีโคคาร์นั้นมุ่งเน้นไปที่ความประหยัด

Create Date : 17 มีนาคม 2554
Last Update : 17 มีนาคม 2554 13:13:05 น.		2 comments
Counter : 1179 Pageviews.
Share Tweet