เมื่อประมาณ 50 วันที่แล้ว หลุยส์ ฟาน กัล ยังเป็นฮีโร่ผู้พาทีมชาติฮอลแลนด์ คว้าอันดับ 3 ในศึกฟุตบอลโลก 2014 และแฟนบอล แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็ปลาบปลื้มใจมากที่ได้กุนซือชาวดัตช์รายนี้ มาคุมทัพ หลังจากต้องผิดหวังกับ เดวิด มอยส์ เมื่อฤดูกาลก่อน

        แต่แล้วภายในเวลาไม่ถึง 2 เดือนที่ร่วมงานกัน สาวก “เร้ด อาร์มี่” ก็เริ่มสงสัยว่า ฟาน กัล จะนำทีมทำผลงานได้ดีกว่า มอยส์ จริงๆหรือเปล่า เพราะหลังออกสตาร์ทสวยหรูในการทัวร์อุ่นเครื่องที่สหรัฐอเมริกา “ปีศาจแดง” กลับยังควานหาชัยชนะไม่เจอในการเตะแมตช์อย่างเป็นทางการ 3 เกมแรก โดยแรงกดดันเริ่มมีมากขึ้น หลังต้องตกรอบ 2 แคปปิตอล วัน คัพ ไปเรียบร้อยแล้ว เพราะโดน มิลตัน คีย์น ดอนส์ ทีมจาก ลีก วัน ถล่มแบบยับเยิน 4-0 คาสนาม สเตเดี้ยม เอ็มเค เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา

ทีมพรีเมียร์ลีก สามารถตกรอบแรกๆรายการนี้กันได้ วันเดียวกัน เบิร์นลี่ย์, เลสเตอร์ ซิตี้ และ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ก็เอาตัวไม่รอด แต่ไม่ควรจะเป็นยักษ์ใหญ่อย่าง แมนฯ ยูไนเต็ด โดยเฉพาะในช่วงเวลาแบบนี้ ฟาน กัล พยายามจัดตัวหลักในทีมชุดใหญ่บางคน เช่น ดาบิด เด เคอา, จอนนี่ อีแวนส์ รวมถึง แดนนี่ เวลเบ็ค ลงสนามร่วมกับ รีซ เจมส์, ไซดี้ ยานโก้, มาร์นิค เวอร์มิล และ ไมเคิ่ล คีน ลงสนามร่วมกัน ซึ่งครึ่งแรกก็ถือว่าทำผลงานได้ไม่เลว แต่ครึ่งหลังไม่ต้องพูดอะไรมาก เพราะเสียถึง 3 ประตูใน 21 นาที

ฟาน กัล มักออกสตาร์ทในการคุมทัพไม่ค่อยดีนัก ตั้งแต่รับตำแหน่งที่ อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม ในเดือนกันยายน 1991 ทีมของเขาไม่ชนะ 3 แมตช์แรกที่ทำศึก เอเรดิวิซี่ นอกรัง ตอนคุม บาร์เซโลน่า เริ่มต้นด้วยการแพ้ เรอัล มาดริด 1-4 ในศึกซูเปอร์โกปา ก่อนกลับมาชนะ 6 เกมรวดในลีก ฤดูกาล 2008-09 เอแซด อัล์คมาร์ ของ ฟาน กัล ทำสถิติไร้พ่าย 28 เกมรวด จนได้แชมป์ลีกดัตช์ ทั้งๆออกสตาร์ทด้วยการแพ้ทั้ง 2 นัดแรก พอไปอยู่ บาเยิร์น มิวนิค 3 แมตช์แรกไม่ชนะเลย อยู่อันดับ 8 เมื่อผ่าน 8 นัด แต่จากนั้นก็กลายเป็นแชมป์ลีกเยอรมันปี 2010
แมนฯ ยูไนเต็ด เคยตกรอบ 2 ลีก คัพ หนสุดท้ายเมื่อปี 1995 โดยตอนนั้นเตะแบบเหย้า-เยือนกับ ยอร์ค ซิตี้ แล้วแพ้นัดแรก 0-3 คารัง โอลด์ แทรฟฟอร์ด ทั้งๆมี แกรี่ พัลลิสเตอร์, ลี ชาร์ป, ไรอัน กิ๊กส์ และ เดวิด เบ็คแฮม ในสนาม แม้แมตช์ที่ 2 ชนะ 3-1 พวกเขาต้องตกรอบด้วยประตูรวม 3-4 แต่ฤดูกาล 1995-96 “ปีศาจแดง” กลับมาเป็นดับเบิ้ลแชมป์ ด้วยการเหมาที่เหลืออีก 2 ถ้วยในประเทศ ดังนั้นการตกรอบ ลีก คัพ อาจไม่สำคัญเท่ากับหาจุดเปลี่ยนให้ได้โดยเร็ว จากนั้นก็พยายามทำผลงานให้ดีอย่างต่อเนื่อง
เมื่อฤดูกาลก่อน แมนฯ ยูไนเต็ด ที่มี มอยส์ คุมทัพ สามารถผ่านเข้าถึงรอบรองชนะเลิศ ลีก คัพ โดยชนะ 3 ทีมพรีเมียร์ลีก คือ ลิเวอร์พูล, นอริช ซิตี้ กับ สโต๊ค ซิตี้ แบบไม่เสียประตู ก่อนเสียท่าให้ ซันเดอร์แลนด์ หลังผลัดกันชนะ 2-1 คนละนัด และ “ปีศาจแดง” พ่ายในการดวลจุดโทษ 1-2
ตอนนี้คงมีแต่คนตำหนิ ฟาน กัล และนำไปเปรียบเทียบกับ มอยส์ แบบหลีกเลี่ยงไม่ได้ สิ่งที่ดีสุดสำหรับ สาวก “เร้ด อาร์มี่” คืออดทนรอคอยวันที่ฟ้าใหม่จะมาถึง ซึ่งหวังว่าเป็นการเจอ เบิร์นลี่ย์ ช่วงสุดสัปดาห์นี้ เพราะไม่เช่นนั้นทุกอย่างจะยิ่งแย่ลง โดยเฉพาะความเชื่อมั่นที่เกือบไม่เหลือแล้ว

ตัวเลขที่น่าสนใจของเกม มิลตัน คีย์น ดอนส์ กับ แมนฯ ยูไนเต็ด
300/1 – เป็นอัตราต่อรองที่ มิลตัน คีย์นส์ ดอนส์ จะชนะ 4-0 ซึ่งบริษัทรับพนันถูกกฏหมายในอังกฤษ เปิดก่อนเกม
1995 – ครั้งสุดท้ายที่ แมนฯ ยูไนเเต็ด ตกรอบสอง ลีก คัพ หริอ 19 ฤดูกาลที่แล้ว ก่อนได้ทั้งแชมป์พรีเมียร์ลีก และ เอฟเอ คัพ
17 – มิลตัน คีย์น ดอนส์ ยิงประตูคู่แข่งได้ 17 ลูก จากการเตะ ลีก คัพ 18 เกม หนสุดท้ายที่ยิงไม่ได้คือตอนแพ้ ซันเดอร์แลนด์ 0-2 เมื่อปี 2012
4 – แมนฯ ยูไนเต็ด ตกรอบเพราะทีมต่างดิวิชั่น ครั้งที่ 4 ในรอบ 9 ปีล่าสุด ประกอบด้วย มิลตัน คีย์น ดอนส์ (2014), คริสตัล พาเลซ (2011), โคเวนทรี ซิตี้ (2007) และ เซาธ์เอนด์ ยูไนเต็ด (2006)
4-0 – ครั้งสุดท้ายที่ แมนฯ ยูไนเต็ด แพ้ 0-4 ก็เป็นเกม ลีก คัพ เหมือนกัน คือตอนที่โดน โจนาธาน สเป็คเตอร์ กับ คาร์ลตัน โคล หวดคนละ 2 ประตู ในรอบที่ห้าปี 2010
4 – แม้ หลุยส์ ฟาน กัล ยืนยันว่า “ปีศาจแดง” มีโอกาสมากในเกมนี้ แต่ความเป็นจริงคือพวกเขายิงเข้ากรอบเพียงแค่ 4 ครั้งเท่านั้น
173.1 – จำนวนเงินที่ “ปีศาจแดง” ใช้เสริมทัพในฤดูกาลนี้ มากกว่าทุกทีมในเกาะอังกฤษ อังเคล ดิ มาเรีย ปีกอาร์เจนไตน์ ที่ได้มาเป็นรายล่าสุด ก็เป็นเจ้าของสถิตินักเตะค่าตัวแพงที่สุดในเมืองผู้ดี
4 – มันไม่ใช่คืนที่ดีสำหรับ แมนฯ ยูไนเต็ด จริงๆ เพราะนี่คือหนแรกในประวัติศาสตร์ที่พวกเขาเสียถึง 4 ประตู ในการแข่งขัน ลีก คัพ กับทีมที่อยู่ลีกต่ำกว่า

สถิติการตกรอบแบบสุดช็อกในศึก ลีก คัพ ของ แมนฯ ยูไนเต็ด
2011-12 – รอบก่อนรองชนะเลิศ: แพ้คาบ้าน 1-2 หลังการต่อเวลา ให้ คริสตัล พาเลซ ซึ่งตอนนั้นอยู่ลีกแชมเปี้ยนชิพ คารัง โอลด์ แทรฟฟอร์ด 11 ผู้เล่นตัวจริง “ปีศาจแดง” ในวันนั้นมี ดิมิตาร์ เบอร์บาตอฟ, คริส สมอลลิ่ง, พาร์ค ชี-ซอง, จอนนี่ อีแวนส์ และ อันโตนิโอ วาเลนเซีย
2007-08 – รอบสาม: พ่ายให้ทีมระดับแชมเปี้ยนชิพคือ โคเวนทรี ซิตี้ 0-2 ในสนาม โอลด์ แทรฟฟอร์ด โดย ไมเคิ่ล มิฟซุด กองหน้าทีมชาติมอลตา ซัดคนเดียว 2 ประตู ส่วน แดนนี่ ซิมป์สัน กับ จอนนี่ อีแวนส์ ลงเล่นนัดแรกกับทีมชุดใหญ่ของ “ปีศาจแดง”
2006-07 – รอบสี่: เฟร็ดดี้ อีสต์วู้ด ซัดประตูชัยจากการซัดฟรีคิกให้ เซาธ์เอนด์ ยูไนเต็ด ชนะ 1-0 ในสนาม รูตส์ ฮอลล์ ขณะ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ไม่สามารถยิงผ่านมือ ดาร์รีล ฟลาฮาแวน ได้เลยตลอดทั้งเกม
1997-98 – รอบสาม: อิปสวิช ทาวน์ เปิดบ้าน ปอร์ทแมน โร้ด ชนะไปได้ 2-0 หนึ่งในนั้นมาจากการยิงไกลชอง เมาริซิโอ ทาริคโก้ กองหลังชาวอาร์เจนไตน์
1995-96 – รอบสอง: ยอร์ค ซิตี้ ได้ พอล บาร์นส์ สังหารคนเดียว 2 ประตู ช่วยให้พวกเขาบุกมาชนะถึงรัง โอลด์ แทรฟฟอร์ด 3-0 โดยปีต่อมา อลัน ลิตเติ้ล กุนซือ ยอร์ค คนเดิม ก็ยังสามารถนำทีมชนะ เอฟเวอร์ตัน 3-2 ในการเตะรายการนี้ได้อีก
1990-91 – รอบชิงชนะเลิศ: ตัวเต็งอย่าง แมนฯ ยูไนเต็ด พลิกล็อกพ่าย เชฟฟิลด์ เว้นส์เดย์ ซึ่งอยู่ดิวิชั่น 2 และคุมทัพโดย รอน แอ็ตกินสัน อดีตกุนซือ “ปีศาจแดง” 0-1 ที่เวมบลีย์
1986-87 – รอบสาม: รอน แอ็ตกินสัน ถูก แมนฯ ยูไนเต็ด สั่งปลดจากตำแหน่งผู้จัดการทีม หลังพ่าย เซาธ์แฮมป์ตัน 1-4 ในนัดรีเพลย์ และทำให้ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ได้เข้ามากุมบังเหียนแทนในเวลาต่อมา
1983-84 – รอบสี่: อ็อกซ์ฟอร์ด ยูไนเต็ด ของ จิม สมิธ อยู่ดิวิชั่น 3 แต่สามารถชนะ “ปีศาจแดง” ที่มาเยือน เมเนอร์ กราวนด์ 2-1 ในนัดรีเพลย์นัดที่ 2 (เสมอ 1-1 ทั้ง 2 นัดก่อนหน้านั้น)
1978-79 – รอบสาม: ลูเธอร์ บลิสเซ็ตต์ ซัด 2 ประตู ทำให้ วัตฟอร์ด จากดิวิชั่น 3 บุกมาชนะที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด 2-1 โดย แมนฯ ยูไนเต็ด มีทั้ง แซมมี่ แม็คอิลรอย, ไบรอัน กรีนฮอฟฟ์, สตีฟ ค็อปเปลล์ และ โจ จอร์แดน
1972-73 – รอบสาม: แฟร้งค์ โอฟาร์เรลล์ กุนซือ “ปีศาจแดง” พาทีมพ่าย บริสตอล โรเวอร์ส ทีมดิวิชั่น 3 คาบ้าน 1-2 ในนัดรีเพลย์ ฤดูกาลนั้นทีมของนักเตะระดับตำนานอย่าง บ๊อบบี้ ชาร์ลตัน, เดนิส ลอว์ และ จอร์จ เบสท์ จบด้วยอันดับ 18 ในดิวิชั่น 1

นาร์ซีส์ซัส