K@K@ & The Reds go M@rching On.
Group Blog
 
 
มกราคม 2550
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
10 มกราคม 2550
 
All Blogs
 
" หมาจรจัด "

บ่ายแก่ๆ วันหนึ่ง ที่ร้านอาหารทะเล “ ป้ายา “

ร้านอาหาร “ ป้ายา “ เป็นหนึ่งในบรรดาหลายๆร้าน ที่ตั้งอยู่บนแนวชายหาดแม่รำพึง จ. ระยอง

ใครที่ชอบไปเที่ยว เกาะเสม็ด หรือหาดต่างๆ ในละแวก บริเวณ ใกล้เคียง จ. ระยอง ผมเชื่อว่าส่วนใหญ่จะต้องเคยมาแวะทานอาหารที่บริเวณ ชายหาดแม่รำพึง เนื่องด้วยความสดของอาหาร และราคาที่ค่อนข้างจะไม่แพง....


บ่ายวันนั้น ผมและเพื่อนๆอีกสามคนก็ ได้แวะมาทานอาหารที่ร้าน” ป้ายา “ หลังจากที่ข้ามฝั่งกลับมาจาก เกาะเสม็ด ตามธรรมเนียมที่ พวกเราปฏิบัติกัน ก่อนที่จะเดินทางกลับกรุงเทพฯ

บรรยากาศในร้าน ยังคงพลุกพล่าน เต็มไปด้วยลูกค้า มากหน้าหลายตาเช่น ทุกครั้งที่เรามาเยือน

“ หอยเชลล์อบเนย “
“ ปลาเก๋าราดพริก “
“ กุ้งเผา, ปูเผา “ ฯลฯ

เสียงสั่งอาหาร ดังไปทั่วบริเวณ เด็กเสริฟในร้านก็ขมีขมัน พากันแยกย้ายไปดูแลลูกค้าแต่ละโต๊ะ......

ระหว่างที่นั่งรอ อาหารที่สั่งไป สายตาผมก้อเกี่ยวกวาดไปตามสภาวะแวดล้อมข้างๆ รอบตัว ตามประสาคนสายตาอยู่ไม่สุข มองสำรวจไปทั่ว เท่าที่จะทำได้ โดยไม่เสียมรรยาท ต่อผู้อื่น ..

แล้วความสนใจ ของผมมันก็มาหยุดอยู่ที่โต๊ะข้างๆ ซึ่งพกพาเจ้าสุนัข พันธ์ ปอมๆ เมอร์ริเนียน สุดแสนจะน่ารักมาด้วย …

พวกเราสี่คน ตามประสาคนรักหมา มีหมาเป็นของตัวเองกันทุกคน ก้อหยอกล้อมัน ด้วยความเอ็นดู .....

ส่วนเจ้าของมันก็สาละวน อยู่กับการแกะกุ้ง ฉีกไก่ให้มันกิน ... ป้อนกันไป เช็ดปากกันไป ฯลฯ

สารพัด ในแบบฉบับที่คนรักหมาเหมือนลูก เค้าทำกัน

หลังจากชื่นชมในความน่ารัก ของหมาคนอื่นเสร็จสรรพ ผมก็เปลี่ยนบรรยากาศ เบี่ยงเบน สายตาไปทางชายหาด ที่ ไม่ค่อยจะมีใครสนใจ เนื่องด้วยเพราะอากาศมันร้อน กอปรกับน้ำทะเลที่มันออกจะดำๆ หาดทรายที่ขี้เหร่ ไม่เหมาะกับการเล่นน้ำทะเลเท่าไหร่นัก ......

สายตาผมก็ต้องไป เจอะเจอ เข้ากับ หมาจรจัด ตัวหนึ่ง ที่มันนอนแบบไร้เรี่ยวแรงอยู่ใต้โต๊ะอาหาร ในส่วนที่อยู่นอกร้าน ไม่มีคนนั่ง ...

ทีแรก ก็เฉยๆ ไม่ได้อะไรเท่าไหร่ มันเป็นเรื่องธรรมดา ที่ประสบพบเห็นอยู่ได้โดย ทั่วไปอยู่แล้ว ผมไม่ได้สะดุดตาอะไรมากมายนักหรอก

ก็นะ ..... ผมไม่ใช่ ผู้เข้าประกวด นางสาวไทย หรือ มิสเตอร์เจนเติลแมน หรือบรรดา พวกที่เข้าร่วมการประกวด เล่นเกมแข่งขัน ในรายการ เรียลลิตี้ โชว์ทั้งหลาย ที่เกลื่อนเมืองอยู่ในเวลานี้นี่ จะได้ต้องคอยทำตัวมีเมตตา เป็นคนดี ปราถนาดีกับสิ่งมีชีวิต รอบๆข้างกาย ต้องแสดงออกแบบทนไม่ได้กับความโหดร้าย ของโลกมนุษย์

แต่จากสภาพร่างกายที่สุดยับเยิน ของมัน ขี้เรื้อนกินไปทั้งตัวเห็นจะได้ บวกกับท่าทีที่ดูเหนื่อยล้า แต่แววตา ตื่นตระหนก เหมือนกับกลัวว่าจะโดนไล่ ออกไปจากพื้นที่ ที่มัน มานอน หลบแดดอยู่ใต้โต๊ะตรงนั้น


ทำให้ผมอดเวทนามันไม่ได้ ....

อาหารที่สั่งไว้ เริ่มทยอย มาเสริฟ จนเต็มโต๊ะแล้ว

กลิ่นหอมของมัน บวกกับท้องที่ร้อง จ๊อกๆ มาตั้งแต่ตอนเที่ยง ดึงดูดความสนใจของผมออกไปจาก เจ้าหมาจรจัดตัวนั้นได้ อย่างสิ้นเชิง ....

ประมาณ หนึ่ง ชม.เห็นจะได้ ..... กับเวลา ที่พวกเราสวาปามอาหารบนโต๊ะจนเสร็จสรรพ .......

หลังจากจัดการธุระบนโต๊ะอาหารเสร็จ สายตาของผมก็เริ่มกลับไปสำรวจสิ่งที่อยู่รอบๆตัวเองอีกครั้ง ...

โต๊ะข้างๆ สงครามกับอาหาร ก็ เสร็จสิ้นลง แทบจะพร้อมๆกัน

แต่เจ้าของโต๊ะข้างๆ ก็ยังไม่หยุดพะเน้าพะนอ เจ้าปอมๆ ตัวโปรด แกะกุ้งให้ลูกรักกินอยู่

แต่มันเมินแล้ว ..... ไม่สนใจใยดี ในกุ้งเผา ราคา กิโลละ หกร้อยกว่าบาท แบบน่าหมั่นไส้

ไม่ใช่ความผิดของมันหรอก มันคงอิ่มเต็มทีแล้วน่ะ


ระหว่างที่ผมกำลังเหล่ๆ กับเจ้า ปอมๆ ที่ถูกปรนนิบัติแบบ V.I.D. ( very important dog ) ด้วยความหมั่นไส้อยู่นั้นเอง ...... สายตาก็เหลือบไปเห็นเจ้า หมาจรจัด หิวโซ ตัวนั้นอีกที

มันมองกลับมาแว้บ หนึ่ง แล้วก็หันกลับไป แบบไม่ยี่หระ ไม่สนใจ ไม่คาดหวังอะไรทั้งสิ้น

ครั้งแรก ผมแปลกใจ ว่าทำไมมันถึงมีกิริยาอาการแบบนั้น หมาสภาพแบบมัน ไม่น่าจะหยิ่งได้นะ

แต่หลังจากที่ทำความเข้าใจ มันก็ฟ้องออกมาได้ว่า ท่าทางที่มันแสดงออก ต่อมนุษย์นั้น ก็คงเกิดจาก ความเคยชิน ที่มันได้รับการปฏิบัติจากมนุษย์ส่วนใหญ่ ที่คงจะค่อนข้างไปทางรังเกียจ ขับไล่ไสส่ง ทุบตีมันมากกว่า ....ซึ่งสาเหตุ ก็คงมาจาก สภาพความน่ารังเกียจ ของร่างกาย ความขี้เรื้อนของมัน ที่ไม่ได้มีความน่ารัก น่าเอ็นดู เป็นแรงดึงดูดให้ มนุษย์อย่างเรา เข้าไปแสดงความพิศวาสกับมันได้เลยนั่นเอง ...


มันคงเจียมตัว .....พอๆ กับเข็ดขยาด พฤติกรรม ของมนุษย์ใจร้าย ที่กระทำต่อมันมั้ง ? ...

แล้ว มันก็ คอนเฟิร์มความคิดของผม ด้วยการทำท่า หวาดกลัว ขยับตัวหนี เมื่อผมเอาเศษหัวปลาที่เหลืออยู่บนโต๊ะ ไปให้มันกิน


“ โห พี่ ดูมันกินสิ มันคงหิวมากเลยนะ กินแบบไม่หายใจ หายคอ เลย “

“ อื่ออออ พี่ มันคงหิวจัดล่ะ หัวปลาแบบนี้ เจ้าดิว หมาที่บ้านหนู มันไม่เคยแลเลย “

นานา ทรรศนะ ของ น้องๆร่วมโต๊ะอาหาร ที่มีให้กับ ท่าทางการกินเพื่อประทังชีวิตของสัตว์โลกผู้ยากไร้ ตัวนั้น .....

ผมนั่งดู มันกินหัวปลานั้น ด้วยความรู้สึกแปลกๆ มันโหวงๆในอกอย่างไรไม่รู้ ทั้งๆที่ผมก็เพิ่งจะอิ่มกับอาหารมื้อใหญ่ ไปหมาดๆ

พอมันกินหัวปลาเสร็จ ท่าทางมันเป็นมิตรกับพวกเรามากขึ้น แล้วมันก็ทำตาละห้อย มองมายังที่โต๊ะพวกเรา เหมือนกับว่า ???

เหมือนกับว่าอะไร ผมก็อธิบายไม่ได้เหมือนกัน ....

จะบอกว่า เหมือนกับสายตา ของมนุษย์อย่างพวกเรา ที่เฝ้ารอ อาหารจานต่อไปที่จะมาเสริฟ เพียงเพื่อไม่ให้ขาดตอน เพียงเพื่อไม่ให้ขาดช่วง กับการเพลิดเพลิน ลิ้มรส ในอาหารรสเลิศ ยังงั้นล่ะหรือ ?

ไม่ใช่หรอก สายตา มันดูจริงจัง มุ่งมั่น เว้าวอน มากกว่านั้น

คงเพื่อความอยู่รอด ของชีวิต กระมัง ?

สุดท้าย ผมก็เอาข้าวที่เหลืออยู่ มาคลุกกับ เศษอาหาร แล้วเอาใส่กล่องโฟม ไปให้มันกิน .....

ตอนที่ผมเดินเอาไปให้มันนั้น ... มันก็ยังคงมีอาการหวาดกลัวอยู่บ้างเล็กน้อย

ผมประเมินเอาว่า มันยังคงไม่ไว้ใจผม ....

เหมือนกับที่ไม่ไว้ใจ หมาจรจัดตัวอื่นๆ ที่แข็งแรงกว่ามัน จะมาแย่งมันกิน .....

ไม่ไว้ใจ เจ้าของร้าน ที่ทำท่าเหมือนกับว่า ผมเอาอาหารไปให้มันกินทำไม ยิ่งอยากจะไล่ๆให้มันไปพ้นๆ ร้านอยู่ .......

แต่ ณ. เวลานั้น มันพอจะกินข้าวได้แบบสบายใจบ้าง ...

คงเป็น เพราะผมมองปรามเจ้าของร้าน ในแบบที่ว่ามันเป็นแขกของผม ..

ผมชู่วววว ปาก ไล่ไอ้หมาเจ้าถิ่นตัวโต ที่ เดินวางก้าม มาเกาะแกะมัน ......


ผมนั่งดูมัน กินข้าวมื้อนั้นแบบหิวกระหาย ในความรู้สึกที่ว่า เศษอาหารมื้อหนึ่ง มันมีค่า มีความหมาย กับ ชีวิตๆ หนึ่ง ได้มากขนาดนี้เลยเหรอ


พอมันกินข้าวหมด มันลุกขึ้นวิ่งแบบมีชีวิตชีวา แล้วหันมามองทางพวกเราแว้บนึง ผมรู้สึกว่ามันก็คงอยากจะวิ่งมาหาเรา มาแสดงความขอบคุณเราเหมือนกันนะ .....แต่จากพื้นฐานความสัมพันธ์ ที่เลวร้าย ระหว่างมันกับมนุษย์ มันคงเคยชิน ฝังใจ กับการแสดงความรังเกียจจากมนุษย์ที่มีต่อมัน จนเกิดความรู้สึกลงลึกเข้าไปใน สัญชาติญาณว่า ไม่มีใครอยากให้มันเข้าใกล้แล้วล่ะ......

ผมไม่ว่าอะไรมันหรอก ผมเข้าใจ ....


มันหยุดยืนมองพวกเรา อยู่เพียงชั่วครู่ เสร็จแล้ว ก็ วิ่งออกไปตามแนวชายหาด .....ท่าทางมันเร่งรีบมาก

ไม่รู้เหมือนกันว่ามันจะรีบไปไหน ??? .......

“ โห พี่ .....เมื่อกี้แปลว่า มันหิวข้าวจนหมดแรง ถึงต้องมานอนแซ่ว อยู่แถวนี้นี่เอง พอได้กินข้าวอิ่ม มันถึงเปลี่ยนไปเป็น คนละคนเลย “ น้องคนหนึ่งพูด .......

“ แล้วใครจะให้ข้าวมันกินอีกล่ะเนี่ย .... ขี้เรื้อน ซะขนาดนี้ ไปตรงไหน ก็คงมีแต่คนเค้าไล่ส่งมันล่ะ “ อีกคนแจง .......


อืมมม ผมเห็นด้วย ....

มันคงใช้ชีวิตอยู่ในโลกนี้ลำบากล่ะ ....... ไม่รู้ว่า มันจะเคยรู้จัก กับคำว่าอิ่มหรือเปล่า .....เต็มที่ก็คง หาเศษอาหารกิน ประทังชีวิตไปวันๆ ...


ผม เกิดความรู้สึกสงสารมันไป พร้อมกับ ความรู้สึกแย่ๆ

มนุษย์เราส่วนใหญ่นี่ ก็แปลกนะ บางครั้งจะหยิบยื่นอะไรให้ใคร ก็มักจะเอาความอยาก ความต้องการของตัวเองเป็นที่ตั้ง ทำแบบนั้น แล้วมันจะเข้าถึงความหมายของคำว่า “ ให้ “ ได้อย่างไรกัน

ไม่ต้องอะไร ดูจากตัวเราเอง ทำบุญมาก็ตั้งมาก บริจาคอะไรมาก็ตั้งเยอะ แต่ส่วนใหญ่ที่ทำไปก็เป็นเพราะ ต้องทำตามหน้าที่ของสัตว์สังคม คนหนึ่ง แค่นั้นเอง ไม่เคยได้รู้สึกว่า มันมีค่าต่อจิตใจ แล้วก็ต่อคนรับ เท่ากับ เศษอาหารที่เอาให้เจ้า หมาจรจัด ตัวนี้ กินเลย .......

เศษอาหารมื้อนั้น มันเหมือนกับว่าช่วยต่อชีวิตให้กับ เจ้าหมาจรจัด....... ได้มีแรง อยู่ต่อสู้กับโลกอันโหดร้ายนี้ไปได้อีก ...... อย่างน้อยก็ช่วงเวลานึง ....

“ พี่ ๆ เช็คบิลเลยนะ “ เสียงน้อง ที่มาด้วย ปลุกผมจากภวังค์ ....

หลังจากที่พวกเรา เช็คบิล ค่าอาหารเสร็จสรรพ ก็พากันขึ้นรถ เตรียมตัวรีบเดินทางกับกรุงเทพฯ เพราะเย็นมากแล้ว พรุ่งนี้ต้องทำงานกันแต่เช้าอีก ....

ออกจากร้านอาหาร “ ป้ายา “ ไปได้ ประมาณซัก สองร้อยเมตร เราก็ต้องหยุดรถ เพราะข้างหน้าดูเหมือนว่าจะมีเหตุการณ์ ผิดปกติ อะไรบางอย่าง เกิดขึ้น ..

มีกลุ่มคน 2-3 คน ทำท่าเหมือนกำลังจะลาก ซากอะไรสักอย่าง ให้พ้นไป จากพื้น ผิวถนน .....

ผมจอดรถ ลงไปดู เพราะรู้สึก สังหรณ์ใจ ยังไงไม่รู้ .....

เมื่อเดินเข้าไปใกล้ๆ จนพอมองเห็นชัด หลังจากที่พวกเขา เอาซากที่ว่า วางลงข้างทางแล้ว

ใช่มันจริงๆ !!

ผมรู้สึกใจหาย ทำไมมันถึงได้โชคร้ายขนาดนี้หนอ ....

แต่เมื่อเห็นสภาพศพของมัน เลือดออกไม่มากนัก คงจะช้ำใน แต่ใบหน้าของมัน ที่ดูหลับตาพริ้ม ดูผ่อนคลาย ผิดกับสายตา ที่ดู เหนื่อยล้า , ตื่นตระหนก , เว้าวอน ของมัน ที่ผมได้เห็นเมื่อประมาณครึ่งชม. ก่อน ... มันทำให้ผมกลับเกิดความรู้สึกที่ว่า มันไปดี ไปสบาย หมดทุกข์ หมดโศก ไม่ต้องอยู่ผจญกับโลก ที่มีแต่ความโหดร้ายกับมันอีกแล้วล่ะ .....

พักผ่อนเถอะ แกคงเหนื่อยมามากเต็มทีแล้ว ....

ขณะที่ผมกำลังมีความรู้สึกปลง ว่า มันกำลังจะได้ไปสู่ สุขคติ อยู่นั่นเอง ....

เสียงของชาวบ้านแถวนั้นที่พูดขึ้นมา มันกลับทำให้ผม เข่าอ่อน น้ำตารื้น เหมือนมีก้อนอะไรมาจุกอยู่ที่คอ .....

“ ไม่รู้มันจะรีบไปตายโหง ตาย ห่ ที่ไหนกัน ขับรถเร็วซะขนาดนั้น สงสาร เจ้าหมานี่ มันคงกำลังจะวิ่งไปให้นมลูกมัน ที่อยู่ในเพิงอีกฝั่งหนึ่งนั่นล่ะ เพิ่งจะคลอดได้ไม่กี่วันเอง แล้วลูกมันจะอยู่กันยังไงล่ะเนี่ย เฮ้อ น่าเวทนาจริงๆเลย “







Create Date : 10 มกราคม 2550
Last Update : 14 มีนาคม 2550 18:54:07 น. 1 comments
Counter : 711 Pageviews.

 
อยากให้หลายๆคนเข้ามาอ่านเรื่องของคุณ...จังมนุษย์อย่างเราๆจะได้...คิดถึงชิวิตอื่นๆที่อยุ่ร่วมโลกกับเรามากขึ้น...ที่บ้านของป้ามีหมาหลายตัว...เป็นหมาที่เราสงสาร...เอามาเลี้ยงต่อจากเจ้าของเดิม...ที่เห็นว่ามันไม่ใช่พันธ์แท้บ้าง...โตมาไม่น่ารักบ้าง...เบื่อบ้าง...ต้องเดินทางไปต่างประเทสเอามันไปไม่ได้บ้าง...8ตัวแล้วที่ผ่านมา...ก็ไม่ใช่เป็นบ้านที่รักหมาหรอกนะ...แต่สงสารมัน...ก็เลี้ยงดูแลพวกมันไปจนตายจากกันก็ฝังมัน...แต่ก็ไม่ค่อยรักมัน...ดูพวกมันแล้วรู้สึกนะ...กับหมาที่คนเลี้ยงไม่มีความรัก...หรือจริงๆรักแต่ไม่แสดงออก...หมามันหงอย...เหงาๆ...เจียมตัว....

ก็สงสารมัน...แต่จะรักมันก็ไม่ใช่เราอีก...ไม่รุ้จะทำไง

เป็นคนไม่รักหมา...แต่เลี้ยงหมาที่เจ้าของหรือคนที่แสดงตัวว่ารักหมาเอามาทิ้ง 8 ตัวแล้ว...


โดย: nong_taky วันที่: 12 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:14:33:50 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

อาฮุย๑
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add อาฮุย๑'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.