K@K@ & The Reds go M@rching On.
Group Blog
 
 
มกราคม 2550
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
10 มกราคม 2550
 
All Blogs
 
แล้วเรา ....ก็เลิกกัน ....

7 มิย. 49

นี่ก็ครบรอบ 1 ปี กับอีกหนึ่งอาทิตย์ แล้วสินะ ....นับตั้งแต่วันที่ผมแยกทางจากเธอมา ...

ถึงภายนอก ดูเหมือนว่าผมจะทำใจได้ ไม่ทรมานใจ เหมือนในช่วงวันแรกๆที่เราเลิกกัน .....แต่ผมหลอกตัวเองไม่ได้หรอกครับว่า ลึกๆแล้ว ในใจผมยังคงโหยหาเธอมาโดยตลอด .....

วันแรกหลังจากที่ผมตัดใจบอกเลิกกับเธอไป มันเป็นความรู้สึกที่เจ็บปวดมากที่สุดในชีวิต

ในวันนั้น ผมรู้สึกเหมือนโลกจะหยุดหมุน หายใจไม่ออก และอยู่ในอาการที่ไม่เข้าใจตัวเอง จำอะไรไม่ได้ เซื่องซึม ตาลอย สมองไม่ทำงาน ยังงงๆอยู่เลยว่าเกิดอะไรขึ้นกับชีวิต

ผ่านมาถึงตอนนี้ อาการผมดีขึ้นบ้างแล้ว แต่ตอนที่คิดถึงเธอทีไร อาการต่างๆที่ว่า มันจะกลับมาทันที

มันเป็นเรื่องยากที่สุดในชีวิต ที่ผมจะลืมเธอได้ และไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ ผมถึงจะลืมเธอได้อย่างสนิทใจเสียที หรือมันอาจจะไม่มีวันนั้นเลยก็ได้

ใครไม่เคยตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ คงไม่รู้หรอกครับ ว่ามันเจ็บปวดแค่ไหน


ทั้งหมดนี้ คงเป็นเพราะว่า เราคบหากันมานานเกินไป มีกิจกรรมทำร่วมกันมากมาย .....มันมากมายเสียจนกระทั่งว่า ทุกวันนี้ ไม่ว่าผมจะเดินทางไปที่ตรงไหน ผ่านไป ณ. ที่แห่งใด ภาพที่ผมเคยอยู่เคียงข้าง หยอกเย้าอยู่กับเธอ มันก็จะลอยผุดขึ้นมาในหัวสมองทุกทีไป ...

นี่ล่ะมั้ง ที่เค้าพูดกันว่า สถานที่ยังคงเดิม แต่ผู้คนน่ะเปลี่ยนไป ....

เริ่มสนใจเรื่องของผมกับเธอ กันแล้วล่ะสิ ........มา ผมจะเล่าเรื่องราวระหว่างผมกับเธอให้ฟัง .....


ผมกับเธอเจอกันครั้งแรก แบบจังๆ ก็ตอนที่ผมเรียนอยู่ชั้นม. 2 โน่นล่ะ ตอนนั้น ผมไม่ได้สนใจเธอเลยแม้แต่น้อย ออกจะไม่ค่อยชอบหน้าเธอด้วยซ้ำ คงเป็นเพราะผมยังเด็กอยู่มาก แถมผู้ใหญ่ที่บ้าน ก็ได้แต่พร่ำสอนว่า ในวัยขนาดผม ยังไม่ควรปล่อยให้มีเรื่องแบบนี้เข้ามาเกี่ยวข้องในชีวิต ผมควรจะตั้งใจเรียนหนังสือมากกว่า แม่บอกว่า เด็กวัยรุ่นที่ไม่เคยมีประสบการณ์กับเรื่องแบบนี้มาก่อน อาจจะควบคุมตัวเองไม่ได้ แล้วมันก็จะเตลิดเกินเลย ไปจนถึงขั้น เสียผู้ เสียคนได้ ......ไหนจะเรื่องที่ยังหาเงินใช้เองไม่ได้อีก ผมจะเอาเงินที่ไหน มาใช้จ่าย ดูแลเธอ ครอบครัวผมก็ใช่ว่าจะ ร่ำรวย มีเงินทองเหลือพอ ให้ไปใช้ฟุ่มเฟือย อะไรมากนัก .....

ผมเองฟังๆมา ก็ไม่ได้คิดอะไรมากอยู่แล้ว เพราะไม่ได้สนใจเธอเป็นทุน แม้ว่าเธอ จะ ป๊อบปูล่าร์มาก ในหมู่เพื่อนๆผู้ชาย ของผม ก็ตาม ....

จนกระทั่ง วันนั้น วันที่ผมยังจำได้ไม่ลืม มันเป็นวันฉลองงานปีใหม่ จัดกันที่บ้านของเพื่อนในชั้นเรียนคนหนึ่ง เธอมาร่วมงานด้วย เธอดูดีมาก แต่งตัวแบบเด็กนอก ตามสมัยนิยม บรรดาพวกเพื่อนๆผู้ชาย ต่างก็หาโอกาส เลียบๆเคียงๆ พยายามจะแอบทำความรู้จักกับเธอกัน ส่วนพวกเพื่อนผู้หญิงน่ะเหรอ ...ต่างก็พากันทำท่า ยี้ ใส่เธอ .. คงจะเพราะรังเกียจเธอ รึว่า อิจฉาเธอกันก็ไม่รู้ ผมไม่แน่ใจเหมือนกัน ..

แต่ไม่รู้อะไรดลใจผม ทำให้คิดตัดสินใจที่จะเข้าไปทำความรู้จักกับเธอ ก็คงเพราะความน่ารัก เสน่ห์ ของเธอนั่นเอง จะอะไรซะอีกล่ะ ......

แล้วก็แปลกนะ ไอ้เจ้าพวกเพื่อนผู้ชายทั้งหลายแหล่ของผม ที่ทำท่ารุมตอมเธออยู่นั้น ไม่มีท่าทีที่จะกีดกันอะไรผมเลย .....กลับเชียร์ผมเสียด้วยซ้ำไป นั่นคงเป็นอานิสงส์ ที่ผมเป็นคนอัธยาศัยดี มีน้ำใจกับเพื่อนฝูง สม่ำเสมอมาโดยตลอดกระมัง........

ผมรอจนถึงจังหวะที่ปลอดคน ก็ไปดักเจอเธอที่ ชิงช้า ในสวนหน้าบ้าน นาทีนั้น ผมน่ะปอดแหกจะแย่แล้ว ใจเต้นตึ้กตั้กๆ ยังกับโดน พี่ต้น วงแมคอินทอช ( ไอดอล ของวัยรุ่นสมัยนั้น) เข้า มารัวกลอง อยู่ ตรงกลางหัวใจเลย ...... ก็แหม มันครั้งแรกของผมนี่ แต่เธอกลับทำท่าเฉยๆแฮะ คงเพราะโดนจีบมาบ่อย เลยชินกับเรื่องแบบนี้แล้วมั้ง .....

ผมรวบรวมความกล้า บอกความในใจเธอออกไป ว่าผมอยากทำความรู้จักเธอให้มากกว่านี้ ..... แต่คำแรกที่เธอตอบกลับมา เล่นเอาผมสะอึก จนแทบจะสำลักเลย ...... เธอบอกว่าอะไร ? ไว้ผมไปเฉลยทีหลังแล้วกันนะ

หลังจากนั้น เราก็เริ่มแอบ คบหากัน โดยที่มีเพื่อนๆของผมและเธอ บางคนรับรู้ แต่ด้วยสถานะของเราตอนนั้น ที่เป็นแค่เด็ก มัธยม อีกทั้ง สภาพสังคมสมัยเมื่อ ยี่สิบกว่าปีก่อน ยังไม่เปิดกับเรื่องแบบนี้ด้วย เราเลยไม่อาจจะคบกันแบบเปิดเผยได้มากนัก

ตอนอยู่ในรร. เราก็ได้แค่แอบนัดพบกันเป็นครั้งคราว ในสถานที่ปลอดตาคน

ส่วน เสาร์ – อาทิตย์น่ะเหรอ ? โชคดีที่บ้านเธอเองก็อยู่ ใกล้ๆกันกับบ้านผม บ้านเธอขาย ของชำ อยู่หน้าปากซอย ผมมักจะแอบไปหาเธอที่บ้านบ่อยๆแต่ไม่รู้ทำไม อาป๊าเธอ ที่เป็นเจ้าของร้าน ดูเหมือนจะไม่ค่อยชอบขี้หน้าผมเท่าไหร่นัก ผมคิดเอาเองไปว่า ก็ตามประสาผู้ใหญ่นั่นล่ะ ผมคงเด็กเกินไปมั้ง ที่จะไปทำอะไรแบบนั้น

ส่วนทางบ้านผม ? ไม่มีปัญหาเท่าไหร่ครับ พ่อแม่ ผมอยู่ต่างจว. แล้วมาซื้อบ้าน ในกทม. ให้ผมอยู่ โดยมีแค่แม่บ้านอีกคนเดียว ที่อยู่ด้วยกัน ปัญหามันเลยไม่เกิดมากนัก

ช่วงนั้น ผมแอบลักลอบชวนเธอมาเที่ยวที่บ้านผมบ่อยๆล่ะครับ บางที ผมก็แอบพาเธอเข้าไปในห้อง ตอนที่ไม่มีใครอยู่ด้วย ผมรู้ ว่ามันไม่ใคร่จะเหมาะเท่าไหร่นักหรอก แต่ทำไงได้ หัวใจผมโหยหาเธอมากเลยนี่


เราคบกันได้ สามปี ก็เรียนจบมัธยมพอดี ...... ถึงตอนนี้แล้ว ผมยอมรับว่า เรารักกันมาก เราจะหาทางนัดเจอกันทุกครั้งที่มีโอกาส อยู่ใกล้เธอ แล้วมันทำให้ผมมีความสุข สบายใจอย่างบอกไม่ถูก เธอน่ารักมาก ไม่เคยสร้างปัญหาอะไรให้กับผมเลย

หลังจากนั้น ผมก็เข้าเรียนต่อ ระดับ มหาวิทยาลัย ..... เราก็ยังคงอยู่ที่เดียวกัน ตอนนี้ผมโตพอที่จะคบกับเธอแบบอิสระ เปิดเผยได้แล้ว และด้วยความที่ ผมเรียนไปด้วย ทำงานพิเศษไปด้วย ไม่ได้รบกวนเงินทอง ของทางบ้านแล้ว เค้าเลยไม่ค่อยเข้มงวดอะไรกับผมมากนัก

สี่ปี ในมหาวิทยาลัย ความสัมพันธ์ระหว่างเราคืบหน้าไปมาก มันเป็นอะไร ที่มีความสุขอย่างบอกไม่ถูกเลยครับ เราไปด้วยกันในทุกๆที่ เราสนิทกันจนแทบจะแยกกันไม่ออก บรรดาเพื่อนๆผม รับรู้กันได้เลยว่า เห็นผมก็ต้องเห็นเธอ อะไรประมาณนั้นล่ะครับ

เธอดีต่อผมมาก ปลอบใจผมทุกครั้ง ในยามที่ผมเครียด มีปัญหา ไม่ว่าผมจะมีความทุกข์อะไรในใจ เธออยู่เคียงข้างผมเสมอ

และแน่นอน ในเวลาที่ผมมีความสุข เราก็จะมีความสุขด้วยกัน ..

จนกระทั่ง ผมเรียนจบ รวมระยะเวลาที่ผมคบกับเธอมาทั้งหมด ก็ประมาณ 8 ปี

พวกคุณเชื่อมั้ย ? ตลอดระยะเวลา 8 ปีที่เราคบกันมา เราไม่เคยทะเลาะกันหนักๆเลยแม้แต่ครั้งเดียว

หลังเรียนจบ ผมก็ทำงาน รายได้ผมมากขึ้น เธอก็ยังคงอยู่เคียงข้างผม เสมือนเป็นเงาตามตัวอยู่เสมอ ช่วงนี้นับได้ว่า ความสัมพันธ์ที่หวานชื่นระหว่างผมกับเธอ มันพัฒนาเข้ามาสู่ในระดับของความผูกพันแล้วล่ะ เธอเป็นส่วนหนึ่ง ของชีวิตผมแล้ว ..

ผมพยายามตอบแทนความดีของเธอ ด้วยการหาซื้อหา อาภรณ์ ที่สวยงามมาให้เธอสวมใส่ เวลาไปกับผม นอกจากนั้นผมก็หาเฟอร์นิเจอร์เครื่องประดับ ราคาแพงมาใช้ เวลาที่ผมต้องออกงานกับเธอ เป็นการให้เกียรติในความรักที่เรามีต่อกัน

เรารักกันมาก มากขนาดที่ คิดว่า ชาตินี้ เราคงจะไม่มีวันพรากจากกันได้

จนกระทั่ง เมื่อ ประมาณ ปลายปีที่แล้ว นี่เอง.... ความรักระหว่างเราก็เริ่มมีปัญหา เธอถูกที่บ้าน และ ญาติผู้ใหญ่ ของเธอ กีดกัน ในการที่จะพบกับผม ...

บางครั้งเวลาที่ผมไปหาเธอที่บ้าน ป๊าเธอจะอ้างว่าเธอไม่อยู่ ทั้งๆที่ผมเห็นร่องรอย บางอย่าง ว่าเธออยู่ !

บางครั้งก็จำกัดเวลา ให้ผมไปหาเธอได้แค่ครั้งคราว บ่อยครั้งที่ตรวจสอบ ซักถามประวัติผม ทำเหมือนกับว่า ไม่อยากจะต้อนรับผมเลย ....

ไอ้ตรงนั้นน่ะ ผมรับได้อยู่แล้ว ขอให้แน่ใจว่าเธอยังคงมีใจให้กับผมเถอะ .... ยังไงผมก็ดั้นด้นหาทางไปพบเธอให้จงได้อยู่แล้วล่ะ ....

อ้อ ! ลืมเล่าไป หลังๆ มานี้ เธอชอบแต่งตัวแปลกๆด้วย ...... เอ รึว่า เธอจะประชด ไม่อยากไปไหนมาไหนกับผม .....

แต่เราก็ยังคงคบหากัน ต่อมา เรื่อยๆ

จนเมื่อสามเดือนหลังนี่สิ ที่ความสัมพันธ์ ระหว่างเธอกับผม มันฟ้องว่า เราไม่ได้รักกันเหมือนเดิมแล้ว ....

เวลาที่เราอยู่ด้วยกัน ในระยะหลังๆนี้ ... เธอทำให้ผมเหนื่อยใจมาก เธอไม่ได้ทำให้ผมมีความสุขเหมือนแต่ก่อนเลย เธอชอบเกรี้ยวกราดกับผม และที่ร้ายที่สุด เมื่อผมเซ้าซี้เธอมากๆเข้า เธอถึงกลับลงมือทำร้ายผมอีกด้วย ....แต่ก็ยังไม่ได้รุนแรงอะไรมากนัก

มันเกิดขึ้นมาจากอะไร จนบัดนี้ผมก็ยังหาคำตอบชัดเจนให้กับตัวเองไม่ได้เลยครับ

คำตอบเดียวที่พอจะอธิบายเหตุการณ์ระหองระแหง ที่มันเกิดขึ้นระหว่างเราในระยะหลังนี้ ก็คือ

เราคบกันนานเกินไป ! เราเจอกันบ่อยไป !

ด้วยความที่ผมรักเธอมาก ไม่อยากที่จะสูญเสียเธอไปแบบถาวร ผมพยายามแก้ปัญหาด้วยการ พบเธอให้น้อยลง ด้วยหวังว่า ความห่างกัน อาจจะทำให้เราคิดถึงกัน ปรับตัวเข้าหากันได้มากขึ้น ..... เธออาจจะเลิกหงุดหงิด เลิกเกรี้ยวกราดกับผม แล้วเราก็คงกลับมามีความสุขกันเหมือนเดิมได้ ...แต่สารภาพเลยว่าไอ้การพยายามหักห้ามใจ ไม่ให้เจอเธอ ทั้งๆที่ผมคิดถึงเธออยู่แทบจะตลอดเวลาเนี่ย มันทำให้ผมว้าวุ่นใจมาก ...


แต่มันก็ได้ผลแฮะ .....ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ ระหว่างเรา จะดีขึ้น .....

ปลายเดือนที่แล้ว เรากลับมาคบกันแบบดูดดื่มอีกครั้ง ทำตัวราวกับว่า เหมือนเพิ่งรู้จักกันใหม่ๆเลย ....เราสวีทกันมาก อยู่ด้วยกันแทบจะตลอดเวลา แต่มีสัญญาณบางอย่างที่ทำให้ผมสังเกตได้ว่า เธอเปลี่ยนไป ....

เธอจู้จี้มากขึ้น ชอบพร่ำเตือนในสิ่งที่เราต่างก็รู้กันดีอยู่แล้ว

เธอดูหรูหรามากขึ้น ใช้เงินเก่งขึ้น ..... แต่ตรงนี้ ไม่ใช่ปัญหาหรอก คนเรารักกัน เรื่องแค่นี้ผมดูแลเธอได้อยู่แล้ว ....

แต่ที่ผมไม่เข้าใจเลย ก็คือ .......... หลังๆ มานี่ ทำไมเธอ ถึงได้โมโหร้ายนัก เธอ อาละวาดเอากับผมบ่อยมาก เวลาที่ผมมีความทุกข์ ต้องการอยู่ใกล้เธอ เธอก็หงุดหงิดใส่ ที่ร้ายไปกว่านั้นเวลาผมมีความสุข ออกไปดื่มเหล้ากับเพื่อนๆ เธอก็ยอมไปเป็นเพื่อนผมด้วยดี แต่พอกลับมาถึงบ้าน เท่านั้นล่ะ เธอกลับออกอาการเจ้าอารมณ์ หาเรื่องทำร้ายผม บางครั้ง ก็เบาๆ แต่บางครั้ง เธอน่ากลัวมาก ลงไม้ลงมือกับผมจนถึงขั้นต้องเข้ารพ.

ช่วงนี้ ผมชักเริ่มสับสน หวาดผวา เวลาที่ต้องอยู่ใกล้ๆกับเธอแล้วสิ ทั้งที่ในใจมันก็ยังคงรักเธอ เรียกร้องหาเธออยู่ แทบจะทุกลมหายใจ .....แต่เธอ กลับทำตัว น่ากลัวขึ้นทุกที ....

ในที่สุด วันที่เราต้องแยกทางกันแบบเด็ดขาดก็มาถึง . ....ผมยังจำเหตุการณ์ทุกอย่างได้ชัดเจนเลย .....

วันนั้นผมเพิ่งออกจากรพ. ผมคิดถึงเธอมาก มุ่งหน้าตรงดิ่ง เดินทางไปหาเธอทันที ทั้งๆที่ แม่ผม บอกให้ผมกลับบ้านไปพักผ่อนก่อน..

ผมไม่ฟัง ......ผมไม่รับรู้ถึงความห่วงใยของแม่ ...... ก็ผมคิดถึงเธอนี่

แต่เธอกลับเซอร์ ไพรส์ ผม .... ด้วยการมาดักรอพบผมอยู่ก่อนแล้ว ผมเจอเธอ ที่ตรงบริเวณ หน้าร้าน มินิมาร์ท ชั้นล่าง ของรพ.

ทันทีที่เห็นเธอ ผมแทบจะวิ่งเข้าไปหาเธอ ดีใจจนมือไม้สั่น .....

ผมเดินกึ่งวิ่ง แทรกเบียดผู้คน จนเข้าไปอยู่ต่อหน้าเธอ .....ผมคว้าตัวเธอเข้ามาด้วยสองมือของผม แล้วหลังจากนั้น ผมระดมจูบเธอ แบบไม่ยั้ง ให้สาสมกับความคิดถึง ....

ตรงนั้น เป็นที่ สาธารณะ ....ผู้คนมากมาย ... แต่ผมไม่แคร์สายตาใครแล้ว....

ผมจูบเธอ อย่างโหยหา บ้าคลั่ง ....เนิ่นนาน

แต่แล้วผมกลับรู้สึก รับรู้ได้ถึงการตอบสนอง ที่เต็มไปด้วยความเย็นชาของเธอ.....

เธอผลักผมออกอย่างรุนแรง เสร็จแล้ว ก็ระดมทุบมาที่หน้าอกผมแบบไม่ยั้ง ... เธอกระหน่ำทุบผมอยู่อย่างนั้น จนกระทั่งผม กระอักออกมาเป็นเลือด ....

ทำไมเธอ ถึงใจร้ายกับผมได้ถึงเพียงนี้ .....หรือว่าเธอ หมดรักผมแล้ว......

สุดท้าย แม่ผมทนดูไม่ได้ ......มาช่วยกันเธอ ออกไปจากผม ......พร้อมกับประกาศต่อหน้าผม ด้วยน้ำตาคลอเบ้าว่า ....แม่ทนต่อไปไม่ไหวแล้ว นับจากนี้ไป ให้ผมตัดสินใจเลือกเอา ระหว่างเธอ กับ แม่... ถ้ามีแม่ ต้องไม่มีเธอ .....

แม่ ร้องให้คร่ำครวญ เสียงดังมาก ถึงตอนนี้ ผู้คนที่เดินผ่านไปมา เริ่มจะหยุดดูพฤติกรรม ของพวกเรากัน ...

แต่ดูเหมือนว่า แม่จะโกรธ เกินกว่าจะแคร์ ต่อสายตาเหล่านั้นแล้ว หลังจากที่แม่ แยกเธอออกมาจากผมได้ แม่ผลักเธอลงไปที่พื้นสุดแรงเกิด แล้วก็เอาแต่ร้องไห้ ...


ผมตกตะลึง .....ไม่เคยนึกมาก่อนเลยว่า แม่ผมจะเกลียดเธอถึงขนาดนี้ ...แม่คงเก็บความรู้สึกอันนี้มานาน เพราะว่ายอมตามใจผม ...

แต่คราวนี้ แม่คงทนไม่ได้ ที่เห็นเธอทำร้าย ลูกชายของแม่ ต่อหน้าต่อตา ..


ผมมองแม่ที มองเธอที ....

ถึงผมจะรักเธอมากขนาดไหน แต่ผมยอมไม่ได้หรอกที่จะทำให้แม่ต้องมาเสียน้ำตา ในเรื่องระหว่างผมกับเธอ ....

ผมตัดสินใจเด็ดขาด ...ผมเลือกแม่

แล้วผมก็เดินประคองแม่จากมา ......ทิ้งเธอไว้ตรงนั้น .....โดยไม่คิดจะหันหลังกลับไปหาเธออีก ....

ผมยังคงจำวันนั้นได้ดี ....

และจะขอจดจำวันนั้นไว้ ไปจนวันตาย เพื่อเป็นอนุสรณ์สำหรับ ความรักของเรา ..














31พค. 48

วันงดสูบบุหรี่โลก .........

บั๋ยบาย ........... มิสซิส มาร์ล โบโร








Create Date : 10 มกราคม 2550
Last Update : 6 เมษายน 2550 9:58:34 น. 0 comments
Counter : 439 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

อาฮุย๑
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add อาฮุย๑'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.