...ความรู้สามารถเรียนทันกันได้...
Group Blog
 
<<
กันยายน 2559
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
27 กันยายน 2559
 
All Blogs
 

Seth Klarman / โดย คนขายของ



  Seth Klarman / โดย คนขายของ


ผมเริ่มรู้จักนักลงทุนผู้นี้จากรุ่นพี่นักลงทุนท่านหนึ่ง ซึ่งเล่าให้ฟังว่า 

หนังสือเรื่องการลงทุนที่น่าจะแพงที่สุดในโลก ณ เวลานี้คือหนังสือชื่อ 

“Margin of Safety” เขียนโดย Seth Klarman ซึ่งออกจำหน่ายในปี 1991

และไม่มีการพิมพ์เพิ่ม ทำให้หนังสือเล่มนี้ขายมือสองทางออนไลน์ในอเมริกา ด้วยราคาสูงถึงเล่มละ 900 เหรียญ 

ถ้าคิดเป็นเงินไทยก็ประมาณสามหมื่นบาท สำหรับหนังสือขนาดปกติที่มี 249 หน้า ก็ถือว่าแพงมาก 

แต่ถ้าผู้ที่อ่านได้นำหลักการที่ Seth ได้พูดถึงไว้มาใช้ในการลงทุน เขาอาจจะรู้สึกว่าหนังสือเล่มนี้มีคุณค่าที่สูงกว่านั้นมาก

Seth Klarman ผู้จัดการกองทุนบริหารความเสี่ยงขนาด 29 พันล้านเหรียญ 

โดยใช้แนวการลงทุนเน้น คุณค่าเป็นหลัก ด้วยพื้นฐานปริญญาตรีทางเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัย Cornell และ MBA จาก Harvard 

ทำให้เขาเข้าสู่โลกของการบริหารกองทุน ด้วยการก่อตั้ง Baupost Group ในปี 1982 ซึ่งในเวลานั้น เขาอายุเพียง 25 ปี 

ผ่านถึงปัจจุบัน มีการประเมินกันว่ากองทุนของ Seth สามารถทำผล ตอบแทนทบต้นราว 17% ตั้งแต่ก่อตั้งมา 

ถึงแม้ว่ายังไม่เทียบเท่า Warren Buffett แต่ก็นับว่าชนะคู่แข่งในอุตสาหกรรมเดียวกันแบบขาดลอย

กองทุน The Baupost Group นั้น ขึ้นชื่อในเรื่องการลงทุนแบบอนุรักษ์นิยม 

การถือเงินสดราว 50% ของสินทรัพย์ทั้งหมดดูเป็นเรื่องปกติของกองทุนนี้ Seth ย้ำเสมอว่าการลงทุนของเขานั้นมองกันในระยะเวลาระดับปี 

และหากใครต้องการให้เขาบริหารเงินให้ โดยเน้นระยะเวลาเพียงแค่ 6-12 เดือนเขาจะแนะนำว่าให้ไปที่คาสิโนน่าจะดีกว่า 

ในปี 1999 เป็นปีที่ตลาดหุ้นของอเมริการ้อยแรงมาก ดัชนี Dow Jones ขึ้นไป 25% ในขณะที่ดัชนี S&P500 ขึ้นไป 21% 

แต่กองทุน Baupost ของ Seth กลับขาดทุนถึง 18%

Seth เคยอธิบายถึงการแพ้ตลาดในขณะที่ตลาดอยู่ในภาวะกระทิงว่า 

“…ผมขอย้ำว่าการลงทุนแบบ เน้นคุณค่านั้นไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อที่จะชนะตลาดในสภาวะกระทิง 

ซึ่งในสภาวะกระทิงนั้น ผู้คน ส่วนใหญ่จะได้รับผลตอบแทนที่ดีมาก ซึ่งมีบ่อยครั้งที่ทำได้ดีกว่านักลงทุนเน้นคุณค่า 

แต่ในสภาวะที่ตลาด อยู่ในสภาวะตกต่ำต่อเนื่องยาวนานต่างหาก ที่หลักการลงทุนแบบเน้นคุณค่านั้นเป็นเรื่องสำคัญ…

” ผลงานการลงทุนของ Seth กลับมาเป็นที่ประจักษ์อีกครั้งในปี 2000 

เมื่อดัชนี Dow Jones ติดลบ 6% และ S&P ติดลบ 9% แต่กองทุน Baupost กลับได้กำไร 10% 

และต่อมาในปี 2001 ซึ่งเป็นปีที่ตลาดได้รับ ผลซ้ำเติมจาก การก่อการร้ายทำให้ ดัชนี Dow Jones ติดลบ 7% และ S&P ติดลบเกือบ 12% 

แต่กองทุน Baupost กลับทำกำไรได้ถึง 27%

เท่าที่ผมสังเกตุดูการลงทุนของกองทุน Baupost ตามรายงานที่ยื่นต่อตลาด 

พอจะสรุปสไตล์การลงทุนได้ดังนี้ 

หนึ่ง กองทุน Baupost จะไม่ไล่ซื้อหุ้นที่ราคาขึ้นไปมากแล้ว หรือกำลังร่วงตกลงมาแรงๆ แต่จะ เข้าซื้อในช่วงที่ราคาอยู่นิ่งมายาวนาน 

สอง PE ของหุ้นที่เข้าซื้อมีหลากหลาย ต่ำก็มี สูงแบบ 20 เท่าก็มี หรือ กิจการยังขาดทุนอยู่กองทุนก็ลงทุน 
แต่เท่าที่สังเกตุคือ บริษัทที่กองทุนลงทุน จะเริ่มเห็นผลการเปลี่ยนแปลงของกำไรไปในทางที่ดีขึ้นในไม่ช้า 

และสาม กองทุนจะถือหุ้นแบบ “โฟกัส” มาก โดยหุ้นที่ถือมากที่สุด 3 ตัวคิดเป็นมูลค่า 50% ของพอร์ต และ หุ้นที่ถือมากที่สุด 10 ตัวคิดเป็น 75% ของพอร์ต 
ซึ่งเป็นการจัดพอร์ตซึ่งแตกต่างจากกองทุนบริหารความเสี่ยงกองอื่นเป็นอย่างมาก

Seth เคยกล่าวว่า การลงทุนในตลาดหุ้น คือจุดตัดกันระหว่างความรู้ทางเศรษฐศาสตร์และธุรกิจ กับความรู้เรื่องจิตวิทยาการลงทุน 

เขาเชื่อว่าความรู้เรื่องการประเมินมูลค่าหุ้นนั้นไม่ได้ยุ่งยาก แต่ที่ยากคือการตัดสินใจกับคำถามประเภท จะซื้อตอนนี้ดีหรือรอไปก่อน? 

และวันที่ทุกอย่างดูแย่ไปหมด เราควรตัดสินใจอย่างไรดี? ซึ่งเขาเชื่อว่าคำถามประเภทนี้ ต้องใช้ประสบการณ์พอสมควร 

และถึงแม้ Seth เองก็มีประสบการณ์เรื่องการลงทุนมายาวนานพอสมควรถึง 34 ปี 

แต่ในปี 2015 กลับเป็นปีที่กองทุนทำผลตอบแทนติดลบเป็นครั้งที่ 3 ในประวัติศาสตร์ของกองทุน

เรื่องนี้เป็นการตอกย้ำว่าการลงุทนไม่ใช่เรื่องง่ายๆที่จะได้กำไร แม้แต่ระดับมืออาชีพที่มีการศึกษาอย่างดี 

มีประสบการณ์ที่ยาวนานก็ไม่สามารถที่จะชนะตลาดได้เสมอไป 

การลงทุนนั้นมักมีการแพ้การชนะเกิด ขึ้นอยู่ตลอดเป็นธรรมดา การตัดสินใจถูกและผิดเป็นเรื่องปกติ 

ดังที่ George Soros นักลงทุนในตำนาน ได้เคยกล่าวไว้ว่า “ (ในเรื่องการลงทุนนั้น) มันไม่ใช่เรื่องถูกหรือผิดที่สำคัญ 

หากแต่เป็นเรื่องถ้าคุณถูก คุณทำเงินได้เท่าไหร่ และเมื่อคุณผิดคุณจะเสียเงินเท่าไหร่ 

นั่นแหละที่สำคัญ” ดังนั้นเรื่อง “ส่วนเผื่อความ ปลอดภัย Margin of Safety)” 

ซึ่งเป็นหลักสำคัญของการลงทุนเน้นคุณค่า จึงมีส่วนช่วยให้นักลงทุน อยู่รอดปลอดภัย ถึงแม้เขาอาจจะตัดสินใจผิดไปบ้างก็ตาม




 

Create Date : 27 กันยายน 2559
0 comments
Last Update : 27 กันยายน 2559 12:24:09 น.
Counter : 1208 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


Querist
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 11 คน [?]




Friends' blogs
[Add Querist's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.