...ความรู้สามารถเรียนทันกันได้...
Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2559
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
25 กรกฏาคม 2559
 
All Blogs
 
นอกลู่ในทาง : รวยด้วยตัวเอง



อันดับมหาเศรษฐีโลกประจำปี 2016 โดยการจัดอันดับของนิตยสารฟอร์บส์ เจ้าพ่อซอฟต์แวร์โลก “บิล เกตส์” ผู้ก่อตั้ง “ไมโครซอฟท์” ยังคงรั้งอันดับหนึ่ง ด้วยมูลค่าทรัพย์สิน 75,000 ล้านเหรียญสหรัฐ

อันดับ 2 ขึ้นมาจากอันดับ 4 เป็นเจ้าของเสื้อผ้าแบรนด์ดัง “ซาร่า” ที่สาวๆ ทั่วโลก รวมถึงในบ้านเรา รู้จักกันดี?”อมานซิโอ ออร์เตกา” ด้วยมูลค่าทรัพย์สิน 68,000 ล้านเหรียญสหรัฐ

ตามมาด้วยคุณปู่นักลงทุนชาวอเมริกัน “วอร์เรน บัฟเฟตต์” ด้วยมูลค่าทรัพย์สิน 63,000 ล้านเหรียญสหรัฐ

อันดับ 4 ร่วงจากอันดับ 2 ปีที่แล้ว?”คาร์ลอส สลิม” มหาเศรษฐีธุรกิจโทรคมนาคม

อันดับ 5 คือ?”เจฟฟ์ เบซอส” เจ้าของเว็บไซต์ “อเมซอน” ตามด้วยเจ้าพ่อเฟซบุ๊ก

“มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก” ที่พลิกขึ้นมาอยู่อันดับ 6 พุ่งขึ้นจากอันดับที่ 16 เมื่อปีที่แล้ว โดยถือเป็นมหาเศรษฐีที่มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นมากที่สุดจาก 11,200 ล้านเหรียญสหรัฐ เป็น 44,600 ล้านเหรียญ

อันดับ 7 “ลาร์รี่ เอลลิสัน” ผู้ก่อตั้ง บริษัทซอฟต์แวร์ “ออราเคิล” มูลค่าทรัพย์สิน 43,600 ล้านเหรียญสหรัฐ

อันดับ 8 “ไมเคิล บลูมเบิร์ก” เจ้าของอาณาจักรสื่อ มีมูลค่าทรัพย์สิน 40,000 ล้านเหรียญสหรัฐ

อันดับ 9 และอันดับ 10 เป็นสองพี่น้องตระกูลคอช “ชาร์ล” และ “เดวิด คอช” ด้วยมูลค่าทรัพย์สินเท่ากันที่ 39,600 ล้านเหรียญสหรัฐ

อันดับมหาเศรษฐีของโลกปีนี้ยังครองตำแหน่งโดยผู้ชายเป็นส่วนใหญ่ จาก 1,810 อันดับ มีผู้หญิง 190 คน

ลดลงจากปี 2558 ที่มีผู้หญิงติดอันดับ 197 คน

แต่ที่น่าสนใจกว่าเป็นหนึ่งในมหาเศรษฐีอันดับที่ 205 ของโลก (อันดับนี้มีถึง 9 คน) โดยหนึ่งในนั้นคือ “โจว ฉุนเฟย” วัย 46 ปี เจ้าของบริษัท เลนส์เทคโนโลยี ผู้ผลิตจอทัชสกรีนให้สมาร์ทโฟนแบรนด์ดัง ด้วยมูลค่าทรัพย์สิน 5,900 ล้านเหรียญสหรัฐ (เธอรวยเป็นอันดับ 9 ในฮ่องกง อันดับ 18 ในจีน และอันดับที่ 30 ในบริษัทด้านเทคโนโลยีด้วย)

ที่น่าสนใจ ไม่ใช่เพราะเป็นผู้หญิง?แต่ร่ำรวยมาจากการสร้างเนื้อสร้างตัวด้วยตนเองล้วนๆ

เมื่อย้อนดูประวัติความเป็นมาแล้วยิ่งน่าทึ่ง

เธอเกิดมาในครอบครัวที่มีฐานะยากจนแถบชนบทของประเทศจีน?เป็นลูกคนสุดท้องในพี่น้อง 3 คน แม่ตายตั้งแต่อายุเพียง 5 ขวบ พ่อหาเลี้ยงครอบครัวด้วยการเป็นช่างในโรงงาน แต่โชคร้ายประสบอุบัติเหตุจากการทำงานต้องสูญเสียนิ้วมือ และกลายเป็นคนตาบอด

เธอช่วยครอบครัวเลี้ยงหมูและเป็ดสำหรับเป็นอาหาร และใช้จ่ายภายในครอบครัว แม้พอจ่ายค่าเทอมไปได้ แต่ถ้าคิดจะเรียนสูงๆ เหมือนคนอื่นคงเป็นไปได้ยาก จึงตัดสินใจลาออกจากโรงเรียนมาหางานที่ดีกว่าทำตอนอายุ 16 โดยเดินทางจากบ้านเกิดมาอาศัยอยู่กับครอบครัวของลุงที่เมืองเซินเจิ้น

โดยมีความฝันลึกๆ ว่าอยากเป็นแฟชั่นดีไซเนอร์ แต่งานในชีวิตจริงที่หาได้เป็นงานในโรงงานผลิตกระจกหน้าปัดนาฬิกาเล็กๆ แห่งหนึ่ง

ทำงานในโรงงานได้ 3 เดือน ก็เขียนจดหมายลาออก ไม่ใช่เป็นเพราะงานหนัก ตั้งแต่แปดโมงเช้าจนถึงดึกดื่นเที่ยงคืนเพื่อแลกกับค่าแรงเพียงไม่กี่สิบบาทต่อวัน แต่เพราะต้องการเรียนรู้อะไรใหม่ๆ เมื่อรู้สึกว่างานในความรับผิดชอบไม่มีอะไรท้าทาย

ด้วยความที่เป็นคนขยันขันแข็งและหัวไว?ผู้จัดการโรงงานจึงขอร้องให้อยู่ทำงานต่อ และโปรโมตให้รับผิดชอบงานในตำแหน่งอื่น

หน้าที่การงานก้าวหน้าขึ้นโดยลำดับ ภายใน 3 ปี ก็สามารถขึ้นมาเป็นผู้ควบคุมการผลิตกระจกนาฬิกาในโรงงานแห่งนั้นได้ พร้อมๆ ไปกับการได้เรียนรู้เกี่ยวกับอุตสาหกรรม และธุรกิจการค้าในจีน

ต่อมาไม่นาน โรงงานที่ทำอยู่ปิดตัว?”โจว ฉุนเฟย” ย้ายงานอีกหลายครั้ง กระทั่งอายุ 22 เธอตัดสินใจกลับบ้านด้วยความตั้งใจว่าจะนำประสบการณ์ที่มีเกี่ยวกับการผลิตกระจกนาฬิกามาเปิดบริษัทเล็กๆ ของตนเองด้วยเงินเก็บที่มีแค่แสนกว่าบาท

ด้วยความที่มีเงินทุนไม่มากทำให้เธอต้องลงมือทำทุกอย่างด้วยตนเอง ตั้งแต่การออกแบบ และซ่อมแซมเครื่องจักรในโรงงาน คิดค้นวิธีผลิตกระจกหน้าจอโทรศัพท์ที่มีรูปทรงโค้งมน

เธอทำงานหามรุ่งหามค่ำร่วมกับพนักงานของเธออย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย แม้จนทุกวันนี้

จุดพลิกผันมาถึงในอีกสิบปีต่อมา เมื่อบริษัทมือถือ?”ทีแอลซี” ของจีนมาจ้างให้ผลิตกระจกหน้าจอโทรศัพท์ ซึ่งเปรียบได้กับใบเบิกทางให้บริษัทของเธอได้รับความไว้วางใจจากบริษัทมือถือแบรนด์ดังอีกหลายแห่ง

ไม่ว่าจะเป็นโมโตโรล่า, โนเกีย, หัวเว่ย, ซัมซุง หรือแม้แต่ “แอปเปิล”

ไม่ใช่แค่หน้าจอสมาร์ทโฟน “เลนส์ เทคโนโลยี” ยังผลิตหน้าจอคอมพิวเตอร์, แท็บเล็ต และกล้องถ่ายรูปด้วย

ในแวดวงธุรกิจเรียกเธอ?”ราชินีจอทัชสกรีน”

ปัจจุบัน “เลนส์ เทคโนโลยี” มีส่วนแบ่งในตลาดสมาร์ทโฟนมากกว่า 20% ?????

7 ใน 10 ของหน้าจอทัชสกรีนในสมาร์ทโฟนซัมซุง และแอปเปิล ผลิตโดยบริษัท เลนส์ เทคโนโลยี

“โจว ฉุนเฟย” พูดถึงความสำเร็จของเธอว่า เกิดจากความปรารถนาที่จะเรียนรู้ และการไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ

“ฉันผ่านช่วงเวลาที่ลำบากมามาก และเคยต้องขายบ้านเพื่อหาเงินมาจ่ายเงินเดือนให้คนงานมาแล้ว”

เธอเปรียบเปรยความสำเร็จว่าเหมือนกับการปีนเขา ไม่ใช่ความแข็งแรงทางร่างกายเท่านั้นที่พาเราขึ้นไปสู่ยอดเขาได้ หากเป็นความดื้อรั้น และความพยายามอย่างอดทนของเราเองด้วย

แม้วันนี้จะมาไกลจากจุดเริ่มต้นเดิมมากแล้ว?เธอก็ยังคงถ่อมตน และโลว์โปรไฟล์ไม่เปลี่ยนแปลง

“ดิฉันไม่ใช่คนที่มีคุณสมบัติอะไรที่จะเป็นคนเด่นคนดังในสังคม และคิดว่าสิ่งสำคัญคืออย่าไปหลงใหลได้ปลื้มเมื่อประสบความสำเร็จ เช่นกันกับไม่ควรท้อแท้ หรือปล่อยให้ตนเอง

รู้สึกมืดมน เมื่อต้องพบกับช่วงเวลาที่ยากลำบาก”

จริงอยู่ที่คนเราอาจมีต้นทุนชีวิตไม่เท่ากัน แต่คุณสมบัติที่ “แจ็ก หม่า” แห่งอาลีบาบา, “สตีฟ จ็อบส์” ของแอปเปิล หรือเจ้าแม่จอทัชสกรีน “โจว ฉุนเฟย” มีเหมือนกัน นอกจากความกระหายที่จะเรียนรู้ และพัฒนาตนเองอยู่ตลอดเวลาแล้วก็คงเป็น “หัวใจ” ที่ไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ

และคนที่สามารถประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ได้ ล้วนผ่านความล้มเหลวมานับครั้งไม่ถ้วน เมื่อล้มลงไม่เพียงไม่ยอมแพ้ แต่ยังเรียนรู้ และพัฒนาตนเองจากความผิดพลาดล้มเหลวที่ผ่านมาได้

//www.matichon.co.th/news/221585




Create Date : 25 กรกฎาคม 2559
Last Update : 25 กรกฎาคม 2559 8:46:12 น. 0 comments
Counter : 797 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Querist
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 11 คน [?]




Friends' blogs
[Add Querist's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.