วิธีทำให้สุนัขยอมปล่อยของออกจากปาก แบบจิตวิทยาสุนัข จ่าฝูง - ลูกฝูง

วิธีทำให้สุนัขยอมปล่อยของออกจากปาก แบบจิตวิทยาสุนัข จ่าฝูง - ลูกฝูง

ไม่ควรแย่งของจากปากสุนัข ไม่ว่าจะใช้วิธีดึงออก กระชากออก หรือ ง้างปากเพื่อดึงของออก การทำเช่นนี้ ไม่ใช่การกระทำของจ่าฝูง (จ่าฝูงจะไม่ยื้อแย่ง สิ่งของจะต้องอยู่ที่เดิม อยู่นิ่งๆ ตัวไหนปล่อยก่อน ถอยก่อน ตัวนั้นแพ้ เป็นการสู้ทางจิตใจ ไม่ใช่ทางกำลัง) การยื้อแย่งของจากสุนัขเราจะกลายเป็นเป็นคู่แข่ง เป็นเพื่อนเล่นเขาแทน แต่ไม่ใช่จ่าฝูง

การยื้อแย่ง จะไปกระตุ้นสัญชาตญาณการล่าได้ ทำให้สุนัขเกิดการแย่งกลับ ยื้อกลับ ถึงแม้เราจะแย่งของมาได้(ด้วยกำลัง) แต่จริงๆแล้วจิตใจเขาไม่ได้ยอมให้เรา ไม่ได้ให้เพราะอยากให้ แต่ถูกเอาไปเพราะการใช้กำลังบังคับ ตอนนี้เขาอาจยื้อแย่งแพ้เรา เพราะพละกำลังสู้เราไม่ได้ ในครั้งต่อไปเขาก็จะกัดแน่นกว่าเดิม หรือ ใช้เทคนิคที่เราแพ้แน่ๆคือ คาบแล้ววิ่งหนี หรือ ใช้สิ่งที่เรากลัวที่สุดก็คือ กัดสวนเลย

เป้าหมายคือ "ไม่ยื้อแย่ง ของต้องอยู่ที่เดิม สุนัขต้องเป็นฝ่ายปล่อยก่อน"

นั่นคือ เราอ้างสิทธิ์ในสิ่งของชิ้นนั้นได้ และ เราเป็นเจ้าของ สุนัขจะเคารพเรา และ เคารพสิ่งที่เป็นของเราด้วย

Tip

"ห้ามเปิดโอกาสให้สุนัขคาบของแล้ววิ่งหนีเรา หรือ คาบแล้ววิ่งไปซ่อนใต้โต๊ะใต้ตู้ เมื่อนั้นเราจะแพ้ เพราะเราไม่สามารถวิ่งตามทันแน่นอน หรือตามทัน แล้วแย่งกลับมา ระหว่างที่แย่งเขาอาจกัดสวนได้ หรือ ถ้าเขาหนีแอบไปใต้โต๊ะ พอเราเอื่อมมือไปอาจทำให้เขากัดมือเราได้ "


วิธีเอาของคืนจากสุนัข "ถ้าสุนัขคาบแล้ววิ่งหนี"

- ถ้าเราสามารถคาดการณ์ได้ว่า สถานการณ์นี้ เขาจะวิ่งหนีได้ เราต้องพยายามปิดโอกาสซะ เช่น ใส่สายจูงไว้จะได้คว้าทัน หรือ เหยียบสายจูงได้ทัน / ถ้าต้องการฝึก พยายามฝึกในสถานที่ที่เราจะคว้าตัวเขาได้ทัน /โต๊ะตัวไหนที่เขาจะเข้าไปซ่อนได้ หรือ ช่องไหน หลืบไหนเขาหนีไปมุดตัวได้ เราก็หาสิ่งของมาปิดช่องไว้ เขาจะได้เข้าไปไม่ได้ คือพยายามอย่าให้เราอยู่ในสถานการณ์ที่เรามีโอกาสแพ้เขาได้

-ถ้าเราไม่สามารถป้องกันได้ หรือ อยู่ในสถานการณ์คับขัน เมื่อน้องหมาวิ่งหนี เราห้ามวิ่งไล่เด็ดขาด (วิ่งไล่คือเพื่อนเล่น เวลาสุนัขจะล่าเหยื่อ หรือต้องการหยุดตัวที่กำลังวิ่งหนี เขาจะวิ่งต้อนไปดักหน้า หรือ ต้อนให้อีกตัวจนมุม)

ให้เปลี่ยนจากการไล่ เป็นการต้อนแทน การต้อนคือ การพยายามวิ่งดักหน้าเขาไม่ให้เขาไปต่อ เขาจะไปซ้ายก็ดักทางซ้าย จะไปขวาก็ดักขวา ประมาณนั้น พยายามต้อนเขาจนเขาหยุดเอง เน้นว่าให้เขาหยุดเอง หรือ ต้อนเขาให้เขาหมดทางไป จนเขาหยุดเอง พอเขาหยุด เราก็ใช้ตัวเรา ร่างกายเรา บังทางเขาไว้ไม่ให้เขาวิ่งหนีได้อีก อาจจะกางขาออก เท้าสะเอว หรือ กางแขนออกเพื่อบังเขา แล้ววิธีการ " เอาบอลคืน" ก็ทำตามการยกตัวอย่างเกมส์ปาบอล ในหัวข้อถัดไป

"ถ้าสุนัขคาบของแล้ววิ่งไปแอบใต้ตู้ ใต้โต๊ะ หรือ อยู่ในช่องในหลืบ" วิธีแก้

-ถ้าระหว่างการต้อน เขากำลังจะเข้าไปซ่อนใต้ตู้ หรือ มุดตามหลืบ เราต้องรีบวิ่งไปดักให้ทัน อย่าให้เขาไปซ่อน หรือ เข้าไปมุดได้ ใช้ขา ใช้ตัวเราบังที่ซ่อนของเขาไว้ให้ได้ เราต้องพยายามต้อนเขาไปในทิศทางที่เรามีโอกาสชนะ ถ้าเขาซ่อนไม่ได้ เขาก็จะไม่มีที่ไป มีแนวโน้มที่เขาจะยอมเราได้ง่าย เราต้อนจนกว่าเขาจะหยุดเอง เมื่อไหร่เขาหยุดนั้นคือ เขายอมแพ้ แล้วต่อด้วยวิธีการ "เอาบอลคืน" ในหัวข้อถัดไป

- ถ้าต้อนเขาแล้วเขาวิ่งไปซ่อนใต้เฟอร์นิเจอร์ ถ้าเฟอร์นิเจอร์ชิ้นไหนเราสามารถเคลื่อนย้ายได้ เราก็เคลื่อนชิ้นนั้นออก เพื่อให้เขาซ่อนไม่ได้ เน้นว่า "ห้ามลากเขาออกมาจากที่ซ่อนเด็ดขาด เพราะมีแต่จะมีข้อเสีย คือ เรามีโอกาสถูกกัด และ ครั้งต่อไปเขาก็จะวิ่งไปซ่อนอีก การใช้กำลังบังคับให้เขาออกมา ทำให้สุนัขไม่เรียนรู้ สุนัขจะเรียนรู้ได้โดย เขาต้องยอมที่จะทำตามด้วยตัวเขาเอง ไม่ใช่กำลังบังคับ "

พอเขาไม่มีที่ซ่อน เขาก็จะยอมแพ้และหยุดเอง

-ถ้าเขาซ่อนใต้เฟอร์นิเจอร์ที่เราเคลื่อนไม่ได้ เราต้องกระตุ้นให้เขาออกมาเอง ใช้ทุกวิธีทาง ใช้ได้เต็มที่ให้เขาออกมาใต้ตู้ให้ได้ อาจใช้ขนมล่อ(ใช้ล่อเฉยๆแต่ไม่ได้ให้กิน) ใช้เสียง หรือ แค่นั่งรอเฉยๆ แต่ทำเป็นไม่สนใจ รอจนกว่าเขาจะออกมาเอง พอเขาออกมาเราก็ต้อนต่อ อย่าเปิดโอกาสให้เขาเข้าไปซ่อนได้อีก พอเขาไม่มีที่ซ่อน เขาก็จะยอมแพ้และหยุดเอง

การที่ให้เขายอมออกมาเองจากที่ซ่อน หรือ เราบังไว้ไม่ให้เขาไปซ่อนได้
เขาจะเรียนรู้ว่าไม่มีที่ให้ซ่อนอีกแล้ว เขาต้องเผชิญปัญหาเอง ห้ามหนีปัญหา เขาก็จะมีแนวโน้มไม่ซ่อนตัวเพื่อหนีปัญหาอีก และ การต้อนจนเขาหมดทางไป จนเขาหยุดเองเพราะยอมแพ้ เขาก็จะเรียนรู้ว่า หนีไปก็ไม่มีประโยชน์ ยังไงเขาก็แพ้อยู่ดี

แม้เขาจะเรียนรู้ได้แล้วในครั้งนี้ แต่ในครั้งต่อไปเขาอาจลองท้าทายความสามารถเราอีกก็ได้ ว่าถ้าเขาจะซ่อนอีก เราจะแพ้เขาไหมคราวนี้
เราก็ต้องอย่าเปิดโอกาสให้เขาซ่อนได้ ถ้าเขาสามารถซ่อนได้อีก เขาจะได้ใจ และครั้งต่อไปเขาก็จะใช้การวิ่งหนี และ แอบซ่อน มาต่อกรกับเราอีก ที่สำคัญ "เราห้ามพลาดเด็ดขาด"

///////////////////////////////////////////////////


"วิธีฝึกให้เขาปล่อยของออกจากปาก"

ยกตัวอย่างเกมส์ปาบอล

แบบที่ 1

เมื่อเขาคาบบอล เราเอามือไปรองใต้คาง ถ้าเขาปล่อยบอลออกมา เราเพิ่มคำสั่งเสียงว่า "ปล่อย" แล้วให้ขนม หรือ คำชม

แบบที่ 2

ถ้าไม่ยอมปล่อย เราต้องจับบอลไว้แน่น แต่ไม่แย่ง ไม่ยื้อ จะจับให้บอลอยู่ที่เดิมตรงนั้น เกร็งมือให้บอลอยู่กับที่ที่สุด และให้สุนัขปล่อยบอลเอง เมื่อนั้นเราชนะ เพราะใครปล่อยก่อน คนนั้นแพ้ เป็นการสู้ทางจิตใจ

วิธีนี้เป็นการอ้างสิทธิ์ในสิ่งของนั้นๆแบบการใช้จิตวิทยาสุนัข คือ สิ่งของต้องอยู่ที่เดิม ใครปล่อยก่อน ใครถอยก่อน คนนั้นแพ้ เป็นการต่อสู้กันทางจิตใจ จะเห็นพฤติกรรมแบบนี้ได้บ่อยในสุนัขที่หวงอาหาร หวงของเล่น เวลาสุนัขตัวอื่นเข้าใกล้ สุนัขตัวที่หวงอาหาร จะใช้ส่วนหัวหรือปากคร่อมอาหารไว้ และกันไม่ให้ตัวอื่นเข้าใกล้อาหาร เขาจะไม่ใช้วิธียื้อกัน

สุนัขที่เล่นคาบเชือกแล้วยื้อกัน Tug of War นั้นเป็นการเล่นประลองกำลังกัน แต่ไม่ใช่การอ้างสิทธิ์ในสิ่งของในแบบจ่าฝูง-ลูกฝูง เพราะฉะนั้นถ้าเราไม่อยากอยู่ในตำแหน่งเพื่อนเล่นของสุนัข ก็ไม่ควรยื้อแย่งของออกจากปากสุนัข แต่ถ้าอยากให้สุนัขมองเราว่าเป็นจ่าฝูง ก็ต้องให้สุนัขปล่อยของออกจากปากเอง จะเป็นจ่าฝูงอย่างสมบูรณ์ ลูกฝูงต้องยอมจากใจ ไม่ใช่ยอมจากกำลังบังคับ คนมักชอบคิดว่า ฉันแข็งแรงกว่า ฉันแน่กว่า ฉันคือจ่าฝูง(นักเลง) จริงๆแล้วคนคนนั้นก็ได้แต่ตัวสุนัข(ที่ยอมหงอให้ เพราะหวาดกลัวหมดหนทางสู้) แต่จะไม่ได้ใจ คนก็จะมักหลงตัวทึกทักเอาเองว่า สุนัขยอมเป็นลูกฝูงแล้ว แต่จริงๆที่สุนัขยอม ก็เพราะเขาไม่อยากเจ็บตัวต่างหาก

แบบที่ 3

ถ้าสุนัขยื้อมากกว่าเดิมและไม่ยอมปล่อย แถมมีเสียงขู่ด้วยระหว่างยื้อกับเรา เราต้องจับบอลไว้แน่น แล้วใช้มืออีกข้างฉกที่สีข้างเลย ให้เขาสะดุ้ง พอเขาสะดุ้งเขาก็จะปล่อยบอลโดยอัตโนมัติ คราวนี้เขาจะรู้เลยทันทีว่า ห้ามฝืนยื้อกับเรา ไม่งั้นเราจะกัด(ฉก) ต่อไปพอเราจะเอาบอลจากปากสุนัข แค่เอื้อมมือไปที่บอลเขาก็จะปล่อยทันที นี่คือ การสั่งสอนในแบบ จ่าฝูง-ลูกฝูง
การฉก เขาจะเข้าใจ แต่การตีหรือแย่งชิง เขาจะสื่อความหมายเป็นอย่างอื่นแทน

//////////////////

"แต่ถ้าเราต้อนเขาแล้วเขาหยุด หรือ พอเราจะเอามือไปจับบอล แต่ไม่ยอมปล่อยบอล พร้อมมีเสียงขู่คำราม อย่าใช้มือแย่งเด็ดขาด เพราะอาจถูกกัดได้"

แก้โดย

-เราต้องยืนนิ่งๆเฉยๆ บังเขาไว้ไม่ให้เขาวิ่งหนีไปได้ ใช้ร่างกายเราบังไว้เพื่อให้เขายืนนิ่งๆตรงนั้น เขาห้ามหนี
-ตอนนี้ การรอ คือสิ่งที่เราต้องทำ เรายืนตรงนั้น รอจนกว่าเขาจะปล่อยของออกจากปากเอง เมื่อเขาปล่อยบอลออกจากปาก นั่นคือเขายอมแพ้เรา แต่เวลาเราจะก้มหยิบบอล เราต้องใช้ขาเราทั้งสองข้างคร่อมบอลนั้นไว้ และขายังช่วยบังสุนัขไว้ ไม่ให้เขาเข้ามาแย่งบอลคืนไปได้ หรือ ขายังเป็นเครื่องป้องกันการถูกกัดมือได้ด้วย เมื่อใช้ขาบังไว้ ก็ใช้ขาข้างใดข้างหนึ่ง ดันเขาเขี่ยเขาไปให้พ้นทาง แล้วเราค่อยก้มหยิบบอล

แต่จะปลอดภัยที่สุด ก็คือ ก่อนเราจะก้มหยิบบอล เขาต้องเมินหน้าหนีไปทางอื่น ไม่มองจ้องบอล หรือ เขาไม่มีความพยายามจะเข้าไปคาบบอลอีก

เมื่อไหร่ที่เขามองไปทางอื่นแบบเลิกสนใจบอล เมื่อนั้นคือการยอมแน่ๆ และเป็นช่วงเวลาที่ปลอดภัยที่สุดในการก้มหยิบบอล




 

Create Date : 19 พฤศจิกายน 2553
0 comments
Last Update : 19 พฤศจิกายน 2553 21:18:08 น.
Counter : 283 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะ VIP Friend
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


puy_naka63
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




เป็นคนที่ชอบอ่านหนังสือมากๆ อ่านได้ทุกประเภท อ่านตั้งแต่ยังไม่ถึง 10 ขวบ
ตอนแรกเริ่มจากหนังสือพิมพ์ มาขายหัวเราะ มหาสนุก จนเดี๋ยวนี้อ่านได้ทุกอย่างจริงๆ ในชีวิต ไม่มีอะไรก็ได้แต่ขอให้มีหนังสือ
ความฝัน อยากจะมีร้านกาแฟกับร้านเช่าหนังสืออยู่ในร้านเดียวกัน

Group Blog
 
 
พฤศจิกายน 2553
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
19 พฤศจิกายน 2553
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add puy_naka63's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.