กระเทย อกหักเกิดจากอะไร
กระเทย อกหักเกิดจากอะไร

    กระเทยอกหักเกิดจากอะไร เกิดจากเขาไม่ยอมรับความจริง เราต้องยอมรับความจริงว่าเราเป็นกระเทย ไม่ใช่ผู้หญิงแท้ เป็นกระเทยจะเอาผัวหรือเอาเมีย ถ้าเอาผัวเราไม่มีอวัยวะเพศหญิงให้เขาได้สมสู่ แม้ว่าเราจะแปลงเพศแล้ว แต่ว่าก็ยังเป็นผู้ชายอยู่ดี ความรู้สึกมันไม่ใช่ พอคบกับผู้ชายไปถึงจุดหนึ่งแล้วเราไม่สามารถมีลูกให้เขาได้ เรายอมรับตรงนี้ได้หรือไม่ 

    เราไม่สามารถมีลูกได้ พอถึงจุดหนึ่งฝ่ายชายอยากมีลูก เราไม่สามารถมีลูกให้เขาได้ เขาอยากมีลูก เขาอยากมีเมียน้อยสักคนหนึ่ง เรายอมเขาได้ไหม? นี่คือความจริง หนีไม่พ้นกับความจริงตรงนี้

    นี่เป็นปัญหาหลักใหญ่ของกระเทยทั้งหลาย เป็นปัญหาสู้กับธรรมชาติ เป็นกิเลสตัณหาที่สู้กับธรรมชาติ 

    กระเทยมีฐานะที่ดีที่สุดคือ "การเป็นชู้" เราเป็นได้แค่ชู้เราจะไปคิดอย่างอื่นไม่ได้ เป็นเมียน้อยก็ไม่ได้ เพราะว่าเมียน้อยก็ต้องมีลูก 

    แล้วเราเป็นชู้จะผิดหรือไม่ การเป็นชู้บางอย่างก็ไม่ผิด ถ้าสมยอมกันทั้ง ๓ ฝ่าย เช่น เราสัญญาต่อกันว่า ถ้าฝ่ายชายไปอาบ อบ นวด ฝ่ายหญิงต้องเตรียมเงิน เตรียมถุงยาง เตรียมเสื้อผ้าให้  แล้วจะผิดตรงไหน

    จะมีผู้หญิงสักกี่คนที่ทำได้อย่างนี้ ผู้หญิงที่ทำอย่างนี้ทำได้น้อยคนมาก แต่ถ้าผู้หญิงคนไหนทำได้ประสบความสำเร็จจะกลายเป็นแม่ใหญ่ในบ้าน ถ้าผู้หญิงไม่รู้จักตรงนี้เขาจะเป็นแม่ใหญ่ในบ้านไม่ได้

    คนเราต้องยอมรับความเป็นจริง เรื่องเหล่านี้ยอมรับกันยาก แม้แต่องค์เทพ เทวดา ก็ยังไม่ยอม

    อะไรที่เป็นการต่อสู้และฝืนกับธรรมชาติ เป็นสิ่งที่ยากมาก แต่ผู้ที่สามารถชนะได้นั่นแหละคือผู้อภิเยี่ยมยุทธ์

    ชู้เป็นอย่างไร สมมติว่า เราสัญญากับเมียว่า เราจะไม่เที่ยวอาบ อบ นวด ถ้าเราไปเที่ยวนี่แหละเราผิดแน่นอน แต่ถ้าสัญญาว่าเวลานี้ ฉันดูแลบ้าน ดูแลครอบครัวให้อย่างดี แต่ถึงวาระที่จะไปมีอะไรส่วนตัวของผู้ชาย เป็นการผ่อนคลาย แล้วฝ่ายหญิงเตรียมให้ก็ไม่เห็นผิดตรงไหน ก็ไม่เห็นว่าจะผิดสัญญาอะไร

    คำว่า ผิด "กาเม" คือ ผิดสัญญา ต้องมีการสัญญาข้อตกลงคุยกันก่อน ตอนช่วงที่เราแต่งงานกัน มีการสัญญาว่าจะอยู่ด้วยกัน รักเดียวใจเดียว ว่าไปหมด อย่างนี้เป็นข้อสัญญา ถ้าผิดข้อกาเมฯ นั่นคือไปผิดข้อสัญญาระหว่างกัน เพราะว่าไปสัญญากันก่อนที่จะแต่งงานตกลงปลงใจร่วมอยู่ด้วยกัน 

    สมมติว่าเราจะไปเอาเมียคนอื่น คนนี้เขาเลิกสัญญากับผัวเขาแล้ว หย่ากันแล้ว ไปเอาเขามาเป็นเมีย ไม่ผิดทางธรรม แต่ถ้าระหว่างผู้หญิงยังมีสัญญาต่อกันอยู่ เราไปละเมิด เราก็ผิดสัญญา

    ถ้าเรายังมีสัญญาอยู่ ถ้าไม่เคลียร์สัญญา สัญญาเก่าก็ยังคงอยู่ มันก็จะส่งผลอยู่ตลอด สัญญายังมีผลอยู่ ก็ส่งผลอยู่ตลอด ถ้าเราไม่แก้ก็มาเรื่อยๆ

    ถ้าเรายังมีสัญญาอยู่แล้วเราจะแก้ยังไง ต้องหาผู้รู้ไปพูดคุย ปรึกษา เจรจา แก้ไข เพื่อเป็นการเปลี่ยนสัญญาใหม่ และมีการปฏิบัติอย่างเคร่งครัดของตัวเอง

    ถ้าเป็นเรือเก่า ยังไงเราก็ต้องอยู่ในเรือเก่า ถ้าเป็นเรือเก่าเราจะขึ้นเรือใหม่ได้ยังไง ก็ต่อเมื่อเราซื้อตั๋วเรือใหม่แล้วขึ้นเรือใหม่ 

    ตรงนั้นก็ต้องเคลียร์ให้จบ พอเคลียร์เรือเก่าถึงจะขึ้นเรือใหม่ได้ บางคนซื้อตั๋วทิ้งไว้ตั้งนานแล้วก็ลืม อยู่ดีๆ โผล่มา มีคนมาขึ้นเรือของเรา

    "เรือ" ก็เปรียบเสมือน "สัญญา" ของเรา ถ้าเรายังไม่ทิ้งเรือนี้ เราก็ต้องอยู่ในเรือลำนี้ แต่ถ้าเราเปลี่ยนสัญญาใหม่ เราก็ขึ้นเรือลำใหม่ 

    แต่ถ้าเรายังชอบเรือเก่า เราก็ต้องเสวยวิบากกรรมอยู่เรื่อยไปตามนั้น ฉะนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ที่เราเลือก อยู่ที่เจ้าตัว ๙๙.๙๙% อยู่ที่เราตัดสินใจ สรุปจะเอายังไง เราจะบอกว่าทุกข์ๆ ทุกข์ๆ แต่ก็ไม่ยอมออกจากทุกข์ 

    ทุกอย่าง หนังสือก็ต้องมีตอนจบ หนังสือเล่มนี้จบก็ต้องดูหนังสือเล่มใหม่

    คนเราต้องผ่านอดีตใช่หรือไม่ ถ้าอดีตไม่ผ่านจะมาถึงปัจจุบันไม่ได้ 

    เรื่องรักๆ ใคร่ๆ เป็นปัญหาที่ทุกข์หนักที่สุดของมนุษยชาติ เพราะว่า มนุษยชาติใฝ่คว้าหาคู่เพื่อฝากทั้งนั้น ฝากอะไรล่ะ ได้แก่ ฝากความหวัง ฝากชีวิต ฝากอื่นๆ อะไรไว้ เพราะคำว่าฝากนี่แหละ ทำให้ตนเองต้องทุกข์ เกิดทุกข์ เหมือนกับเซ็กส์ถ้าเราเข้าใจจะเป็นอิสระไม่เป็นทุกข์

    สิ่งที่ได้มาครอบครองแล้ว เป็นทาส จึงเป็นทุกข์ สมมติว่า ความรัก เราไปฝากความหวังแล้วเราก็กลายเป็นทาสแห่งความรักใช่หรือไม่? 

    สมมติว่า กระเทยไปฝากความหวังไว้กับผู้ชาย ใช่หรือไม่ว่ากระเทยฝากความหวังไว้กับผู้ชาย ผู้ชายคนนี้ต้องรักเขาตลอด พอเราฝากตลอดแล้ว กระเทยจะยึดครองตัวผู้ชายไว้ตามที่กระเทยคิด เขาก็ต้องเป็นทาสใช่หรือไม่ กระเทยคนนี้ก็ต้องทำทุกอย่างใช่ไหม? ทุกข์หรือไม่? นี่แหละทุกข์ 

    ตราบใดที่เราได้ครอบครองแล้วเราเป็นทาส เราเป็นทุกข์ ถ้าเราไม่อยาก ไม่อยากเป็นทุกข์ เราก็อย่าเป็นทาส เราไม่เป็นทาสเราก็ต้องรู้จักพึ่งตัวเอง

    อดีตจะต้องผ่านถึงจะอยู่กับปัจจุบันได้ ผู้ป่วยในโรงพยาบาลสวนปรุงเขาติดอดีตกันทั้งนั้น

    แล้วถ้าไม่มีเรือลำใหม่มา มีแต่เรือลำนี้แล้วเราจะขึ้นเรือลำใหม่ได้อย่างไร เพราะเราไม่เห็นเรือลำใหม่

    แล้วคุณเจอท่ารู้จักลงไหมล่ะ? ลงแล้วก็รอสิ 

    ถ้าเราเจอท่าเรือแล้วไม่ยอมลง แล้วจะล่องลอยอยู่กลางแม่น้ำ แล้วจะทำยังไง แล้วเราจะให้มีเรือลำใหม่ไปหาเรือของเราในมหาสมุทรอย่างนั้นหรือ? เป็นไปไม่ได้

    เราต้องหาที่จอดที่ท่าเรือ แล้วเราก็มาเปลี่ยนตั๋วที่ท่า 

    ถ้าเราจอดเรือที่ท่าแล้ว แล้วเมื่อไหร่เรือลำใหม่จะมาล่ะ เราก็ต้องใช้วิชชาปัญญา ต้องรู้ว่าที่ท่านี้มีอะไรบ้าง เราไปจอดท่าเรือไหน ท่านี้มีอะไรล่ะ ถ้าเรามีปัญญาดีๆ เดี๋ยวเรือก็มา

    ถ้าเรือคันนี้มา เราไม่ขึ้นเรือลำนี้ เดี๋ยวเรืออีกลำก็มาหา เราก็ค่อยขึ้นก็ยังได้ บางทีเราก็ขึ้นไปต่อเรือท่าโน้น ท่านี้บ้าง ก็ถึงจุดหมายปลายทางอยู่ดี

    สมมติว่า เราไม่มีรถจากเชียงรายไปยังกรุเทพฯ ถ้าเรามีปัญญา เราก็นั่งรถอีกคันไปถึงพะเยา ต่อจากพะเยาก็ไปยังกรุงเทพฯ ก็ได้

    ถ้าอย่างนี้ เราก็ต้องสร้างวิบากเยอะมากนะสิ เพราะว่า ขึ้นรถหลายต่อ หลายคัน กว่าจะไปถึงกรุงเทพฯ นี่แหละถ้าเป็นวิบากกรรมดีทำไมเราไม่หมั่นสร้างไว้ล่ะ ก็วิบากกรรมดีพาเราไปถึงกรุงเทพฯ นี่

    แล้วจะเรียกว่าวิบากดีได้อย่างไร เพราะว่า สมมติว่า เราอยู่กับน้องตุ๊กตา แล้วก็เลิกกับตุ๊กตา แล้วก็ไปอยู่กับน้องฝน เลิกกับน้องฝนแล้วไปอยู่กับน้องเชอรี่ หลายทอดหลายต่อ ไม่เป็นวิบากกรรมชั่วหรือ?

    ภูมิปัญญาของเราจะมีแค่มีเพศสัมพันธ์เท่านั้นเองหรือ? เราต้องหาสรณะอย่างอื่น เช่น ตอนนี้เรามีสรณะตัวอื่นบ้างไหม? นี่แหละเราไม่เข้าใจ ไปเจาะจงว่าจะต้องมีเพศสัมพันธ์ระหว่างชายหญิง แล้วเราก็ไปฝากความหวังไว้แค่ตรงจุดนี้

    สมมติว่า เราไปจอดท่าเรือตรงนี้ เปรียบเสมือนว่าท่าเรือนี้เป็นสรณะของเรา สมมติว่าช่วงนี้ไม่มีเรือ เรามีงาน เราก็ทำงาน เราสรณะกับงาน มีเรือดีๆ มา เราก็ขึ้น ถ้าไม่มีเรือมาเราก็ทำงานของเราไปก่อน

    นี่แหละเรารออย่างมีหลัก มีวิชาการ มีความหวัง ถ้าเราใจเย็นๆ รอ เรารอไม่ไหวหรอก เพราะร้อน เพราะว่าเราไม่มีวิสัยทัศน์

    บางครั้งเราเลิกกับแฟนไปแล้ว แต่ว่าพอบางเวลาเราก็ยังคิดชะแว๊บคิดหวนถึงอดีตเก่าๆ ระหว่างเขากับเรา อันนี้แหละก็ถือว่าเป็นธรรมดา เป็นส่วนผสม แต่ว่าเราต้องรู้จักสอนตัวเอง ว่าอันนั้นเป็นอดีตจะเป็นปัจจุบันไม่ได้แล้ว เราอยู่กับปัจจุบันก็ต้องมีอนาคต คือมีวิสัยทัศน์ 

    เราทำไมไม่คิดถึงแฟนคนใหม่ที่ดีกว่าคนเก่า คือ เขาเข้าใจเราด้วย อยู่กันอย่างบำเพ็ญได้ด้วย ทำไมเราไม่มีวิสัยทัศน์ตัวนี้ล่ะ เพราะอะไร เพราะว่าเราไม่มีวิชาการ ไม่มีปัญญาตรงนี้ ก็เลยทำให้เรากลัว กลัวว่าเราจะไม่เจออย่างนั้น ไม่ได้อย่างนั้นตามที่ตนเองคิดไว้

    สมมติว่า เรามีโทรศัพท์มือถือเครื่องนี้อยู่ในมือ แล้วมันพังไปล่ะ แล้วเรามีวิสัยทัศน์ที่ดีกว่ามือถือตัวนี้หรือไม่ ถ้ามีอยู่ แล้วเราจะไปอาลัยอาวรณ์กับตัวเก่าอยู่ไหม? ก็ไม่อาลัยอาวรณ์กับตัวเก่าเลย เห็นหรือไม่เราก็จะเอาแต่ตัวใหม่ เราต้องมีวิสัยทัศน์

    ธรรม มีวาระธรรม มีวิสัยธรรม ธรรมไม่ใช่จอดอยู่ตรงนั้น ยังมีวิสัยธรรมที่จะต้องดีกว่านั้น เรารู้ตรงนั้น เราก็มีเป้าหมาย มีความหวัง พอเรามีความหวังจิตเราก็ไม่ไปผูกกับของเก่าให้ดิ่งลง จมปลัก

^_^  ..._/_...  ^_^ 
ขอความเคารพ หากผู้รู้มีสิ่งชี้แนะ น้อมรับฟังเสมอ และขอความกรุณาแย้ง ชี้แจง ชี้แนะ แม้แต่ต้องการให้เพิ่มเติมสิ่งใด ก็ขอได้บอกกล่าวมา

อ.พรหมสิทธิ์ ทิพย์ธาดาวงศ์
เอื้อ-เกื้อ-กัน เป็นกัลยาณมิตรทุกขณะจิต

 



Create Date : 22 พฤษภาคม 2562
Last Update : 22 พฤษภาคม 2562 21:53:17 น.
Counter : 480 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

พรหมสิทธิ์
Location :
เชียงราย  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed

 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



อ.พรหมสิทธิ์ ทิพย์ธาดาวงศ์
เอื้อ-เกื้อ-กัน เป็นกัลยาณมิตรทุกขณะจิต

ศึกษาเรียนรู้ธรรมะโดยธรรม นำมาปฏิบัติ และเผยแผ่ธรรมะนั้น ให้คนรู้จักบริหารกรรม แก้กรรม พัฒนากรรม ให้เกิดสันติสุข
New Comments
Group Blog
พฤษภาคม 2562

 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
21
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
 
22 พฤษภาคม 2562
All Blog