Group Blog
 
 
พฤษภาคม 2560
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
17 พฤษภาคม 2560
 
All Blogs
 
Point Of View : โดนเทจากงานประจำ แล้วมาเฮ งาน(นายตัวเอง)









                บริเวณโรงอาหารลานอิฐ ในรั้ว มอ.ปัตตานีแห่งนี้ไม่ค่อยวุ่นวายมากนัก อาจจะเป็นเพราะเวลาที่ฉันนัดกับคู่สนทนาใกล้จะเข้าบ่ายสองซึ่งเลยเวลาทานอาหารเที่ยง และอีกเหตุผลหนึ่งน่าจะเป็นเพราะเป็นช่วงปิดเทอมทำให้นักศึกษาไม่ค่อยมาใช้โต๊ะลานอิฐเสียเท่าไรมีเพียงโต๊ะไม่กี่โต๊ะที่มีคู่สนทนาแลกเปลี่ยนวาจากัน หนึ่งในโต๊ะนั้นคือ โต๊ะของฉันและคู่สนทนา

คู่สนทนาของฉันในวันนี้ชื่อ นายเสาพี บาการาง หรือ “แบปีขายน้ำหน้าไทยพาณิชย์สายมอ.” อันที่จริงฉันรู้จักกับ แบปี มาซักพักใหญ่แล้ว แต่ไม่เคยที่จะสนทนาเรื่อง การทำธุรกิจของเขา แบบเป็นจริงเป็นจังเสียที คราวนี้มีโอกาสจึงได้นัดเจอและพูดคุยเส้นทางที่กว่าจะมาเป็น “แบปีขายน้ำ”อย่างทุกวันนี้ ที่ทำให้มีแฟนคลับติดใจในรสชาติของน้ำและ รสชาติของมิตรภาพจากเขาจนถึงทุกวันนี้

ฉันแอบขำเล็กน้อยก่อนที่จะเริ่มบทสนทนากับเขา เพราะฉันไม่เคยที่จะต้องมาสัมภาษณ์เขาแบบจริงจังเพราะเกือบทุกครั้งที่เจอเขา เราจะทักทายด้วยเสียงหัวเราะ คุยเรื่องมีสาระบ้าง ไร้สาระบ้าง ปะปนกันไป แต่มารอบนี้ทุกอย่างจริงจัง ต้องการเนื้อหาแบบเชิงลึก แม้แต่น้ำโอเลี้ยงที่วางอยู่ตรงหน้า ฉันก็ไม่กล้าที่จะหยิบมันขึ้นมาดื่มเพราะฉันสามารถสัมผัสความตั้งใจในการเล่าผ่านดวงตา และน้ำเสียงของเขาจนไม่กล้าที่จะละสายตาไปทิศทางอื่นได้

ช่วยเล่าหน่อยได้ไหมว่ากว่าจะมามี“แบปีขายน้ำ” อย่างทุกวันนี้ ทำอะไรมาก่อน ?

เขาเริ่มต้นเล่าเกี่ยวกับชีวิตด้านการเรียนที่เริ่มศึกษาด้วยสายอาชีพ คือ ศึกษาจบ ปวส 2 ปี ด้านบัญชีผดุงประชาพาณิชยการยะลา  แล้วมาต่อมหาวิทยาลัยราชภัฎยะลาซึ่งเอกที่มาศึกษาคือ เอกคอมพิวเตอร์ธุรกิจ เรียนภาคบ่าย ตั้งแต่เวลา บ่ายสองจนถึงสี่โมงเย็น ทุกวันจันทร์ถึงวันศุกร์ เป็นอย่างนี้จนจบสี่ปี ในปีพ.ศ. 2544

หลังจากรับปริญญาก็ได้กลับบ้านที่สุไหงโกลกเพื่อสมัครงาน โดยงานแรกที่ได้ทำนั้นคือ “เฝ้าร้านอินเตอร์เน็ต“ ธุรกิจร้านอินเตอร์เน็ตในช่วงนั้นได้รับความนิยมเป็นอย่างมากเพราะสัญญาณอินเตอร์เน็ตในช่วงนั้นต้องเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์อย่างเดียว ทำให้มีลูกค้าเข้าร้านอย่างไม่ขาดสาย ซึ่งหนึ่งในนั้นเป็นลูกค้าที่แบ(แทนสรรพนามว่าพี่ชาย)สนิทหนึ่งคนเขาเป็นผู้จัดการร้านพิธาน อันที่จริงแบก็เพิ่งมาสนิทตอนที่มาทำงานในร้านอินเตอร์เน็ตแห่งนี้แหละแต่ด้วยความที่คุยกันถูกคอ และสามารถคุยได้เกือบทุกเรื่องทำให้สนิทกันเร็วมากขึ้น

หนึ่งปีกับการทำงานในร้านอินเตอร์เน็ตสามารถนำความรู้ในสายที่เรียนจบมาปรับใช้จนสามารถสร้างรายได้ด้วยการเป็นมนุษย์เงินเดือน แต่งานแรกถือว่าไม่หนักเพราะอย่างมากที่สุด ลูกค้ามาใช้บริการอินเตอร์เน็ต ปริ้นเอกสาร และถ่ายเอกสารอีกทั้งได้ยังสามารถสร้างมิตรภาพกับลูกค้าในร้านได้อีกด้วย แต่แล้ววินาทีการเกณฑ์ทหารก็มาถึงนาทีที่โดนใบแดง ก็ไม่ได้รู้สึกเสียใจ หรือ รู้สึกดีใจแต่อย่างใดกลับมีความรู้สึกที่เฉยๆด้วยซ้ำ เพราะก่อนที่จะเกณฑ์ทหารก็ได้ตั้งใจกับตัวเองไว้ว่าหากหยิบได้ใบแดงก็ถือเสียว่าไปหาประสบการณ์ในกองทหารก็แล้วกัน แต่หากหยิบแล้วไม่ได้ใบแดงก็ทำงานร้านอินเตอร์เน็ตจนกว่าจะหางานที่มั่นคงทำ

ปริ้ด ปรี  ปริ้ด ปริ้ด ปรี ปริ้ด เสียงนกหวีด เป่าดังขึ้น เพื่อออกสัญญาณให้เหล่าทหารเกณฑ์ขยับเท้าซ้ายขวาด้วยความเข้มแข็งของชายชาตรี “แบปี “ ก็เป็นหนึ่งในเหล่าชายชาตรีนั้น  ตลอดระยะเวลา หนึ่ง ปี ในอำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี ชีวิตอยู่ในศูนย์ฝึกทหารใหม่ ต้องตื่นเช้าฝึกระเบียบอย่างหนัก ระเบียบวินัยต้องให้ความสำคัญเสมอ ยิ่งเรื่องเวลา ต้องรักษาเวลาให้มั่นคง นับเป็นช่วงชีวิตที่ต้องอาศัยความอดทนเป็นอย่างมากจำได้ว่าช่วงการฝึกทหารในเดือนนั้นตรงกับเดือนถือศิลอดของชาวมุสลิม เผชิญกับบททดสอบอย่างหนักหน่วงทีเดียวแต่อย่างไรก็ตาม สิ่งหนึ่งที่สร้างความกังวลใจต่อชาวมุสลิม คือ การปฎิบัติศาสนกิจ ที่จะต้องอาศัยการสร้างความเข้าใจให้นายเพราะมันเป็นสิ่งที่จะต้องปฎิบัติ ส่วนตัวแบมองว่า หากแสดงความเข้มแข็งในการยืนหยัดที่จะปฎิบัติศาสนกิจจะสามารถทำให้นายเข้าใจมุสลิมมากขึ้น หนึ่งปีในการรับใช้ชาติต้องมีความอดทนอดกลั้นไม่ใช่น้อย แต่นั่นก็แลก เพื่อได้ประสบการณ์ที่มีค่าและสามารถนำวินัยเหล่านั้นมาปรับใช้ในการดำเนินชีวิตของตัวเองได้

เสร็จสิ้นจากการเข้ากรมทหารก็กลับมาทำงานร้านอินเตอร์เน็ตเหมือนเดิม ตามคำชวนของเจ้าของร้านที่เคยทำงาน แต่แบไม่สามารถช่วยดูแลร้านไม่ถึงสามเดือนก็ได้เปลี่ยนอาชีพ เป็นฝ่ายไอทีในบริษัทพิธานสาขาสุไหงโกลก ซึ่งคนที่ชวนเข้าทำงานก็คือลูกค้าคนสนิทที่พบเจอในร้านอินเตอร์เน็ต

เจ้าหน้าที่ฝ่ายไอทีในบริษัทพิธานเป็นหน้าที่ที่ทำให้ตัวตนของแบเริ่มชัดมากขึ้นเพราะได้ทำงานตรงกับสายที่แบเรียนจบมาและสามารถช่วยบริษัทได้อย่างเต็มที่ในหน้าที่ที่ตนเองได้รับ หากถามความแตกต่างของการทำงานระหว่างร้านอินเตอร์กับงานที่บริษัทพิธานมันแตกต่างกันไหม“ก็ไม่แตกต่างกันมาก”

สำหรับร้านอินเตอร์เน็ตแบได้พูดคุยกับลูกค้าดูแลลูกค้าอย่างทั่วถึง แต่นั่นก็ไม่สามารถใช้ความรู้ในด้านวิชาชีพที่เรียนมาใช้ในงานได้อย่างเต็มที่แต่เมื่อมาอยู่ในบริษัทพิธานก็ได้ทำงานด้านที่ตนเองเรียนมาและสามารถนำความรู้ที่เรียนมามาใช้ในการปฎิบัติหน้าที่ตรงนั้นอย่างเต็มที่ แต่เพียงไม่ได้พูดคุยกับลูกค้าเหมือนร้านแรกแต่ทั้งสองงานมีความท้าทายคนละแบบและความท้าทายเหล่านั้นแบมองว่าเป็นความท้าทายที่จะทำให้เราพัฒนาตัวเองต่อไปเรื่อยๆ ยิ่งเจอความท้าทายมากเพียงใดก็จะยิ่งเพิ่มพูนประสบการณ์และเพิ่มบทการเรียนรู้ให้มีเพิ่มไปเรื่อยๆ

เสียงดุอาเสียงการให้พร เสียงแสดงความยินดี เริ่มดังขึ้นเรื่อยๆในงานแต่งงานของเขาเขาได้ตัดสินใจแต่งงานกับเจ้าสาวที่อยู่ในจังหวัดเดียวกัน ในปี พ.ศ. 2551 การจัดงานเป็นไปด้วยความราบรื่นทั้งฝ่ายบ่าวและฝ่ายสาวต่างปลื้มปิติในการต้อนรับแขกที่มาแสดงความยินดีในเยือนครั้งนี้ แต่เมื่อเสร็จจากการแต่งงานความเครียดในการใช้ชีวิตคู่จึงเกิดขึ้นกับเขาทั้งสอง

แบปีก็ยังคงทำงานบริษัทพิธานในสุไหงโกลกแต่ภรรยาทำงานอยู่ที่หาดใหญ่ หากแบตัดสินใจจะเลือกทำงานที่สุไหงโกลกแบต้องทำใจเรื่องระยะห่างที่จะต้องห่างภรรยา แต่ถ้าหากแบตัดสินใจที่จะตามภรรยาแบจะต้องลาออกจากสุไหงโกลก ซึ่งตอนนั้นเครียดเพราะหากลาออกก็ยังไม่รู้ว่าจะหางานที่หาดใหญ่ได้หรือไม่แต่หากไม่ลาออก แบก็ไม่เห็นด้วยที่จะต้องอยู่คนละที่กับภรรยา เพราะส่วนตัวแบคิดว่าเมื่อแต่งงานแล้วก็ต้องอยู่ด้วยกันสิ นี่เป็นความคิดส่วนตัวแบนะตอนนั้นใช้เวลาไตร่ตรองกับตัวเองเกือบสองสัปดาห์ จึงตัดสินใจยื่นใบลาออกเพื่อไปเผชิญหน้าในการหางานที่หาดใหญ่

การว่างงานของผู้ชายที่มีครอบครัวมันไม่ดีมากนักเพราะทุกอย่างสามีต้องรับผิดชอบแม้ภรรยาจะบอกว่า เราจะช่วยเหลือกันก็ตามแต่ในใจก็คิดเพียงว่า แบจะต้องหางานทำ เพื่อสามารถดูแลภรรยาของแบให้ได้ยอมรับตอนนั้นเครียด และกังวลเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายที่จะต้องมีค่าเช่าบ้านค่าใช้จ่ายในแต่ละวันอีก จำได้ว่ากว่าจะได้งานใหม่ที่หาดใหญ่ ว่างงานประมาณสามเดือนแต่ความโชคดีที่ได้งานทำที่หาดใหญ่เป็นงานด้านคอมพิวเตอร์และเป็นแอดมินขององค์กรเป็นองค์กรที่ทำงานด้านพื้นที่ชุ่มน้ำและมีหัวหน้าคนเดียวกันกับภรรยาแต่คนละหน่วยงาน การทำงานหน่วยงานนี้ยิ่งตอกย้ำความแตกต่างจากสองงานที่ผ่านมาอย่างสิ้นเชิง คือแม้ว่าจะเป็นแอดมิน และต้องทำงานอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ แต่พอเวลามีงานลงพื้นที่เราก็จะลงพื้นที่ไปศึกษาและเรียนรู้ยอมรับเลยว่า

การลงพื้นที่มีความยากไม่ใช่น้อย แต่อาศัยการพูดคุยและความเป็นกันเอง การสร้างสัมพันธ์ที่ดีกับชาวบ้าน การไม่ถือตัว เวลาลงพื้นที่นับเป็นสิ่งสำคัญมากเพราะการไม่ถือตัวจะทำให้เราทำงานด้านชุมชนง่ายขึ้น อีกทั้งการแสวงหาโอกาสที่จะลงพื้นที่สามารถพัฒนาตัวเองอย่างเห็นได้ชัดไม่ว่าจะเป็นการวางตัว การสร้างมิตรภาพใหม่ๆ และการได้รับความไว้วางใจจากชาวบ้าน

วาระการทำงานในองค์กรดังกล่าวมีทั้งหมดสามปีซึ่งเหลืออีกหนึ่งปีที่จะหมดวาระการทำงาน ภรรยาแบก็ต้องย้ายสถานที่ทำงานจากหาดใหญ่ไปประจำที่ปัตตานี เป็นหนึ่งปีที่ไม่สามารถใช้ชีวิตคู่ได้อย่างสมบูรณ์ได้เจอสัปดาห์ละสองวันบางทีก็เดือนละสาม ถึง สี่ครั้ง แต่นั่นก็เป็นระยะเวลาที่พิสูจน์ใจคนเหมือนกัน หลังจากจบสามปีครบตามวาระที่ได้เซ็นต์สัญญา องค์กรนี้ ก็ได้ปิดตัวลง 

แบจึงตัดสินใจกลับไปปัตตานีเพื่อคิดงานคราวนี้แบขอใช้คำว่า “คิดงาน” เพราะแบตัดสินใจจะหันหลังให้กับ งานประจำแบบเข้าเช้าแล้วออกเย็น เพราะรู้สึกว่ามันไม่มั่นคงอีกทั้งส่วนตัวแบเองก็มีความฝันที่จะมีธุรกิจเล็กๆเป็นของตัวเอง เลยใช้โอกาสนี้ในการพิสูจน์ตัวเองแต่อุปสรรคมันก็อยู่ตรงที่ไม่รู้จะทำธุรกิจอะไรนี่สิ

ยอมรับมีความลำบากใจและเครียดมากในช่วงตอนย้ายมาปัตตานีใหม่ๆ เพราะไม่รู้ใจตัวเองว่าจะทำธุรกิจอะไรดีทุกอย่างจนมุมไปหมดเลย แม้จะมีแสงสว่างคงจะเป็นแสงสว่างปลายอุโมงค์แต่ในใจเชื่อเสมอ ว่าแสงสว่างปลายอุโมค์นั้นจะต้องสว่างอย่างเต็มที่ในไม่ช้า

อาการเครียดกับไม่รู้จะเริ่มต้นธุรกิจกอย่างไรเริ่มครอบงำกุมความเครียดอย่างหนักหลังจากว่างงานได้สักพักใหญ่ จึงตัดสินใจ กลับบ้านที่สุไหงโกลก เพื่อปรึกษากับแม่ว่าจะเริ่มทำธุรกิจอะไรดี โชคดีอย่างหนึ่งที่บ้านทำธุรกิจเกี่ยวกับอาหารและขนมหวานจึงไม่ยากที่จะได้คำแนะนำที่ดีจากท่าน

ทุกอย่างที่แบประสบปัญหาแบมีที่ปรึกษาคนสำคัญคือ แม่และท่านก็จะแนะนำเกี่ยวกับการทำธุรกิจตั้งแต่เริ่มแรกว่าต้องทำอย่างไรเมื่อเจอวิกฤติจะต้องรับมืออย่างไร เทคนิคการทำธุรกิจแบได้มาจากท่านรวมถึงสูตรการทำขนมจู้จุน ที่ท่านได้เสนอให้ทำ การที่จะลงมือทำธุรกิจอะไรก็ตามสิ่งแรกที่จะต้องมีคือ ข้อมูล ยิ่งหากจะทำขนมจะต้องหาตลาดในการฝากขายซึ่งสิ่งแรกที่แบเลือกที่จะทำก่อน นวดแป้งขายขนม คือ การสำรวจตลาดขนม

ขนมจู้จุน(หรือขนม จูโจ) เปลี่ยนชีวิต

หลังจากที่ตกตะกอนความคิดจากที่บ้าน ว่าจะทำขนมจู้จูน แบก็ทำการสำรวจตลาดในเมืองปัตตานี ซึ่งตลาดที่ไปสำรวจตอนนั้นคือตลาดมะกรูด ตลาดหน้าพิธาน และ ร้านน้ำชาอีกสองสามแห่ง การสำรวจตลาดเพื่อสืบหาข้อมูลเกี่ยวกับขนมไม่ได้เสร็จเพียงแค่วันถึงสองวันเท่านั้น แบจำได้ว่า วันนั้นแบสำรวจตลาดขายขนมพร้อมเจรจากับแม่ค้าพ่อค้าประมาณเกือบสองสัปดาห์ สำรวจข้อมูลจนแน่ใจว่า ขนมจู้จุนยังไม่มีคนทำจึงตัดสินใจกลับสุไหงโกลกอีกครั้ง เพื่อทำการฝึกทำขนม เริ่ม ตั้งแต่การ นวดแป้ง วิธีการทอดฝึกให้ชำนาญจนสามารถกลับมาทำที่ปัตตานีด้วยตนเอง และบรรจุขนมใส่ถุงแล้วส่งตามตลาดซึ่งตอนที่ไปส่งขนมตอนนั้นจะส่งด้วย รถพ่วง หรือ รถโชเล่ขับขี่มันจนสามารถสร้างรายได้อย่างงดงามเลยทีเดียวแต่สิ่งหนึ่งถือว่าสำคัญในการเริ่มธุรกิจไม่ว่าจะเป็นธุรกิจอะไรก็ตามควรมากที่จะต้องใส่ใจรายละเอียดในข้อมูลด้านการเจาะตลาด เพราะจะสามารถทำให้เราได้เปรียบตรงที่ว่า“ข้อมูลที่เรามีมัน ไม่ใช่ข้อมูลมือสอง เป็นข้อมูลที่เราได้จากการลงสัมผัสกับการแสวงหาตลาดด้วยตนเอง

ช่วงที่ทำขนมจู้จุนจำได้ว่าเป็นธุรกิจที่มีความสุขมาก เพราะได้ทำในสิ่งที่ตัวเองไม่เคยทำมาก่อน พอได้ลองทำกลับรุ่งและได้มีเวลาพักผ่อนมากกว่างานที่แบเคยทำมาซึ่งตอนนั้นต้องเพิ่มเตาการทำขนมจู้จูนจาก หนึ่งเตา เป็นสอง จากสอง จนถึง สี่ต้องตื่นมาทำประมาณตี  1 เพื่อให้เสร็จก่อนตี 5 เพื่อที่จะไปส่งตลาด ตลาดที่แบไปส่งเป็นตลาดขนมค้าปลีกสามร้าน ซึ่งเป็นร้านที่ค่อนข้างใหญ่ เพราะพ่อค้าแม่ค้าจะมารับขนมจากเขา แล้วไปขายอีกที อีกทั้งส่งตามร้านน้ำชาอีกสิบกว่าร้าน   สิ่งที่ภูมิใจมากที่สุด เมื่อแม่ค้าบอกว่าให้เพิ่มจำนวนการทำขนมอีกนะ ลูกค้าหลายคนมาบอกว่า ขนมจู้จุนที่ร้านเขาขายดีรสชาติดีมาก นี่แหละความสุขของคนทำขนมก็มีแค่นี้ เมื่อลูกค้าติดใจและมีความสุขที่ได้กินในสิ่งที่เราทำเพียงแค่นี้ก็สบายใจแล้ว

แต่แล้วเมื่อ(ขนม)จู้จุนกลับไม่จูนให้ไปต่อ

ช่วงที่ทำขนมจู้จุนขายเป็นช่วงที่ยังไม่เข้าเดือนถือศิลอดทำให้ขายดีมากดีจนต้องเพิ่มเตาอย่างที่กล่าวมา แต่มาติดกับตรงเดือนถือศิลอดแบยังไม่ได้เตรียมแผนรองรับตรงนี้ เพราะเมื่อเดือนบวชก็จะไม่มีคนนั่งร้านน้ำชาตอนเช้า ไม่มีคนซื้อขนม หากทำก็ไม่รู้จะขายให้ใคร

หนึ่งเดือนในการถือศิลอด เป็นเวลาที่ไม่ทำขนม แต่แบต้องคิดต่อว่า ต้องหาสินค้าใหม่เพื่อมาจำหน่าย แต่คิดแล้วก็คิดไม่ออกว่าจะจำหน่ายอะไรดี จนต้องเซอีกครั้งคิดไม่ตกว่าจะขายสิ่งใดในเดือนศิลอด จึงกลับไปสุไหงโกลกอีกครั้งเพื่อปรึกษาและหาแนวทางที่จะขายสินค้าในเดือนถือศิลอดแม่เสนอว่า “ให้เข้าไปประเทศมาเลย์สิ เข้าไปซื้อน้ำหวาน มาขายในเดือนถือศิลอด”ซึ่งน้ำหวานมาเลย์จะมีตั้งแต่รสทับทิม รสกุหลาบ จะไม่เหมือนน้ำหวานของไทยจึงตัดสินใจซื้อน้ำเหล่านั้นมาประมาณ 20 ขวดซื้อเสร็จก็นำมาขายในปัตตานี โดยแบจะแบ่งน้ำหวานจากขวดแล้วใส่ถุง ทำถุงละ 10 บาท แล้วมัดด้วยยาง แล้วบรรจุใส่ลังโฟมสีขาวแล้วโรยด้วยน้ำแข็งเพื่อให้น้ำที่อยู่ในถุงมันเย็น ให้ความชื่นใจแก่ลูกค้าได้ 

จุดแรกที่ขายคือ ถนนสายมอ. ตรงประตูทางเข้าโรงเรียนสาธิตเริ่มขายตั้งแต่สี่โมงเย็นจนถึงเวลาเปิดบวช วันแรกที่ขายน้ำตาเหมือนจะตกใน เพราะขายได้เพียง 4-5 ถุง วันแรกผ่านไปกลับบ้านมานั่งปลอบใจตัวเองว่า หรืออาจจะเป็นเพราะวันแรก ลูกค้าอาจจะยังไม่รู้จักจึงลองมาขายวันที่สอง แต่ยอดการขายก็ยังคงที่ 4-5 ถุงเหมือนเดิมขายได้เพียงสองวัน จึงเลิกขายน้ำหวาน หยุดทุกอย่างเพื่อหาวิธีการใหม่ในเส้นทางของพ่อค้า

ขณะที่แบปีกำลังเล่าฉันก็จินตนาการตามแล้วเกิดข้อสงสัยว่า แล้วน้ำหวานที่ซื้อจากมาเลย์เกือบ 20 ขวด แบปีจะทำอย่างไร แต่คำตอบจากเขา กลับทำให้ฉันฉีกยิ้มไม่เต็มที่มันกำกวมในความรู้สึก “ก็ตั้งแอ้งแม้งที่บ้านบางส่วนก็ให้กับแขกที่มาเยี่ยมบ้านบ้าง “

“นี่แบโหดร้ายไปแล้วนะ แบจะไม่สงสารน้ำหวานบ้างหรอบางทีตอนนั้นมันอาจจะเศร้าตามคนขายก็ได้นะ “ เราเผลอหัวเราะออกมาพร้อมกัน จนบางทีฉันก็แอบคิดนะว่าหากน้ำหวานเหล่านั้นพูดได้ มันคงจะบอกเจ้านายมันว่า เอาฉันไปใช้ให้เกิดประโยชน์หน่อยสิจะเอาไปทำอะไรก็ได้ ดีกว่าให้ฉันนั่งอยู่เฉยๆในขวดนี้

วิธีการใหม่ที่แบกำลังจะเล่าเป็นอย่างไรเอ่ย?

จะเป็นอย่างไรนั่นหรอแบกลับไปสุไหงโกลกอีกครั้ง เพื่อเล่าปัญหา และอุปสรรค์ให้แม่ได้ฟัง หลังจากเล่าก็ร่วมกันคิดร่วมกันหาคำตอบ โชคดีอย่างหนึ่ง ตลอดชีวิตของแบ แบไม่เคยลืมคนที่บ้านยิ่งสถานการณ์ตอนนี้แบรู้ว่า ท่านมีวิธีคิดแบบนักธุรกิจมากพอสมควร เพราะถือว่าสะสมประสบการณ์ในอาชีพการขายตั้งแต่สาวจนถึงปัจจุบันท่านก็แนะนำว่า ให้ขายน้ำเหมือนเดิม แต่เปลี่ยนจากน้ำหวานให้มาเป็นน้ำตามสั่งก็อาจจะเป็น ชาเย็น ไมโล นมสด เป็นต้น เชื่อใหมตอนนั้นแบยังไม่สามารถคิดถึงขั้นนั้นได้เลย แต่ท่านก็สามารถเสนอทางออกให้ เชื่อเลยว่าอายุไม่ได้จำกัดความคิดสร้างสรรค์และอายุก็ไม่ได้จำกัดความสำเร็จเช่นเดียวกัน 

หลังจากได้คำแนะนำจากท่านแบ กลับปัตตานี เพื่อปรับปรุงและแต่งเติมโชเล่ ให้มีเต้นท์กางข้างบนเพื่อไม่ให้ร้อนแล้วใส่หม้อทำน้ำร้อนคือปรับปรุงทุกอย่างให้เป็นเหมือนร้านน้ำดื่มที่เคลื่อนไหวได้

แรกๆที่ออกไปขายสายตาที่มองมาที่ แบเหมือนเป็นคนแปลก เพราะตอนนั้น อาจจะมีแค่โชเล่แบคันเดียว ที่โมดิฟายทั้งคันให้เป็นเหมือนร้านน้ำที่สามารถเคลื่อนไหวได้การที่เรามีความคิดไม่เหมือนกับคนอื่นมันไม่ผิดหรอกและมันอาจจะเป็นความคิดสร้างสรรค์เมื่อความคิดเหล่านั้นถูกทำออกมาให้เป็นรูปธรรมสามารถที่จะแตะต้องมันได้

ตั้งแต่เดือนบวชในปีนั้นจนถึงปัจจุบันแบก็ขายน้ำ6 ปีมาแล้วและยังคงปรับปรุงรายการน้ำอยู่ตลอดเวลารวมถึงรสชาติต่างๆของน้ำเพื่อให้มีความเข้มข้นและเข้าถึงรสชาติได้มากกว่าเดิมแต่สิ่งหนึ่งที่ต้องการทำมากกว่าขายน้ำตอนนี้คือต้องการจะมีผลิตภัณฑ์เป็นของตัวเอง ซึ่งตอนนี้ก็เตรียมที่ดินในการที่จะสร้างโรงงานของตัวเองเป็นที่เรียบร้อยแล้วส่วนรายละเอียดของผลิตภัณฑ์นั้นคงต้องศึกษารายละเอียดให้มากกว่านี้อีกทีแต่ขอเก็บเป็นความลับก่อน ไว้พร้อมค่อยเปิดตัว(หวังว่าหนูคงจะไม่แก่ก่อนจะเห็นผลิตภัณฑ์ของแบนะ แอบแซวเล็กน้อย)

แล้วมีเทคนิคอะไรที่สามารถครองใจลูกค้าทำให้ลูกค้าหลายท่านรู้จัก“แบปีขายน้ำ” ไม่ว่าจะเป็น นักศึกษา บุคลากรใน มอ.ปัตตานีรวมถึงลูกค้าที่เป็นแฟนคลับจนถึงปัจจุบัน ?

การสร้างมิตรภาพกับลูกค้านับเป็นเรื่องสำคัญอันดับแรกเลยก็ว่าได้เพราะพอเวลาเราพูดคุยกับลูกค้าบ่อยๆเราก็จะสามารถสานสัมพันธ์กับลูกค้าได้และความสนิทเหล่านั้นทำให้ลูกค้าไว้ใจเรา ถึงขนาดบางคนเข้ามาขอคำปรึกษาเกี่ยวกับเรื่องงานเรื่องส่วนตัวหรือแม้กระทั่งเรื่องความรักสิ่งเหล่านี้แหละมันมีคุณค่าทางใจมากกว่ารายได้ที่ได้จากการขายน้ำ เพราะรายได้จากมิตรภาพไม่สามารถที่จะวัดผลเป็นเงินทองได้แต่มันดีต่อใจเป็นอย่างมาก

แล้วการสอนตาดีกามาอย่างไร?

การสอนตาดีกาจะสอนทุกวันเสาร์และ วันอาทิตย์ เริ่มแรกการสอนตาดีกาแบคิดว่าเป็นเพราะความบังเอิญมากกว่าเพราะพี่สาวของภรรยาโทรมาขอช่วยให้ไปสอน ตอนที่เธอขอช่วย แบยังไม่ได้ตอบตกลงแต่อย่างใดเพราะกลัว ไม่เคยมีประสบการณ์ด้านการสอน อีกทั้งการสอนไม่เคยมีอยู่ในความคิดแบเลยสักนิดและคิดว่าแบไม่สามารถทำได้ จึงยังไม่ได้ให้คำตอบ แต่พอกลับมาคิดอีกที

ถ้าสอนตาดีกาเสาร์ อาทิตย์อย่างน้อยก็เป็นการพักผ่อนจากการขายน้ำ และถือเป็นการเปิดประสบการณ์ใหม่ๆลองทำในสิ่งที่ตัวเองคิดว่าไม่ชอบ เพื่อได้ลองทำอาจจะเป็นสิ่งที่เราชอบก็ได้จนตอนนี้ก็เป็นครูตาดีกาประจำในโรงเรียนตาดีกานั้นไปแล้วเพื่อนสนิทบางคนแทบไม่เชื่อว่าแบจะสอนหนังสือได้ เพราะเขารู้จักนิสัยของแบปี ดีว่าไม่ชอบการสอนหนังสือเป็นอย่างมากแต่วันนี้แบสามารถข้ามกำแพงเหล่านั้นได้ สามารถสอนหนังสือเด็กๆได้ 




Create Date : 17 พฤษภาคม 2560
Last Update : 18 พฤษภาคม 2560 16:37:44 น. 1 comments
Counter : 1168 Pageviews.

 
แวะมาทักทายจ้าา ^__^ อิอิ sinota ซิโนต้า Ulthera สลายไขมัน SculpSure เซลลูไลท์ ฝ้า กระ Derma Light เลเซอร์กำจัดขน กำจัดขนถาวร รูขุมขนกว้าง ทองคำ ไฮยาลูโรนิค คีเลชั่น Chelation Hifu Pore Hair Removal Laser freckle dark spot cellulite SculpSure Ultherapy กำจัดไขมัน ร้อยไหม adenaa ลบรอยสักคิ้วด้วยเลเซอร์ ลบรอยสักคิ้ว Eyebrow Tattoo Removal เพ้นท์คิ้ว 3 มิติ สักคิ้วถาวร สักคิ้ว 6 มิติ Cover Paint สักไรผม 3D Eyebrow ให้ใจหายใจ สุขภาพ วิธีลดความอ้วน การดูแลสุขภาพ อาหารเพื่อสุขภาพ ออกกำลังกาย สุขภาพผู้หญิง สุขภาพผู้ชาย สุขภาพจิต โรคและการป้องกัน สมุนไพรไทย ขิง น้ำมันมะพร้าว ผู้หญิง ศัลยกรรม ความสวยความงาม แม่ตั้งครรภ์ สุขภาพแม่ตั้งครรภ์ พัฒนาการตั้งครรภ์ 40 สัปดาห์ อาหารสำหรับแม่ตั้งครรภ์ โรคขณะตั้งครรภ์ การคลอด หลังคลอด การออกกำลังกาย ทารกแรกเกิด สุขภาพทารกแรกเกิด ผิวทารกแรกเกิด การพัฒนาการของเด็กแรกเกิด การดูแลทารกแรกเกิด โรคและวัคซีนสำหรับเด็กแรกเกิด เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ อาหารสำหรับทารก เด็กโต สุขภาพเด็ก ผิวเด็ก การพัฒนาการเด็ก การดูแลเด็ก โรคและวัคซีนเด็ก อาหารสำหรับเด็ก การเล่นและการเรียนรู้ ครอบครัว ชีวิตครอบครัว ปัญหาภายในครอบครัว ความเชื่อ คนโบราณ


โดย: สมาชิกหมายเลข 4507140 วันที่: 3 พฤษภาคม 2561 เวลา:14:06:54 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

กัลปังหา ที่รอคอย
Location :
ปัตตานี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




Friends' blogs
[Add กัลปังหา ที่รอคอย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.