Munich : มดงานตัวหนึ่ง

หนังเรื่องนี้มาเงียบ ๆ ไม่มีการโปรโมทมากมาย ทั้ง ๆ ที่เป็นหนังของพ่อมดแห่งฮอลลีวู้ด ผิดกันลิบลับกับ War of The Worlds

ประเด็นยิว-ปาเลสไตน์ ผมเองได้ยินเรื่องนี้มาตั้งแต่ดูข่าวต่างประเทศตอนเด็ก ๆ แล้ว จำได้ว่าพอข่าวต่างประเทศทีไร ก็มีข่าวยิว-ปาเลสไตน์ทุกคืน กับ สงครามอิรัก-อิหร่าน จนมาถึงวันนี้ ผมใช้คำนำหน้าว่านายมาหลายปีแล้ว ก็ยังมีข่าวนี้อยู่ (ยังดีที่อิรัก-อิหร่านจบไปแล้ว)

ผมว่าสปีลเบิร์กฉลาดที่ไม่จับตัวปัญหา ระหว่างสองชนชาติมาเล่าโดยตรง ไม่มีการเท้าความถึงประวัติศาสตร์ สาเหตุของปัญหา ไม่ระบุว่าใครถูก-ผิด ? เพราะหากหนังไปก้าวล่วงตรงนี้ คงจะมีเสียงคัดค้านด่าทอ ออกมาจากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมากกว่านี้แน่

และเรื่องนี้ใครถูก-ผิด คงไม่ใช่ประเด็น แต่หนังตั้งคำถามว่า เราจะหยุดเรื่องนี้กันได้หรือยัง ?

หนังพาเราไปเผชิญหน้ากับภารกิจการล้างแค้นของฝ่ายยิว หลังจากเหตุการณ์ การจับตัวนักกีฬาโอลิมปิกของอิสราเอลเป็นตัวประกันที่ มิวนิค โดยการกระทำของกลุ่มอาหรับที่เรียกตัวเองว่า Black September ซึ่งลงเอยด้วยการที่ตัวประกันทั้งหมด 11 คนเสียชีวิต

อาฟเน่อร์ (Eric Bana) เป็นคนที่ถูกเรียกให้มาเป็นหัวหน้าในภารกิจครั้งนี้ การตามล่า รายชื่อผู้บงการวางแผนทั้ง 11 คน เราจะเห็นว่าอาฟเน่อร์มีการเปลี่ยนแปลง ตั้งแต่การสังหารรายแรก ที่กล้า ๆ กลัว ๆ ที่จะยิงเป้าหมาย ไปจนกระทั่ง ยิงอย่างใจเย็นใส่ผู้หญิงได้แบบไม่กระพริบตา

ช่วงแรกอาฟเน่อร์ มั่นใจว่าสิ่งที่ตนทำนั้นถูกต้อง สาสมที่ชาวยิวถูกกระทำ แต่เมื่อเวลาผ่านไป เขาก็พบว่า ความรุนแรงมันไม่ได้ลดน้อยลงเลย

ฝ่ายอาหรับก็ตอบโต้ด้วยวิธีการที่รุนแรงขึ้น หากเขาใช้ระเบิด พวกอาหรับก็ใช้ระเบิดในการก่อการเช่นกัน หากเขาลอบสังหารคนอื่นได้ วันหนึ่งเขาเองก็กลายเป็นเป้าหมายให้ฝ่ายตรงข้ามเช่นกัน

อาฟเน่อร์ไม่ใช่คนเดียวที่คิดว่า แล้ววันหนึ่งเราจะชนะ เมื่อเขาบังเอิญได้คุยกับชาวปาเลสไตน์ ชื่อ อาลี เขาก็พบว่า อาลีก็คิดเหมือนกันว่า สักวันหนึ่ง ปาเลสไตน์จะต้องชนะ และได้บ้านของเขาคืนมา

เมื่อทั้งสองฝ่ายคิดว่าสักวันหนึ่งฝ่ายตนต้องชนะ มันก็กลายเป็นสิ่งที่เราเห็นกันทุกวันนี้ คือปัญหาไม่มีวันจบสิ้น

แต่นางพญามด ไม่เคยต้องลำบากในการหาเสบียงเช่นไร รัฐบาลทั้งสองฝ่าย และพวกคนใหญ่คนโตในรัฐบาล ก็ไม่เคยรู้หรอกว่า มดงานตัวเล็ก ๆ ที่เขาส่งลงไปปฏิบัติการนั้นต้องสูญเสียอะไรไปบ้าง

พวกนั้นชื่นชมแต่รายงานที่บอกว่า เขาได้กำจัดอาหรับไปกี่คนแล้ว โดยไม่รู้ว่า อาฟเน่อร์ต้องสูญเสียครอบครัว คุณงามความดีที่เคยมีอยู่ในตัว ความเชื่อ และจิตวิญญาณในการฆ่าคนไปเท่าไหร่

และสำหรับมดงานด้วยกัน ทุกคนต่างมองอาฟเน่อร์ด้วยความชื่นชม
"ผมรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้พบคุณ" พลทหารบอกกับเขาเมื่อมารับเขาที่สนามบิน
"ผมได้ยินข่าวสิ่งที่คุณทำ ผมชื่นชมคุณมาก"
แต่ถึงจุดนั้นแล้ว อาฟเน่อร์มองคนเหล่านั้นด้วยความงุนงง
ด้วยความไม่เข้าใจว่า ที่เขาไปฆ่าคนมันน่าชื่นชมตรงไหน

แล้วมดงานก็ต้องทุ่มเทชีวิตจนกระทั่ง ความกดดันถึงขีดสุดเมื่อรู้ตัวว่าตัวเองกลายเป็นเป้าสังหารบ้าง อาฟเน่อร์ถึงกับต้องไปนอนในตู้เสื้อผ้า
ฉากนี้ เอริก บานา แสดงได้ดีมาก เขาทั้งหวาดกลัว หวาดระแวง รื้อเตียง รื้อเครื่องโทรศัพท์ โทรทัศน์ ทุกที่ที่เขาเองเคยใช้เป็นที่จุดระเบิด

สิ่งที่มดงานอย่างเขาทำไป ไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้น ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม ฆ่าคนเก่าก็มีคนใหม่เขามาแทนอยุ่อย่างนั้นไม่สิ้นสุด
แต่ดูเหมือนไม่มีใครมีทางเลือกที่ดีกว่านั้น

เพราะถ้างั้นเราก็ไม่ต้องตัดเล็บสิ
เออ...ฟังแล้วอึ้งเหมือนกัน
แต่ชีวิตคนไม่ใช่เล็บนะครับ
มดงาน ก็ยังเป็นมดที่ต้องออกไปรบ ในสงครามที่ไม่มีวันจบสิ้น หากเพียงแต่พวกใหญ่ ๆ โต ๆ จะลองมารบเองดูซะบ้างวันนั้นนั่นแหละจึงจะเข้าใจ
..........................................................................
คะแนน 8/10
ข้อมูลการดู
18 กุมภาพันธ์ 2549 Grand EGV Siam Discovery
ข้อมูลภาพยนตร์
Munich (2005)
Director : Steven Spielberg
Actor : Eric Bana, Daniel Craig, Ciaran Hinds, Geoffrey Rush

Create Date : 21 กุมภาพันธ์ 2549		2 comments
Last Update : 21 กุมภาพันธ์ 2549 22:35:41 น.
Counter : 513 Pageviews.
Share Tweet