การพัฒนาไปเป็นเซลล์ที่ทำหน้าที่เฉพาะเจาะจงของสเต็มเซลล์จากร่างกาย
นักวิทยาศาสตร์พบว่า สเต็มเซลล์จากร่างกายมีอยู่ในเนื้อเยื่อมากมายหลายชนิด และ เซลล์เหล่านั้นสามารถดิฟเฟอเรนชิเอทพัฒนาไปเป็นเซลล์ที่ทำหน้าที่จำเพาะ เจาะจงได้ ซึ่งก็หมายถึง กลายไปเป็นเซลล์ของอวัยวะหรือเนื้อเยื่อที่สเต็มเซลล์เหล่านั้นอาศัยอยู่ นั่นเอง นอกจากนี้ ยังพบว่าสเต็มเซลล์จากร่างกายอาจพัฒนาไปเป็นเซลล์ที่ทำหน้าที่เฉพาะเจาะจง ที่แตกต่างไปจากอวัยวะหรือเนื้อเยื่อของเซลล์ต้นกำเนิดเหล่านั้น เราเรียกดิฟเฟอเรนชิเอชั่นแบบนี้ว่า transdifferentiation หรือ plasticity
พัฒนา การของสเต็มเซลล์จากร่างกายที่เกิดขึ้นในร่างกายสิ่งมีชีวิตส่วนใหญ่เป็นแบบ ปกติ คือ พัฒนาไปเป็นเซลล์ที่ทำหน้าที่เฉพาะเจาะจงของอวัยวะหรือเนื้อเยื่อนั้นๆ ซึ่งในภาวะปกติความสามารถของสเต็มเซลล์จากร่างกายที่จะพัฒนาไปเป็นเซลล์ที่ ทำหน้าที่เฉพาะเจาะจงของอวัยวะหรือเนื้อเยื่อนั้นๆ เกิดขึ้นในระยะเวลาที่ยาวนาน โดยเซลล์ที่โตเต็มวัยจะมีรูปร่างลักษณะ โครงสร้างภายในเซลล์ และสามารถทำหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ถูกต้องและแม่นยำ
ตัวอย่างเช่น สเต็มเซลล์ หรือเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือดจะพัฒนาไปเป็นเม็ดเลือดทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นเม็ดเลือดแดง เม็ดเลือดขาวชนิดบี-ลิมโฟซัยท์ เม็ดเลือดขาวชนิดที-ลิมโฟซัยท์ เซลล์ชนิดเนเจอรัล-คิลเลอร์ เม็ดเลือดขาวชนิดนิวโตรฟิล เม็ดเลือดขาวชนิดเบโซฟิล เม็ดเลือดขาวชนิดอิโอสิโนฟิล เม็ดเลือดขาวชนิดโมโนซัยท์ เม็ดเลือดขาวชนิดมาโครฟาจ และเกล็ดเลือด
สเต็มเซลล์หรือเซลล์ต้นกำเนิดที่อยู่ในไขกระดูกชนิด สโตรมัล หรือที่เรียกว่า มีเซ็นไคมัล สเต็มเซลล์ จะพัฒนาไปเป็นเซลล์หลายชนิด ได้แก่ เซลล์กระดูกหรือออสติโอซัยท์ เซลล์กระดูกอ่อนหรือคอนโดรซัยท์ เซลล์ไขมันหรืออะดิโปซัยท์ รวมทั้งเซลล์ชนิดอื่นๆที่ประกอบกันเป็นเนื้อเยื่อเกี่ยวพันทั้งหมด
เซลล์ต้นกำเนิดระบบประสาทจะ ดิฟเฟอเรนชิเอทไปเป็นเซลล์ที่สำคัญสามชนิด ชนิดแรกเป็นเซลล์ประสาทหรือที่เรียกว่านิวรอน ส่วนอีกสองขนิดเป็นเซลล์ระบบประสาทที่ไม่ใช่ใช่เซลล์ประสาท มีชื่อเรียกว่าแอสโตรซัยท์ และโอลิโกเดนโดรซัยท์
สเต็มเซลล์หรือเซลล์ต้นกำเนิดเยื่อบุทางเดินอาหารอยู่ ในส่วนลึกของผนังลำไส้ ก่อให้เกิดเซลล์หลายชนิดด้วยกัน อาทิเช่น เซลล์ที่ทำหน้าที่ดูดซึมสารอาหาร เซลล์สร้างเมือกหรือโกลเบ็ตเซลล์ เซลล์ชนิดพาเนธ และเซลล์ที่สร้างฮอร์โมนของลำไส้หรือที่เรียกว่าเอ็นเทอโรเอ็นโดนครีนเซลล์
image
ส่วนสเต็มเซลล์ของเนื่อเยื่อผิวหนังพบ อยู่ในชั้นล่างสุดของหนังกำพร้าและที่ส่วนฐานของรูขุมขน สเต็มเซลล์ในชั้นหนังกำพร้าจะดิฟเฟอเรนชิเอทไปเป็นเคอราติโนซัยท์ ซึ่งจะเคลื่อนไปอยู่ที่ส่วนผิวบนของชั้นผิวหนังเพื่อทำหน้าที่สร้างสาร เคอราตินปกคลุมผิวหนังทั่วร่างกาย สเต็มเซลล์ชนิดฟอลลิเคิลจะให้กำเนิดส่วนของหนังกำพร้าและรูขุมขน
ตัวอย่าง ของพัฒนาการของสเต็มเซลล์จากร่างกาย ที่ดิฟเฟอเรนชิเอทไปเป็นเซลล์ที่ทำหน้าที่เฉพาะเจาะจงที่แตกต่างไปจากอวัยวะ หรือเนื้อเยื่อของเซลล์ต้นกำเนิดเหล่านั้น หรือที่เรียกว่า plasticity มีหลายกรณี ส่วนใหญ่ความรู้ใหม่เหล่านี้ได้มาจากงานวิจัยในห้องปฏิบัติการในช่วงสองสาม ปีที่ผ่านมา ซึ่งถือว่าเป็นการค้นพบที่ยิ่งใหญ่และมีความหมายมากในการนำมาประยุกต์ใช้ใน การรักษาโรคด้วยสเต็มเซลล์
เซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือดสา มารถดิฟเฟอนเรนชิเอทไปเป็นเซลล์ระบบประสาททั้งสามชนิด คือ นิวรอน แอสโตรซัยท์ และแอสโตรซัยท์ เซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือดยังสามารถดิฟเฟอเรนชิเอทไปเป็นเซลล์กล้ามเนื้อลาย เซลล์กล้ามเนื้อหัวใจ และเซลล์ตับได้อีกด้วย
สเต็มเซลล์ ชนิดสโตรมัลในไขกระดูกสามารถดิฟเฟอเรนชิเอทไปเป็นเซลล์กล้ามเนื้อหัวใจและ เซลล์กล้ามเนื้อลายได้ ในขณะที่สเต็มเซลล์ระบบประสาทสามารถดิฟเฟอเรนชิเอทไปเป็นเซลล์เม็ดเลือดและ เซลล์กล้ามเนื้อลายได้เช่นกัน
image a>ที่มา span> : นพ.วรวุฒิ เจริญศิริ
Create Date : 29 กรกฎาคม 2553 |
|
1 comments |
Last Update : 29 กรกฎาคม 2553 9:32:34 น. |
Counter : 316 Pageviews. |
|
|
|