Group Blog
 
 
กรกฏาคม 2553
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
2 กรกฏาคม 2553
 
All Blogs
 
สิวเสี้ยน

สารบัญ [ซ่อนสารบัญ]
1 สิวเสี้ยน
2 สิวเสี้ยนเกิดได้อย่างไร
3 ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดสิวเสี้ยน
4 การกำจัดสิวเสี้ยน
4.1 กรดวิตามินเอ
4.2 กรดวิตามินเอ Chemical Peeling
4.3 แผ่นแปะจมูก Scottape technique
4.4 การกำจัดสิวเสี้ยนด้วย Lase
4.5 การกำจัดสิวเสี้ยนด้วยเครื่อง IPL (intense pulse light)
4.6 มาสก์ผิวด้วยไข่ขาว
4.7 การทายารักษาสิวเสี้ยน

สิวเสี้ยน

เป็นปัญหาที่พบได้บ่อยมาก ตั้งแต่วัยรุ่น จนถึงวัยกลางคน เป็นความผิดปกติของต่อมรูขน (pilosebaceous follicles) โดยมีลักษณะคล้ายสิวอุดตันหัวดำ (Black comedone)แต่จะมีกระจุกเซลล์ขน ( vellous telogen hair ) แทรกอยู่ด้วย มีลักษณะเป็นจุดดำๆ หรือมีหนามแหลมๆยื่นออกมาทางขุมขนบริเวณจมูก หน้าผาก หรือข้างแก้ม และที่หลังบริเวณกระดูกสบัก

สิวเสี้ยนเกิดได้อย่างไร

กลไกการเกิดของสิวเสี้ยน ปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด แต่เชื่อว่าเกิดจากการสร้างเซลล์ขนในระยะ Vellous telogen hair มากกว่าปกติ มักจะเกิดบริเวณที่มีต่อมไขมันมาก โดยจะเริ่มจาก มีการอุดตันเกิดขึ้นที่ท่อต่อมไขมัน และไขมันที่ถูกสร้างขึ้นจะรวมตัวกับเซลล์ชั้นขี้ไคลจากผนังท่อ กลายเป็นก้อนที่เรียกว่า Comedone (คอมีโดน) ต่อมาจะมีเซลล์ขนที่เกิดมากกว่าปกตินี้มาพอกสะสมกับเป็นก้อนคุดคู้อยู่ข้างใน เรียกว่า ในรูขุมขนแทนที่จะมีขนเพียง 1 เส้น แต่กลับมีขนเส้นเล็กๆ 3-4 เส้น อัดกันแน่น รวมตัวกับเซลล์ชั้นขี้ไคล และถูกห่อหุ้มด้วยผนังท่อต่อมไขมัน เกิดการอุดตัน และทำให้หลุดออกได้ยากกว่าปกติ

ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดสิวเสี้ยน

ฮอร์โมนเพศในร่างกาย ซึ่งมีผลกระตุ้นต่อมไขมัน ให้ทำงานมากขึ้น ผลิตไขมันออกมามาก ส่งเสริมให้เกิดการอุดตันได้ง่ายขึ้น
การรบกวนผิวมากๆ เช่น การเช็ดถูหน้าแรงๆ การขัดหรือนวดหน้า ซึ่งการกระทำเช่นนี้จะรบกวนรูขุมขน หรือต่อมไขมัน ทำให้รูขุมขน หรือรากขนนั้นแตก ขนจึงมีสิทธิ์ที่จะคุดอยู่ข้างในได้เพิ่มมากขึ้น กลายเป็นหนามแหลมๆทั้งใบหน้าได้
ได้มีรายงานการทดลองของ Dr. Chung TA และคณะ แห่งแผนกโรคผิวหนังของประเทศเกาหลี ( Department of Dermatology,Pusan National University of Korea) ได้นำคนไข้ที่มีปัญหาสิวเสี้ยนในบริเวณต่างๆ จำนวน 30 คน มาทำการเพาะเชื้อและตัดชิ้นเนื้อดูผ่านกล้องจุลทรรศน์ พบว่าภายในสิวเสี้ยนจะพบการติดเชื้อแบคทีเรีย Propionibaterium ที่ทำให้เกิดสิวอักเสบ และเชื้อรา Pityrosporum ที่ทำให้เกิดรังแค ได้ถึง 73.3 % และ 82.6% ตามลำดับ จึงสันนิษฐานว่าการติดเชื้อแบคทีเรียและเชื้อราดังกล่าว อาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดสิวเสี้ยนได้อีกสาเหตุหนึ่ง

การกำจัดสิวเสี้ยน

กรดวิตามินเอ

ที่มีบทบาทมากในการรักษาสิวเสี้ยน คือ ซึ่งมีคุณสมบัติในการเข้าไปละลายการอุดตันของต่อมไขมัน มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรียสิว P.acne จึงป้องกันและทำให้สิวเสี้ยนหลุดออกได้ง่าย อาจจะใช้ในรูปของยาทา หรือทำไอออนโตด้วยกรดวิตามินเอ แต่มีข้อควรระวังก็คือ เนื่องจาก กรดวิตามินเอ มีการระคายเคืองได้ง่าย จึงมีแนวโน้มที่จะทำให้ผิวแห้ง ผิวลอก หน้าแดงได้ จึงควรทากรดวิตามินเอเฉพาะบริเวณจมูก หน้าผาก หรือคางที่มีสิวเสี้ยน แล้วทิ้งไว้ 5-10 นาที หรืออาจทิ้งไว้นานกว่านี้ได้ถ้าไม่มีอาการดังกล่าว บางครั้งอาจจะผสม ไลโบโซม ซึ่งลดการระคายเคืองของกรดวิตามินเอ ทำให้สามารถทาทิ้งไว้ทั้งคืนได้ สะดวกในการใช้มากขึ้น

กรดวิตามินเอ Chemical Peeling

เป็นแนวทางการรักษาอีกวิธีหนึ่งกรณีที่ไม่สามารถทำให้หลุดได้หมด โดยใช้สารเคมีพิเศษ เช่น TCA,AHA,BHA เพื่อลอกผิวหน้า เปิดรูขุมขนหรือรูสิวเสี้ยน เพื่อง่ายต่อการกดออก หรือดึงออกด้วยครีมคีบสิวเสี้ยน

แผ่นแปะจมูก Scottape technique

โดยอาจจะอยู่ในรูปของแผ่นแปะจมูกที่เคลือบสารที่ทำให้ติดแน่น แปะที่จมูกและทิ้งไว้ระยะหนึ่ง แล้วค่อยดึงออก หรือ ใช้สาร Cyanoacrylate polymer glue ซึ่งมีคุณสมบัติในการติดแน่น คล้ายคลึงกับกาวตราช้าง( ซึ่งมีส่วนประกอบของสารคล้ายคลึงกัน) ใช้ทาบน slide แล้วนำไปวางบริเวณสิวเสี้ยน แล้วดึงออก สิวเสี้ยนจะหลุดติดออกมา แต่ก็มีข้อจำกัด คืออาจจะทำให้แพ้สารเคมีนี้ได้ และกำจัดสิวเสี้ยนได้ไม่หมด และไม่สามารถกำจัดสิวเสี้ยนได้ทุกที่

การกำจัดสิวเสี้ยนด้วย Lase

ได้มีรายงานการวิจัยของนพ. วรพงษ์ มนัสเกียรติและคณะจากรพ.ศิริราช ในการประชุมประจำปีของสมาคมแพทย์โรคผิวหนังในปี 2545 ถึงการทำการรักษาคนไข้ที่มีปัญหาสิวเสี้ยนจำนวน 13 คน โดยใช้ 800 NM Pulse Diode Laser พบว่าหลังทำจุดดำๆ จากสิวเสี้ยนลดลงได้มากกว่า 50 % และเมื่อทำหลายๆ ครั้งสามารถกำจัดสิวเสี้ยนได้เกือบหมด แต่ไม่ช่วยในเรื่องรูขุมขนที่กว้าง ที่อาจจะทำให้เกิดสิวเสี้ยนได้อีก มีผลข้างเคียงหลังทำเพียง รอยแดงบริเวณรูขุมขนหลังทำ 2-3 วันก็หายดี

การกำจัดสิวเสี้ยนด้วยเครื่อง IPL (intense pulse light)

โดยอาศัยหลักการที่สิวเสี้ยน คือ กระจุกขนที่อัดแน่นบริเวณรูขุมขน ดังนั้นการ apply การกำจัดขนด้วยเครื่อง IPL จึงสามารถทำให้ขนที่คุดคู้นี้หลุดลอกออกได้ โดยเมื่อทำควบคู่กับการทำ Peeling และการทาครีมลอกสิวเสี้ยนที่ผสมวิตามินเอ และช่วยป้องกันการเกิดเซลล์ขนใหม่ในบริเวณดังกล่าวด้วย ซึ่งจากประสบการณ์ของผู้เขียนเอง ได้ผลดีมาก ไม่พบผลข้างเคียง และสามารถทำได้ทุกจุดของร่างกาย

มาสก์ผิวด้วยไข่ขาว

เป็นวิธีที่เก๋า แต่ก็ช่วยให้สิวเสี้ยนลอกตัวออกมาได้มาก โดยทาไข่ขาวบาง ๆ ที่จมูกหรือข้างแก้ม แล้วนำกระดาษซับหน้าแค่ชั้นเดียว หรือกระดาษทิชชูคลี่ให้บาง แปะทับลงไป ปล่อยให้แห้ง แล้วจึงดึงออก จะมีสิวเสี้ยนหลุดติดออกมาด้วย

การทายารักษาสิวเสี้ยน

การทายาที่มีคุณสมบัติขจัดการอุดตัน หรือทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของเซลล์ผิวบริเวณรูขุมขน ยาที่ใช้จะอยู่ในกลุ่มของกรดวิตามินเอ จำพวก ทริตินอล ( Trrtinol) หรือ เรตินเอ (Retin A ) ซึ่งนอกจากช่วยลดริ้วรอยแล้ว ยังช่วยขจัดสิวเสี้ยนได้ด้วย แต่อย่างไรก็ตาม การใช้สารในกลุ่มวิตามินเอ ควรปรึกษาแพทย์ เพราะอาจก่อให้เกิดการระคายเคืองแก่ผิวได้ และหากจะให้ผลจริง ๆ ก็มักใช้เวลาราว 2-3 เดือน

ข้อมูลจาก
คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล


Create Date : 02 กรกฎาคม 2553
Last Update : 2 กรกฎาคม 2553 9:46:23 น. 0 comments
Counter : 191 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

phugamon
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add phugamon's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.