Group Blog
 
<<
กันยายน 2562
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
3 กันยายน 2562
 
All Blogs
 

📝ตำนานพระภูมิเจ้าที่📝

 
ตำนานพระภูมิเจ้าที่ :
วิถีชีวิตไทยในความเป็นพุทธ-พราหมณ์

ตามตำนานเก่าเล่าต่อกันมาว่า
ในอดีตกาลยังมีกษัตริย์มีนามว่า ท้าวทศราช
(บางฉบับว่าท้าวโสกราช หรือท้าวกายทัศน์)
มีมเหสีคือ พระนางสันทาทุกข์ (บางฉบับว่าพระนางมันทาทุกขธิบดี) ครอบครองกรุงฉิมพลี มีโอรส ๙ องค์ ล้วนแต่ปรีชาสามารถทุกองค์ ท้าวทศราชจึงส่งโอรสไปรักษาถิ่นฐานต่างๆ ดังนี้


๑. พระชัยมงคล ไปรักษาเคหสถาน ร้านโรง หอค้าต่างๆ



๒. พระนครราช ไปรักษาทวารเมือง ป้อมค่าย และบันได



๓. พระเทเพน ไปรักษาคอกสัตว์ โรงงช้างม้า โค และกระบือ


๔. พระชัยศพณ์ (บางฉบับว่าพระชัยสพ) ไปรักษายุ้ง ฉางข้าง เสบียงคลังต่างๆ



๕. พระคนธรรพ์ ไปรักษาโรงพิธีอาวาห์ และวิวาห์ เรือนหอบ่าวสาว




๖. พระธรรมโหรา (บางฉบับว่าพระเยาวแผ้ว) ไปรักษาไร่ นา ทุ่งลาน และป่าเขา




๗. พระเทวเถร (บางฉบับว่าพระวัยทัต) ไปรักษาอาราม วิหาร ปูชนียวัตถุและสถานต่างๆ



๘. พระธรรมิกราช ไปรักษาอุทยาน สวนผลไม้ และพืชพันธุ์ต่างๆ




๙. พระทาษธารา ไปรักษาห้วงหนอง คลองคูบึง และแม่น้ำ

โอรสทั้ง ๙ นี้ เป็นพระภูมิเจ้าที่ทั้งนั้น ตามความเชื่อแต่โบราณ

แต่ในปัจจุบันมีพระภูมิเพียง ๒ องค์เท่านั้น
ที่มีศาลอยู่อย่างถาวรและได้รับการสักการบูชา

คือ พระชัยมงคล ซึ่งเป็นพระภูมิเจ้าที่ประจำบ้าน
กับ พระธรรมิกราช พระภูมิประจำสวนผลไม้และพืชพันธุ์ต่างๆ

ส่วนพระชัยศพณ์ผู้รักษายุ้งฉางข้าวนั้น ได้มีพระแม่โพสพมาแทนที่ พระภูมิองค์อื่นๆ คงเหลือแต่ชื่อในตำนานเท่านั้น
ไม่มีผู้ใดได้เห็นศาลพระภูมิเหล่านั้นเลย

พระภูมิ ยังมีคนรับใช้ไว้ใช้สอยอีก ๓ คน คือ
นายจันทิศ นายจันถี และจ่าสพพระเชิงเรือน คอยรับใช้อยู่หน้าศาล

ชาดกเรื่องหนึ่งในพุทธศาสนา
ก็ได้กล่าวถึงพระพุทธเจ้ากับพระเจ้ากรุงพลี ไว้ว่า
ในครั้งนั้นพระพุทธองค์ทรงเป็น พระโพธิสัตว์

ได้ทรงบำเพ็ญญาณอยู่ใต้ต้นไทรใหญ่ในเวลากลางคืน
ก็ปรากฏว่าพระภูมิซึ่งมีนามว่า พระเจ้ากรุงพลี ไม่พอใจ
ได้แสดงอภินิหารขับไล่ พระโพธิสัตว์
พระพุทธองค์ทรงทราบด้วยญาณถึงเรื่องในภายหน้า
จึงทรงขอพื้นที่ดินจากพระเจ้ากรุงพลีเพียง ๓ ก้าว เพื่อบำเพ็ญญาณต่อไป

พระเจ้ากรุงพลีเห็นว่าเป็นที่ดินเล็กน้อยเท่านั้นจึงอนุญาต
แต่ พระโพธิสัตว์ ทรงมีบุญญาภินิหาร ดังนั้นเมื่อทรงย่างเพียง ๒ ก้าว ก็พ้นเขตพื้นแผ่นดินของพระเจ้ากรุงพลี พระเจ้ากรุงพลีจึงไม่มีผืนแผ่นดินอยู่ ต้องออกไปอยู่นอกฟ้าป่าหิมพานต์
ไม่มีความสุขสบายเหมือนมีที่อยู่อาศัยของตนเอง จึงให้คนใช้ ๓ คน คือ นายจันถี นายจันทิศ และจ่าสพพระเชิงเรือน ไปทูลขอพื้นที่ดินจาก พระโพธิสัตว์ พระพุทธองค์ทรงรู้แจ้งด้วยพระญาณว่า พระเจ้ากรุงพลีจะทำหน้าที่เป็นพระภูมิเจ้าที่ คอยให้ความคุ้มครองแก่มนุษย์และสัตว์โลกโดยทั่วไปในภายหน้า จึงทรงคืนที่ดินให้แก่พระเจ้ากรุงพลี และทรงขอให้ตั้งมั่นอยู่ในความสุจริต ไม่เบียดเบียนผู้อื่นอีกต่อไป

ใน ลิลิตนารายณ์สิบปาง
พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๖
ในปางที่ ๕ ตอนวามนาวตาร ก็มีเนื้อความคล้ายคลึงกัน

เรื่องราวมีอยู่ว่า พระเจ้ากรุงพลีเป็นกษัตริย์ที่ไม่ตั้งอยู่ในทศพิธราชธรรม เที่ยวเบียดเบียนเทวดาให้เดือดร้อนไปทั่วทุกแห่งหน

พระนารายณ์เทพเจ้าจึงทรงถือกำเนิดเป็นพราหมณ์น้อย
ผู้มีความรู้สูงผู้มีนามว่า “วามน” เข้าไปขอพื้นที่ดินเพียง ๓ ก้าว เพื่อบำเพ็ญพรต พระเจ้ากรุงพลีมิได้ตรึกตรองให้รอบคอบก็ได้อนุญาตทันที แต่พระศุกร์ผู้เป็นอาจารย์ของพระเจ้ากรุงพลีนั้นตะหนักดีว่า พราหมณ์น้อย คือพระนารายณ์อวตารมาเพื่อปราบปราม

ดังนั้น เมื่อพระเจ้ากรุงพลีหยิบพระเต้าน้ำ เพื่อจะหลั่งน้ำมอบกรรมสิทธิ์ที่ดินให้พราหมณ์ พระศุกร์จึงจำแลงกายเพื่ออุดรูพระเต้า กันมิให้น้ำไหลลงสู่พื้นดิน

แต่พระนารายณ์ในร่างของพราหมณ์รู้ทันความคิดของพระศุกร์
จึงเอาหญ้าคาแยงเจ้าไปในรู้พระเต้า ถูกตรงนัยน์ตาพระศุกร์พอดี พระศุกร์ได้รับความเจ็บปวดมาก จึงจำต้องออกมาจากพระเต้า น้ำจึงหลังลงมาจากพื้นดิน เป็นการสำเร็จทาน

ในทันใดนั้นพราหมณ์น้อยก็แสดงอภินิหารเป็นนารายณ์ ๔ กร
ย่างพระบาทเพียง ๒ ก้าวก้นขอบจักรวาล

พระเจ้ากรุงพลีหมดปัญญาแก้ไข ต้องลงไปอยู่ในบาดาล

ต่อมาได้สำนึกผิด พระนารายณ์จึงทรงคืนที่ดินให้ โดยได้ขอให้พระเจ้ากรุงพลีครองตนอยู่ในศีลสัตย์ และประพฤติธรรม

ดังนั้นถ้าผู้ใดจะทำพิธีมงคลใดใดก็ตาม เช่นปลูกบ้านใหม่ งานแต่งงาน ต้องทำพิธีบูชาเจ้าของที่ พระเจ้ากรุงพลีจึงจะมีความสุข

เรื่องราวของพระภูมินั้น ก็เป็นเพียงตำนานหรือนิทานเล่าสืบทอดกันมา จึงอาจมีผู้สงสัยว่า พระภูมิมีจริงหรือไม่ และสามารถคุ้มครองป้องกันภัยพิบัติ ช่วยบันดาลให้เกิดโชคลาภให้เกิดมากน้อยเพียงใด

คนจำนวนไม่น้อยเชื่อว่าพระภูมิมีจริง และพระภูมิคือวิญญาณของผู้ที่ตายแล้วมาสถิตอยู่ที่ศาล นับเป็นเทพผู้คุ้มครองรักษา

การจัดตั้งศาลพระภูมิจึงนับเป็นพิธีการของศาสนาพุทธและพราหมณ์ปะปนกัน เพราะมีการบูชาสังเวยขอพร และขอให้บันดาลในอภินิหารในสิ่งที่มุ่งหวัง

แต่พระภูมิจะศักดิ์สิทธิ์สามารถดลบันดาลโชคลาภ และปกป้องคุ้มครองภัยหรือไม่นั้น

หากจะพิจารณาตามหลักพุทธศาสนา ก็ควรพิจารณาถึงกรรมคือการกระทำเป็นสำคัญ คือ ประกอบด้วยถ้าทำดีย่อมได้รับผลดี
แต่ถ้าเคยทำชั่วมามาก ก็ย่อมได้รับความทุกข์และไม่มีโชคลาภ
ถึงแม้จะมีการบูชาหรือสังเวยขอพร ก็มักจะไม่ใคร่เป็นผลสำเร็จ

เครดิตข้อมูล: เพชร พรพิภัทร



ขอบคุณที่แวะเข้ามาอ่านค่ะ



 












 

Create Date : 03 กันยายน 2562
10 comments
Last Update : 21 มกราคม 2563 0:15:12 น.
Counter : 2448 Pageviews.

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณกะว่าก๋า, คุณmultiple, คุณคนผ่านทางมาเจอ, คุณภาวิดา คนบ้านป่า, คุณInsignia_Museum, คุณจันทราน็อคเทิร์น, คุณวลีลักษณา, คุณSai Eeuu, คุณhaiku, คุณเริงฤดีนะ, คุณnewyorknurse

 


สวัสดียามเช้าครับคุณโอเล่

เป็นความรู้ใหม่
ที่ผมยังไม่เคยรู้มาก่อนเลยครับ

 

โดย: กะว่าก๋า 5 กันยายน 2562 6:17:49 น.  

 

ความแน่นอน คือ ความไม่แน่นอน
ขนาดพระภูมิ เจ้าที่ แต่ก่อนมีหลายองค์หลายหน้าที่ แต่ตอนนี้เหลือ ปฏิบัติงาน 2 ตำแหน่ง แค่นั้นเองนะครับ ดูเอาเหอะ

 

โดย: multiple 5 กันยายน 2562 7:34:40 น.  

 

กราบสวัสดรเหล่าเทวดาอารักษ์...

ผู้ปกป้องพื้นแผ่นดินไทย...

โหวตให้เลยคะ

 

โดย: อ้อมแอ้ม (คนผ่านทางมาเจอ ) 5 กันยายน 2562 12:48:23 น.  

 

มาหาความรู้ค่ะ

 

โดย: ภาวิดา คนบ้านป่า 5 กันยายน 2562 14:08:04 น.  

 

ผมชอบเรื่องตำนานแบบนี้ครับ ยิ่งตำานภาคเหนือยิ่งชอบเลยครับผม ^^

 

โดย: จันทราน็อคเทิร์น 5 กันยายน 2562 17:27:12 น.  

 

รวยๆๆๆ ตามคำขอ

ขอบคุณสำหรับกำลังใจนะคะ

 

โดย: วลีลักษณา 5 กันยายน 2562 19:06:32 น.  

 

เป็นเรื่องที่อ่านแล้วน่าสนใจมาก และที่สำคัญ ไม่รู้มาก่อนเลยค่ะ

ขอบคุณสำหรับความรู้ค่ะ

 

โดย: Sai Eeuu 5 กันยายน 2562 20:12:01 น.  

 

จากบล๊อกครับผม
แม่ก็บอกแบบนั่นครับว่าน่าจะแม่ย่านาง
แม่บอกว่าเวลาทำบุญทำให้เค้าด้วยนะ ^^

 

โดย: จันทราน็อคเทิร์น 5 กันยายน 2562 22:03:19 น.  

 

สาธุ สาธุ สาธุ ค่ะ

 

โดย: คนผ่านทางมาเจอ 5 กันยายน 2562 22:45:00 น.  

 


ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆค่ะ

วันนี้มาเร็วเครมเร็ว
บอลไทยเตะไม่ล่ายดางจาง

 

โดย: เริงฤดีนะ 5 กันยายน 2562 23:00:19 น.  


โอน่าจอมซ่าส์
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 52 คน [?]




👉 ไม่ว่า...“ วันวาน ”
เราจะเจอ..เรื่องร้ายอะไรมา
แต่ถ้า... วันนี้ ...
เรายัง...ได้ตื่นลืมตา
นั่นก็แปลว่า ...
เรามี “ โอกาส ” ได้เริ่มต้นใหม่
ในวันที่เรา..“ อ่อนแอ ”
เราจะคิดไม่ออกหรอกว่า,เรา
จะ “ เข้มแข็ง ” ขึ้นมาได้อย่างไร..?
แต่ถ้า... วันใด
ที่เรา “ เข้มแข็งขึ้นมา ”
เราจะสงสัย..ว่าที่ผ่านมา
เรา “ อ่อนแอ ” ขนาดนั้นได้ยังไง..?
👉 .. เริ่มวันนี้ .. 👈
“ ยิ้ม ” ให้กับตัวเองอีกครั้ง
... เราอยู่ในปัจจุบัน ...
และเรา..จะทำมันให้ดีที่สุด✌
เริ่มทำบล็อกปี 2548

บล็อกขำขัน เครดิตรูปจากเน็ตค่ะ
เคยร้องเพลงเล่นเอาไว้
2548 Award#2
2550 Award#4
2551 Award#5
2556 Award # 8
2562 Award #15
2563 Award #16
2564 Award #17
2565 Award #18
ครั้งที่19 2566
เคยทำไว้
ปลูกเอาไว้
บ๊อบบี้ พันธุ์ Pitbull
ลิซ่าFrench Bulldog 🐶
<
🐶 เปาเปา พันธุ์ปั๊ก
จีจี้ พันธุ์ Mastive
บิ๊กจัง เต้าส่วน เต้าเจี้ยว เฉาก๋วยพันธุ์ ชีวาว่า
G G พันธุ์ Mastive VS Pitbull
 
ยี่เป็นหมาพันธุ์ปั๊ก
ที่เลี้ยง
Friends' blogs
[Add โอน่าจอมซ่าส์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.