Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2566
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
11 มิถุนายน 2566
 
All Blogs
 
🔘..วันอัฏฐมีบูชา..🔘

 



🔘..วันอัฏฐมีบูชา..🔘 คือวันคล้ายวันถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระของพระพุทธเจ้า หลังเสด็จดับขันธปรินิพพาน 8 วัน (นับจากวันวิสาขบูชาไป 8 วัน) ตรงกับแรม 8 ค่ำ เดือน 6 หากปีใดมีอธิกมาส(366วัน) วันอัฏฐมีบูชา จะเลื่อนไปตรงกับวันแรม 8 ค่ำ เดือน 7 แทน

“วันอัฏฐมีบูชา” คือวันถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า (หลังเสด็จดับขันธปรินิพพานได้ 8 วัน) ถือเป็นวันสำคัญในพระพุทธศาสนาวันหนึ่ง ตรงกับวันแรม 8 ค่ำ เดือนวิสาขะ (เดือน 6 ของไทย) หากปีใดมีอธิกมาส(366วัน) วันอัฏฐมีบูชา จะเลื่อนไปตรงกับวันแรม 8 ค่ำ เดือน 7 แทน

นอกจากนั้น วันนี้เป็นวันคล้ายวันที่พระนางสิริมหามายา องค์พระพุทธมารดาสิ้นพระชนม์ (หลังประสูติ) และเป็นวันคล้ายวันที่พระพุทธองค์เสวยวิมุตติสุขตลอด 7 วัน (หลังตรัสรู้) อีกด้วย
สำหรับในปี 2566 “วันอัฏฐมีบูชา” จะตรงกับวันที่ 11 มิถุนายน 2566 แรม 8 ค่ำ เดือน 7


ประวัติความเป็นมา
เมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จปรินิพพานแล้ว 8 วัน มัลลกษัตริย์แห่งนครกุสินารา พร้อมด้วยประชาชน และพระสงฆ์อันมีพระมหากัสสปเถระเป็นประธาน ได้พร้อมกันกระทำการถวายพระเพลิงพุทธสรีระ ณ มกุฏพันธนเจดีแห่งกรุงกุสินารา วันนั้นเป็นวันหนึ่งที่ชาวพุทธต้องมีความสังเวชสลดใจ และวิปโยคโศกเศร้าเป็นอย่างยิ่ง เพราะการสูญเสียแห่งพระพุทธสรีระ เมื่อวันแรม 8 ค่ำ เดือน 6 ซึ่งนิยมเรียกกันว่าวันอัฏฐมีนั้นเวียนมาบรรจบแต่ละปี พุทธศาสนิกชนบางส่วน โดยเฉพาะพระสงฆ์และอุบาสกอุบาสิกาแห่งวัดนั้น ๆ ได้พร้อมกันประกอบพิธีบูชาขึ้น เป็นการเฉพาะภายในวัด

ความสำคัญของวันอัฏฐมีบูชา
โดยที่วันอัฏฐมีคือวันแรม 8 ค่ำ เดือน 6 เป็นวันที่มีเหตุการณ์สำคัญทางพระพุทธศาสนา ถือเป็นวันที่ตรงกับวันที่ตรงกับวันถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระเป็นวันที่ชาวพุทธต้องวิปโยค และสูญเสียพระบรมสรีระแห่งองค์พระบรมศาสดา ซึ่งเป็นที่เคารพสักการะอย่างสูงยิ่ง และเป็นวันควรแสดงธรรมสังเวชและระลึกถึงพระพุทธคุณให้สำเร็จเป็นพุทธานุสสติภาวนามัยกุศล

ประวัติ
เมื่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้เสด็จปรินิพพานไปแล้ว ๘ วัน มัลละกษัตริย์แห่งเมืองกุสินารา พร้อมด้วยประชาชน และพระสงฆ์อันมีพระมหากัสสปเถระเป็นประธาน ได้พร้อมกันกระทำการถวายพระเพลิงพุทธสรีระ ณ มกุฏพันธนเจดีย์ แห่งเมืองกุสินารา เป็นวันหนึ่งที่ชาวพุทธต้องมีความโศกเศร้าเสียใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะการสูญเสียแห่งพระพุทธสรีระ เมื่อวันแรม ๘ ค่ำ เดือน ๖ ซึ่งนิยมเรียกกันว่าวันอัฏฐมีนั้น เมื่อเวียนมาบรรจบแต่ละปี พุทธศาสนิกชนบางส่วนได้ประกอบพิธีบูชาขึ้น มีการเวียนเทียนเป็นต้น แต่ไม่ทั่วไปทั่วราชอาณาจักร โดยจะประกอบพิธีในบางวัดเท่านั้น ตามแต่ความศรัทธาของท้องถิ่น ในจังหวัดอุตรดิตถ์ เช่น ประเพณีถวายพระเพลิงฯ จำลอง ที่วัดพระบรมธาตุทุ่งยั้ง และประเพณีอัฎฐมีบูชาของ วัดใหม่สุคนธาราม ต.วัดละมุด อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม ที่รักษาสืบสานมายาวนานมากกว่า ๑๒๐ ปีแล้ว เป็นต้น
ประวัติพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพในพุทธประวัติ
พิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพมีขึ้นในวันที่ ๘ หลังจากพระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จปรินิพพานใต้ต้นสาละในราตรี ๑๕ ค่ำ เดือน ๖ โดยพวกเจ้ามัลลกษัตริย์จัดบูชาด้วยของหอม ดอกไม้ และเครื่องดนตรีทุกชนิด ที่มีอยู่ใน เมืองกุสินาราตลอด ๗ วัน แล้วให้เจ้ามัลละระดับหัวหน้า 8 คน สรงเกล้า นุ่งห่มผ้าใหม่ อัญเชิญพระสรีระไปทางทิศตะวันออก ของพระนคร เพื่อถวาย พระเพลิง
พวกเจ้ามัลละถามถึงวิธีปฏิบัติพระสรีระกับพระอานนท์เถระ แล้วทำตามคำของพระเถระนั้นคือ ห่อพระสรีระด้วยผ้าใหม่แล้วซับด้วยสำลี แล้วใช้ผ้าใหม่ห่อทับอีก ทำเช่นนี้จนหมดผ้า ๕๐๐ คู่ แล้วเชิญลงในรางเหล็กที่เติมด้วยน้ำมัน แล้วทำจิตกาธานด้วยดอกไม้จันทน์ และของหอมทุกชนิด จากนั้นอัญเชิญ พวกเจ้ามัลละระดับหัวหน้า ๔ คน สระสรงเกล้า และนุ่งห่มผ้าใหม่ พยายามจุดไฟที่เชิงตะกอน แต่ก็ไม่อาจให้ไฟติดได้ จึงสอบถามสาเหตุ พระอนุรุทธะ พระเถระ แจ้งว่า "เพราะเทวดามีความประสงค์ให้รอพระมหากัสสปะ และภิกษุหมู่ใหญ่ ๕๐๐ รูป ผู้กำลังเดินทางมาเพื่อถวายบังคมพระบาทเสียก่อน ไฟก็จะลุกไหม้" ก็เทวดา เหล่านั้น เคยเป็นโยมอุปัฏฐากของพระเถระ และพระสาวกผู้ใหญ่มาก่อน จึงไม่ยินดีที่ไม่เห็นพระมหากัสสปะอยู่ในพิธี และเมื่อภิกษุหมู่ ๕๐๐ รูปโดยมีพระมหากัสสปะเป็นประธานเดินทางมาพร้อมกัน ณ ที่ถวายพระเพลิงแล้ว ไฟจึงลุกโชนขึ้นเองโดยไม่ต้องมีใครจุด
หลังจากที่พระเพลิงเผาซึ่งเผาไหม้พระพุทธสรีระดับมอดลงแล้ว บรรดากษัตริย์มัลละทั้งหลายจึงได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุทั้งหมด ใส่ลงในหีบทองแล้วนำไปรักษาไว้ภายในนครกุสินารา ส่วนเครื่องบริขารต่างๆ ของพระพุทธเจ้าได้มีการอัญเชิญไปประดิษฐานตามที่ต่างๆ อาทิ ผ้าไตรจีวร อัญเชิญไปประดิษฐานที่แคว้นคันธาระ บาตรอัญเชิญไปประดิษฐานที่เมืองปาตลีบุตร เป็นต้น และเมื่อบรรดากษัตริย์จากแคว้นต่างๆ ได้ทราบว่าพระพุทธเจ้าได้เสด็จดับขันธปรินิพพานที่นครกุสินารา จึงได้ส่งตัวแทนไปขอแบ่งพระบรมสารีริกธาตุ เพื่อนำกลับมาสักการะยังแคว้นของตนแต่ก็ถูกกษัตริย์มัลละปฏิเสธ จึงทำให้ทั้งสองฝ่ายขัดแย้งและเตรียมทำสงครามกัน แต่ในสุดเหตุการณ์ก็มิได้บานปลาย เนื่องจากโทณพราหมณ์ได้เข้ามาเป็นตัวกลางเจรจาไกล่เกลี่ย เพื่อยุติความขัดแย้งโดยเสนอให้แบ่งพระบรมสารีริกธาตุออกเป็น ๘ ส่วนเท่าๆ กัน ซึ่งกษัตริย์แต่ละเมืองทรงสร้างเจดีย์ที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ตามเมืองต่างๆ ดังนี้
กษัตริย์ลิจฉวี ทรงสร้างเจดีย์บรรจุไว้ที่เมืองเวสาลี
กษัตริย์ศากยะ ทรงสร้างเจดีย์บรรจุไว้ที่เมืองกบิลพัสดุ์
กษัตริย์ถูลิยะ ทรงสร้างเจดีย์บรรจุไว้ที่เมืองอัลลกัปปะ
กษัตริย์โกลิยะ ทรงสร้างเจดีย์บรรจุไว้ที่เมืองรามคาม
มหาพราหมณ์ สร้างเจดีย์บรรจุไว้ที่เมืองเวฏฐทีปกะ
กษัตริย์มัลละแห่งเมืองปาวา ทรงสร้างเจดีย์บรรจุไว้ที่เมืองปาวา
พระเจ้าอชาตศัตรู ทรงสร้างเจดีย์บรรจุไว้ที่เมืองราชคฤห์
มัลลกษัตริย์แห่งกุสินารา ทรงสร้างเจดีย์บรรจุไว้ที่เมืองกุสินารา
กษัตริย์เมืองโมริยะ ทรงสร้างสถูปบรรจุพระอังคาร (อังคารสถูป) ที่เมืองปิปผลิวัน
โทณพราหมณ์ สร้างสถูปบรรจุทะนานตวงพระบรมสารีริกธาตุ ที่เมืองกุสินารา (ทะนานตวงพระบรมสารีริกธาตุแจก, คำว่า ตุมพะ แปลว่า ทะนาน, บางทีเรียกสถูปนี้ว่า ตุมพสถูป)
สำหรับกรณีของกษัตริย์เมืองโมริยะนั้น ได้ส่งผู้แทนมาหลังจากที่โทณพราหมณ์แบ่งพระบรมสารีริกธาตุให้ทั้ง ๘ เมืองไปแล้วจึงได้อัญเชิญพระอังคารไปแทน ส่วนโทณพราหมณ์ ก็ได้สร้างสถูปบรรจุทะนานที่ใช้สำหรับตวงพระบรมสารีริกธาตุสำหรับตนเอง และผู้คนได้สักการะดังที่ได้กล่าวไป
.
.
ที่มาวิกิพีเดีย
พุทธคยา สถานที่ตรัสรู้อริยสัจ



 


 




 


Create Date : 11 มิถุนายน 2566
Last Update : 31 ตุลาคม 2566 21:48:42 น. 4 comments
Counter : 703 Pageviews.

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณโฮมสเตย์ริมน้ำ, คุณปรศุราม, คุณกะว่าก๋า, คุณแมวเซาผู้น่าสงสาร, คุณปัญญา Dh, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณสองแผ่นดิน, คุณนายแว่นขยันเที่ยว, คุณnewyorknurse


 
สวัสดียามเช้าค่ะ คุณโอเล่

รอตากผ้าแวบมาหาก่อนค่าาาา
ฝนก็มา แหมมม ไม่รู้จะรีบอารายยย
รอผ้าแห้งก่อนก็ไม่ได้ 55555

ขอให้มีความสุขในวันนี้นะคะ


โดย: โฮมสเตย์ริมน้ำ วันที่: 11 มิถุนายน 2566 เวลา:8:23:33 น.  

 
ไม่เคยรู้ประวัติของวันนี้มาก่อนเลยครับ
ขอบคุณข้อมูลดีดีที่นำมาฝากกันครับคุณโอเล่

ปล. เนื้อเพลงสมัยก่อนมีความไพเราะ
มีความเป็นกวีสูงมากๆเลยนะครับ



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 11 มิถุนายน 2566 เวลา:14:03:45 น.  

 
ในหนังสือเรียนไม่มีพูดถึงเลย เรื่องลักษณะนี้ส่วนมากมารู้เองจากข้างนอกแทบทั้งนั้น


โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 11 มิถุนายน 2566 เวลา:18:08:49 น.  

 

อรุณสวัสดิ์ครับคุณโอเล่



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 12 มิถุนายน 2566 เวลา:5:16:38 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

โอน่าจอมซ่าส์
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 52 คน [?]




👉 ไม่ว่า...“ วันวาน ”
เราจะเจอ..เรื่องร้ายอะไรมา
แต่ถ้า... วันนี้ ...
เรายัง...ได้ตื่นลืมตา
นั่นก็แปลว่า ...
เรามี “ โอกาส ” ได้เริ่มต้นใหม่
ในวันที่เรา..“ อ่อนแอ ”
เราจะคิดไม่ออกหรอกว่า,เรา
จะ “ เข้มแข็ง ” ขึ้นมาได้อย่างไร..?
แต่ถ้า... วันใด
ที่เรา “ เข้มแข็งขึ้นมา ”
เราจะสงสัย..ว่าที่ผ่านมา
เรา “ อ่อนแอ ” ขนาดนั้นได้ยังไง..?
👉 .. เริ่มวันนี้ .. 👈
“ ยิ้ม ” ให้กับตัวเองอีกครั้ง
... เราอยู่ในปัจจุบัน ...
และเรา..จะทำมันให้ดีที่สุด✌
เริ่มทำบล็อกปี 2548

บล็อกขำขัน เครดิตรูปจากเน็ตค่ะ
เคยร้องเพลงเล่นเอาไว้
2548 Award#2
2550 Award#4
2551 Award#5
2556 Award # 8
2562 Award #15
2563 Award #16
2564 Award #17
2565 Award #18
ครั้งที่19 2566
เคยทำไว้
ปลูกเอาไว้
บ๊อบบี้ พันธุ์ Pitbull
ลิซ่าFrench Bulldog 🐶
<
🐶 เปาเปา พันธุ์ปั๊ก
จีจี้ พันธุ์ Mastive
บิ๊กจัง เต้าส่วน เต้าเจี้ยว เฉาก๋วยพันธุ์ ชีวาว่า
G G พันธุ์ Mastive VS Pitbull
 
ยี่เป็นหมาพันธุ์ปั๊ก
ที่เลี้ยง
Friends' blogs
[Add โอน่าจอมซ่าส์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.