Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2551
 
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
11 พฤศจิกายน 2551
 
All Blogs
 

พิษสังเวยเศรษฐกิจมะกัน โรงงานตุ๊กตาบาร์บี้ปลดพนักงาน 1,000คน + ประวัติตุ๊กตา"บาร์บี้"


















ปัญหาวิกฤติสถาบันการเงินจากสหรัฐที่ลุกลามออกไปทั่วโลก ส่งผลให้สถาบันการเงินมีการปลดพนักงานทั่วโลกแล้วกว่า 150,000 คน นับจากเกิดวิกฤติสินเชื่อเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ล่าสุด สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า ดีบีเอส กรุ๊ป โฮลดิงส์ ธนาคารสัญชาติสิงคโปร์รายใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เตรียมปลดพนักงาน 900 ตำแหน่ง หรือ 6% ของพนักงานทั้งหมด ภายในสิ้นเดือนพฤศจิกายนนี้ โดยส่วนใหญ่เป็นพนักงานที่สำนักงานในสิงคโปร์และฮ่องกง หลังจากที่กำไรในไตรมาส3ลดลงภึง 38%





โรงงานตุ๊กตาบาร์บี้ ในสหรัฐฯ ปลดคนงาน 1,000 คน

ก่อนหน้านี้ มีรายงานว่า โรงงานแมตเทล ซึ่งเป็นโรงงานผลิตของเล่นที่ใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ ผู้ผลิตตุ๊กตาบาร์บี้ และของเล่นต่างๆ ประกาศลดจำนวนพนักงานลง 3% หรือประมาณ 1,000 คน หลังต้องเผชิญกับภาวะเงินเฟ้อที่ทำให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น เนื่องมาจากวิกฤติการเงินที่ดำเนินอยู่ขณะนี้



ทั้งนี้ บริษัทแม็ตเตล ซึ่งตั้งอยู่ในรัฐแคลิฟอร์เนีย ต้องเผชิญภาวะเงินเฟ้อจากราคาวัตถุดิบเพิ่มขึ้น ท่ามกลางสภาพเศรษฐกิจที่เลวร้ายที่สุด นับตั้งแต่วิกฤตเศรษฐกิจสหรัฐฯ



ซึ่งก่อนหน้านี้ บริษัท แมทเทล อินเตอร์เนชั่นแนล เคเค ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ แมทเทล อิงค์ บริษัทผู้ผลิตของเล่นรายใหญ่ของสหรัฐ ได้เรียกคืนของเล่นผลิตจากจีนที่จะวางจำหน่ายในญี่ปุ่นจำนวน 3,440 ชิ้น เนื่องจากเกรงว่าอาจเกิดอันตรายจากสีที่ปนเปื้อนสารตะกั่ว





และคณะกรรมการควบคุมความปลอดภัยผลิตภัณฑ์ผู้บริโภคของสหรัฐ (CPSC) ร่วมกับบริษัทแมทเทล อิงค์ ได้เรียกคืนของเล่นที่ผลิตจากจีนที่พบสีที่ปนเปื้อนสารตะกั่วในปริมาณมากกว่าปกติ จำนวน 700,000 ชิ้น ในปีที่แล้ว








--------------------------------------------------------------------




มาดู ประวัติของตุ๊กตา "บาร์บี้" กันมั่งครับ




รูธ แฮนด์เลอร์ และ เอลเลียต แฮนด์เลอร์


บาร์บี้ คือ ตุ๊กตาแฟชั่นที่ขายดีที่สุดในโลกมาเกือบ 50 ปี กำเนิดของบาร์บี้เริ่มต้นขึ้นใน พ.ศ. 2502
จากการรังสรรค์ของรูธ แฮนด์เลอร์ (Ruth Handler) นักธุรกิจสาวชาวอเมริกัน



รูธ แฮนด์เลอร์


รูธ แฮนเลอร์ ประธานบริษัท"แมตเทล" ผู้จัดจำหน่ายของเล่นชื่อดังแห่งแดนลุงแซม เจ้าของลิขสิทธิ์ตุ๊กตาบาร์บา นั่นเอง (ปัจจุบันเสียชีวิตแล้ว)



บาร์บาร่า (คนกลาง)


แฮนเลอร์ ได้รับแรงบันดาลใจที่จะประดิษฐ์ตุ๊กตาบาร์บี้ หลังจากเธอสังเกตเห็นว่า บาร์บาร่า (Barbara) ลูกสาวของเธอชอบเล่นตุ๊กตากระดาษ
และชอบให้ตุ๊กตาเหล่านั้นทำสิ่งต่างๆ เหมือนที่ผู้ใหญ่ทำ
รูธจึงเริ่มความคิดที่จะสร้างตุ๊กตาสาวที่มีรูปร่างเป็นผู้ใหญ่ ทว่า ในตอนแรกคนรอบกายของเธอไม่เห็นด้วย





ต่อมา เมื่อแฮนเลอร์มีโอกาสได้เดินทางไปท่องเที่ยวในยุโรปในปี 1956 เธอก็ไปสะดุดตากับตุ๊กตา "ไบล์ด ลิลลี" ของเยอรมนี (ตุ๊กตารูปหญิงสาววัยทำงานที่วางจำหน่ายครั้งแรกในเยอรมนีปี 1955 โดยเป้าหมายทางการตลาดในตอนแรกต้องการ เจาะกลุ่มผู้ใหญ่ แต่กลับได้รับความนิยมในหมู่เด็กๆ มากกว่า) ซึ่งวางขายอยู่ในร้าน ขายของของสวิตเซอร์แลนด์และได้ซื้อกลับบ้านมา 3 ตัว โดยที่ตัวหนึ่งในลูกสาวส่วนที่ เหลือนำมาเป็นต้นแบบในการผลิตตุ๊กตาบาร์บี้





จากนั้น แฮนเลอร์ก็ได้ดัดแปลงเปลี่ยนโฉมตุ๊กตาลิลลีใหม่หมด พร้อมกับตั้ง ชื่อให้ว่า "บาร์บี้" ตามชื่อของลูกสาวเธอ หรือในชื่อเต็มว่า บาร์บี้ มิลลิเซ็น โรเบิร์ท (Barbie Millicent Roberts)





ด้วยความช่วยเหลือของแจ๊ค ไรอัน (Jack Ryan) และนำตุ๊กตาที่ตั้งชื่อว่า “Barbie”
นำไปออกแสดงในงาน American International Toy Fair ที่มหานครนิวยอร์ก ในวันที่ 9 มีนาคม 2502 (ความจริงบาร์บี้เป็นสาวราศีสิงห์)
ซึ่งถือเป็นวันเกิดอย่างเป็นทางการของบาร์บี้มาจนถึงปัจจุบัน





บริษัท แมทเทล อิงค์ คือ ผู้ได้รับสิทธิในการผลิตบาร์บี้ โดยบาร์บี้รุ่นแรกมาในชุดว่ายน้ำลายทางขาวดำแบบม้าลาย
ผมสีบลอนด์ยาวตรงและมีผมหน้าม้า เป็นตัวแทนของแฟชั่นวัยรุ่น เสื้อผ้าทุกชุดออกแบบโดยดีไซเนอร์ของแมทเทล





เมื่อวางตลาดในปีแรกมียอดขายสูงกว่า 350,000 ตัว ถึงวันนี้ประมาณการว่ามีบาร์บี้กว่า 1,000 ล้านตัวที่วางขายใน 150 ประเทศทั่วโลก



Malibu Barbie

ช่องทางการจำหน่ายของเล่นชิ้นสำคัญนี้ ส่วนใหญ่มาจากห้างสรรพสินค้า ซึ่งเซ็นทรัล ชิดลม
เป็นห้างแรกที่นำบาร์บี้รุ่น “ตุ๊กตามาลิบู บาร์บี้” (Malibu Barbie) ในชุดอาบน้ำแบบ One-piece
โดยมีผ้าเช็ดตัวและแว่นดำในกล่อง เป็นรุ่นแรกในประเทศไทย





ความสำคัญของตุ๊กตาของเล่น
ที่กลายเป็นของสะสม ซึ่งได้มีการโชว์บาร์บี้ของนักสะสมบาร์บี้ตัวยง นามว่า “สุนัน วิเศษกิจ”



Happy Holiday

บาร์บี้เลิฟเวอร์คนนี้ ใช้เวลาสะสมตุ๊กตาบาร์บี้มา 29 ปี 23 ตัวในตู้โชว์ มาจากทุกมุมของโลก
และเป็นส่วนหนึ่งใน 4,000 ตัวที่เขามี..เพราะว่า 1,000 ตัว คือ บาร์บี้ที่เธอได้มาจากห้างเซ็นทรัล โดยเฉพาะเซ็นทรัลสีลม
แถมยังเป็นของขวัญสุดเซอร์ไพรส์ที่ได้จากสามีในขณะไปฮันนีมูนที่ประเทศฮ่องกง เป็นตุ๊กตาบาร์บี้รุ่น Happy Holiday
ซึ่งเป็นรุ่นที่ขายดีที่สุดในร้าน Toys “R” us ประเทศฮ่องกงเลยทีเดียว





สำหรับรุ่นที่ไม่มีจำหน่ายในเมืองไทยถึงกับต้องสั่งซื้อจากบริษัทแม่ในอเมริกาผ่านอินเตอร์เน็ต
เพราะบางรุ่นไม่มีขายในแถบเอเชีย และล่าสุดประเทศญี่ปุ่นกำลังออกรุ่นแอร์โฮสเตส
คนซื้อต้องมารอต่อคิวตั้งแต่เช้าเลยทีเดียว เพราะมีจำหน่ายที่ประเทศญี่ปุ่นเท่านั้น





บาร์บี้สามารถสะท้อน
ให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของโลกแฟชั่นในแต่ละยุด
และด้วยเหตุผลนี้เองที่บาร์บี้อยู่คู่กับเด็ก ๆ มากกว่า 40 ปี
ในขณะเดียวกันนี้เองบาร์บี้ตัวแรกเกิดขึ้นในปี 1959 ที่อเมริกา
ด้วยราคา 3$ ด้วยความสูง 29 CMS





เป็นบาร์บี้ที่สวมใส่ชุดว่ายน้ำลายทางสีดำ-ขาว
ผิวสีน้ำตาล ผมหางม้าสีทอง เธอสามารถชนะใจผู้คน
และสามารถเปลี่ยนแปลงวงการแฟชั่นให้มีสีสันที่แปลกใหม่ออกไป
แต่อย่างไรก็ตามเธอยังไม่สามารถเอาชนะใจเด็ก ๆได้
จนมีบาร์บี้ตัวต่อมาซึ่งสวมใส่ชุดที่สวยงาม
และนั่นเองบาร์บี้สามารถเข้าไปนั่งในใจของเด็กๆ หลาย ๆ คน



M Empress Bride


บาร์บี้หายากหลากหลายรุ่น อาทิ
“M Empress Bride” ตุ๊กตาบาร์บี้ ที่ผลิตจาก Vinyl ออกแบบโดย บ็อบ แม็กกี (Bob Makie) ดีไซเนอร์คนแรกที่ได้รับมอบหมายให้ออกแบบชุดเสื้อผ้าของบาร์บี้เป็นคอลเล็กชั่นแรก
มีราคาถึงหลักแสน



Crystal Rhapsody


“R Crystal Rhapsody 1993” แตกต่างโดยวัสดุที่ทำเป็นตัวตุ๊กตาบาร์บี้ที่ทำมาจากพอร์ซเลน ส่งผลให้หน้าตาของบาร์บี้มีลักษณะพื้นผิวนวลเนียนสวยกว่า




“Violet 2005” ทำจาก Silk Stone พิเศษตรงผลิตในจำนวนจำกัดเพียง 999 ตัวเท่านั้น




บาร์บี้ได้รับการ ศัลยกรรมปรับเปลี่ยนโฉมหน้ามาแล้วถึง 4 ครั้ง คือในปี 1967, 1977, 1992 และ1999



บาร์บาร่า ที่ใช้แทนชื่อในนาม บาร์บี้

หากนับจนถึงบัดนี้ บาร์บี้สาวน้อยพลาสติกก็มีอายุได้ 50 ปีแล้ว ถ้าเป็นคน จริงๆ ก็เรียกว่าเป็นคุณป้าได้เลย ทว่า ในโลกของตุ๊กตา บาร์บี้ก็ยังคงความน่ารัก สวย งามและทันสมัยอยู่เช่นเคย และยังคงเป็นที่นิยมของเด็กๆ ทั่วโลกได้ทุกยุคทุกสมัย



บาร์บาร่า (ปัจจุบัน)


บริษัทแมตเทล ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1944 โดยเอลเลียต แฮนด์เลอร์
และฮาโรลด์ แมตสัน เพื่อเป็นบริษัทผู้ผลิตเฟอร์นิเจอร์บ้านตุ๊กตา โดยชื่อแมตเทิลนี้ตั้งมาจากการผสมชื่อของทั้งสองเข้าด้วยกัน
ต่อมาแมตสันขายหุ้นส่วนหนึ่งของตัวเองให้แฮนด์เลอร์กับรูธ ภรรยาของแฮนด์เลอร์ ซึ่งเข้ามาร่วมธุรกิจในปีค.ศ. 1948





แม้ว่าคู่สามี-ภรยรยา แฮนด์เลอร์ มีประสบการณ์ด้านธุรกิจมาน้อย และมีเงินทุนก็น้อย
แต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ความที่ประชากรที่เกิดขึ้นในยุคเบบี้บูมมีเพิ่มขึ้น ขณะที่ผู้ผลิตตุ๊กตามีน้อย
จึงทำให้แมตเทลมีโอกาสยิ่งใหญ่มากในการหาตลาด สองสามีภรรยาจึงได้เรียนรู้เรื่องราวในธุรกิจมากมาย





เช่น ต้องหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ล้าสมัย ต้องควบคุมราคา ปัญหาเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ ซึ่งบทเรียนล้ำค่าเหล่านี้ทำให้บริษัทแข็งแกร่ง
และยากที่คู่แข่งจะลอกเลียนแบบ ในปี ค.ศ. 1959 แมตเทลจึงออกผลิตภัณฑ์ "บาร์บี้" ซึ่งนำชื่อมาจากลูกสาวตัวเอง "บาร์บาร่า"





บาร์บี้มีแฟนหนุ่มชื่อเคน คาร์สัน (Ken Carson) ในปี ค.ศ.1961 หรือใน 2 ปี ต่อมาหลังจากที่บาร์บี้ถือกำเนิด
ซึ่งในเวลาต่อๆ มา บาร์บี้ก็เริ่มมีสังคมมากขึ้น
ด้วยการมีเพื่อนต่างสีผิว, เพื่อนของเคน, น้องชาย, น้องสาว, ลูกพี่ลูกน้อง และ เพื่อนสาวอีกมากมาย





บาร์บี้....ทำให้บริษัทแมตเทลกลายเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ที่ผลิตและจำหน่ายของเล่นไปทั่วโลก






ที่มา
วิกิพีเดีย
โพสต์ทูเดย์
barbie.everythinggirl.com




























 

Create Date : 11 พฤศจิกายน 2551
6 comments
Last Update : 11 พฤศจิกายน 2551 0:04:34 น.
Counter : 13818 Pageviews.

 

หู้ยยยย ช่างสรรหามาอีกแล้วนะคะลุง แต่ละเรื่องที่ลุงเอามาลงมีประโยชน์และให้ความรู้ดีมากๆเลยค่ะ ขอบคุณนะคะลุง

ปล นัทลงชื่อจองหนังสือไว้ให้ลุงไปก่อนหนึ่งเล่มแล้วนะคะ ขอบคุณลุงอ๊อฟมากๆเลยค่ะที่ให้กำลังใจกัน ถ้ามีอะไรคืบหน้า นัทจะมาบอกอีกทีนะคะ

 

โดย: Picike 11 พฤศจิกายน 2551 6:35:08 น.  

 

น่ารัก

 

โดย: แยม IP: 125.25.172.93 26 ตุลาคม 2552 12:57:48 น.  

 

นาย

 

โดย: pet17149 IP: 124.157.210.252 6 ตุลาคม 2553 14:05:42 น.  

 

สวย

 

โดย: มีน IP: 58.8.180.226 18 มีนาคม 2554 15:19:37 น.  

 

สุดยอดค่ะ

 

โดย: รานี IP: 223.205.113.191 20 มิถุนายน 2554 18:52:41 น.  

 

สวยจัง

 

โดย: เฟย์ IP: 171.97.150.132 26 สิงหาคม 2557 14:50:04 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


นอกลู่นอกทาง
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]








ภาพถ่ายดาวเทียมด้านอุตุนิยมวิทยา
ภาพสดๆจากที่ต่างๆทั่วมุมโลก
Ban Na Song BKK, Thailand
Karon Beach , Phuket , Thailand
Federal Highway, Angkasapuri ,Pantai Valley , Malaysia
Delta Estate , Singapore
Malate ,Manila , Philippines
Bandar Seri Begawan , Brunei
Guangxi Guilin, China
달빛무지개분수(Banpo Bridge Fountain )Sin’gilsa-dong , Seoul , South Korea
Hong Kong skyline from Admiralty, China
Shiomidai , Kanagawa , Japan
Cable Beach, Broome, Western Australia, Australia
Keahua Hawaii , USA
Sacramento California, USA
Washington D.C., USA
Manhattan , New York , USA
McCulloch Kelowna, Canada
Niagara Falls , Ontario , Canada
Panama Canal , Bella Vista , Panama
Santiago de Chile , Región Metropolitana , Chile
Fairbanks, Alaska Forecast Arctic
Mar del Plata Buenos Aires , Argentina
Tasiilaq , Østgrønland , Greenland
London Skyline from the Sheraton Park Tower , Knightsbridge , United Kingdom
Trafalgar Square , London , United Kingdom
Eiffel Tower Paris, France
Harstad Nordland , Norway
Halsum , Svalbarð , Iceland
Amsterdam , Netherlands
Vatican City State, Saint Peter's Basilica Borgo , Italy
Berlin, Germany
Чебоксарский залив, Yakimovo, Chuvashia , Russia
Udaipur Lake Pichola , Rājasthān , India
Mount Everest , Junbesi , Sagarmāthā , Nepal
Cape Town Sanddrift, South Africa
Orpen , Richmond , South Africa
Abū Hayl Dubai , United Arab Emirates
Kairo, Egypt
Medhufushi, Maldives
Mawson station Antarctica

Profile Visitor Map - Click to view visits
หนังทุกเรื่องหรือเพลงทุกเพลงในบล็อกนี้ เป็นเจ้าของ ของลิขสิทธินั้นๆตามเจ้าของเดิม นำมาเพื่อแบ่งปันชมกันในหมู่เพื่อนพ้อง ชาวบล็อกแก้งค์เท่านั้นครับ....
ไม่สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ 2539 หากผู้ใดคิดจะ ลอกเลียน หรือนำส่วนใดส่วนหนื่ง ของข้อความใน Blog แห่งนี้ไปเผยแพร่ ให้นำไปได้เลย โดยไม่ต้องขออนุญาต จขบ. แต่ต้องคัดลอกแจกจ่ายให้ครบ 50 ก็อปปี้ ไม่เช่นนั้น จะมีอันเป็นไป ต่างๆนานา ถึงขั้นชีวิตตกอับ อิอิ หากแต่ว่า..นำชื่อ จขบ. ไปใช้ในทางเสียหายหรือประจาน จะถูกดำเนินคดี ตามที่ กฏหมายบัญญัติไว้สูงสุด นะจ๊ะ
Friends' blogs
[Add นอกลู่นอกทาง's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.