Group Blog
 
 
ตุลาคม 2558
 
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
9 ตุลาคม 2558
 
All Blogs
 
ขุมทรัพย์นครา.."ชากังราว"

...ในวันฝนยังคงพร่างพรม เส้นทางการผจญภัยกำลังจะเริ่มขึ้นบนดินแดนชากังราว ฉันได้ยินเสียงกระซิบอันแผ่วเบาแว่วมากับสายลมฝน ที่พัดผ่าน..
ข้างแก้ม...“มาสิ..ฉันรอให้เธอมารู้จักฉัน..ค้นหาฉันให้เจอนะ...ฉันคือ..ขุมทรัพย์แห่งนคราชากังราว...”
...(ภาพ วัดพระแก้ว อุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร เขตคามวาสี)
  ...เสียงกระซิบอันแผ่วเบานั้น กระตุ้นให้ฉันเดินทางเพื่อเริ่มค้นหาขุมทรัพย์แห่งอดีตกาลของนคราชากังราวภายใต้ กองอิฐ กองศิลาแลงที่ผ่านการบูรณะก่อรูปร่างเป็นโบราณสถานอันล้ำค่าจนได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลก ฉันหยุดนิ่งมองไปรอบ ๆ ฉันจะเริ่มจากที่ไหนดีนะ  ภาพความงดงามแห่งโบราณสถาน ทั้งในเขตคามวาสี และอรัญวาสี ยิ่งทำให้ฉันอยากค้นหาขุมทรัพย์ที่ทรงคุณค่าที่ซ่อนอยู่ภายใน ผู้คนมากมายเดินผ่านไปมาเพียงเพื่อมาเยี่ยมชมสถานที่ แต่สำหรับฉัน แต่ละเท้าที่ก้าวย่างเป็นไปอย่างเนิบช้า เพื่อซึมซับความสง่างามทรงคุณค่าของสถาปัตยกรรมในอดีต เรื่องราวที่ถูกซ่อนอยู่ มิติแห่งภาพความรุ่งเรืองได้ซ้อนทับเข้ามาเป็นภาพฉายอันลางเลือน



...(ภาพวัดช้างรอบ อุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร เขตอรัญวาสี)
....สองเท้าก้าวย่ำไปทั่วดินแดนสีน้ำตาลแดง ผ่านโบราณสถานต่าง ๆ มากมาย  ที่ล้วนแต่เป็นงานสถาปัตยกรรม ที่มีลักษณะโดดเด่น ทั้งในด้านความเชื่อของบรรพชนในอดีต มีการใช้วัสดุศิลาแลง เป็นส่วนประกอบที่สำคัญในการก่อสร้าง และที่สำคัญรูปแบบทางศิลปกรรม ทั้งหมดเป็นของแท้ดั้งเดิมทั้งสิ้น ชวนหลงใหลกับภาพที่สะท้อนให้เห็นถึงความ เจริญรุ่งเรืองในสมัยนั้นที่มีอายุไม่เก่าไปกว่าพุทธศตวรรษที่ ๑๙  ทุกแห่งที่ผ่านไปฉันมองเห็นความยิ่งใหญ่งดงาม แห่งพุทธสถานและพุทธศิลป์ฝีมือช่างเมืองกำแพงเพชร.. อะไรนะที่ซ่อนอยู่ที่นี่และส่งเสียงเรียกร้องให้ฉันเข้าไปพบเจอ.... “ฉันอยู่นี่...เธอหาฉันเจอไหม ฉันอยู่รอบ ๆ กายเธอ ”..

...(ภาพวัดพระสี่อิริยาบถ อุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร)..
....ทุก ๆ ที่ฉันไป ไม่ว่าจะเป็นความสวยงามของโบราณสถานในเขตคามวสี เช่น วัดพระแก้ว วัดพระธาตุ หรือในเขตอรัญวาสี เจดีย์ที่ยิ่งใหญ่ของวัดช้างรอบ ความงดงามของวัดสี่อิริยาบถ หรือแม้แต่กลุ่มโบราณสถานนครชุม ณ ทุ่งเศรษฐี รอบ ๆ กายฉันจะถูกโอบล้อมด้วยศิลาแลงที่ก่อร่างสร้างฐานอันหนักแน่นเป็นปึกแผ่นที่ยิ่งใหญ่ ที่นี่มีแหล่งศิลาแลงที่ดีและมีขนาดใหญ่ที่สุดมาตั้งแต่อดีตกาล ร่องรอยบ่อขุดศิลาแลงยังมีให้พบเห็นอยู่ภายในโบราณสถานเขตคามวสี และอรัญวาสี ทั้งที่วัดเจ้าอาวาสใหญ่ และที่วัดช้างรอบ ด้วยคุณสมบัติพิเศษของศิลาแลงที่มีความอ่อนนุ่ม เมื่อขุดขึ้นมาใหม่ ๆ ทำให้ง่ายในการตัดแต่งรูปทรงต่าง ๆ แต่เมื่อแห้งกลับมีความแข็งแกร่ง คงทนถาวร ยิ่งกว่าอิฐและปูน ศิลาแลงที่ทำให้นครแห่งอดีตกาลแห่งนี้มิได้สูญสลายไปตามกาลเวลา เสียงลมพัดแผ่วเบาที่ข้างหู ราวเสียงกระซิบจากก้อนศิลาแลงบอกกับฉันว่า ..ข้าคือ “ขุมทรัพย์แห่งนครา “ชากังราว”

...(ภาพวัดพระแก้ว อุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร)....
...(ภาพป้อมทุ่งเศรษฐี เขตโบราณสถานนครชุม)...
...(ภาพบ่อขุดศิลาแลงในอดีตกาล บริเวณวัดช้างรอบ)...
....ขุมทรัพย์แห่งนคราชากังราว..อยู่ที่ไหนอีกนะ ขุนเขาและป่ากว้างได้ซุกซ่อนเอาไว้หรือไม่ สิ่งที่ท้าทายสำหรับฉันยังรออยู่เบื้องหน้า สองเท้ายังคงก้าวไปเพื่อค้นหาขุมทรัพย์ในอดีตกาลของนคราชากังราว  “ไปที่นี่สิ...ไปตามสายน้ำ...ชั่วฟ้าดินสลาย...ฉันจะรอเธออยู่นะ”..เสียงกระซิบเบา ๆ บอกฉัน อีกครั้ง....
......ฉันเริ่มค้นหาขุมทรัพย์ในยุคต่อมาของชากังราวที่ชุมชนเก่าริมน้ำย่านนครชุม..สายธารแห่งคลองสวนหมาก นำฉันไปสู่บ้านไม้สักเก่าคร่ำคร่า ริมคลองสวนหมากภายใต้ร่มไม้ใหญ่ ที่นี่ดูเหมาะกับเป็นที่ซ่อนขุมทรัพย์แห่งชากังราว มันมีอะไรซ่อนอยู่นะ...บ้านห้าง ร.๕ (บ้านพะโป้) ที่นี่เป็นฉากหนึ่งในภาพประวัติศาสตร์การเสด็จประพาสต้นของรัชกาลที่ ๕ ...ที่นี่เป็นฉากหนึ่งในบทประพันธ์อันเป็นโศกนาฏกรรมแห่งรัก เรื่อง “ชั่วฟ้าดินสลาย” ของ    “เรียมเอง” ซึ่งเป็นนามปากกาของ “มาลัย ชูพินิจ”.. ที่นี่มีหลากสิ่งหลายอย่างอันทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์แห่งสยามซ่อนอยู่ภายใต้ริ้วรอยแห่งอดีตกาลของสถานที่ ร่องรอยของไม้ทุกแผ่นคงได้ซึมซับภาพอดีตไว้มากมาย เสียดายที่แผ่นไม้เหล่านี้มิอาจเล่าถ่ายทอดเรื่องราวต่าง ๆ ได้..


...(บ้านพะโป้ หรือ บ้านห้าง ร.5)....
........ย้อนไปในสมัยรัชกาลที่ ๕ ครั้งหนึ่ง เมื่อพระองค์ทรงเสด็จประพาสต้นครั้งที่ ๒ เมืองกำแพงเพชร เมื่อปี รศ. ๑๒๕ (พ.ศ. ๒๔๔๙) ทรงมีพระราชหัตถเลขาไว้ว่า “...วันที่ ๒๕ วันนี้ตื่นสายเพราะวานนี้ อยู่ข้างจะฟกช้ำ ๔ โมง จึงได้ลงเรือเหลืองข้ามฟากไปฝั่งตะวันตก ยังไม่ขึ้นที่วัดพระธาตุ เลยไปคลองสวนหมากต้องขึ้นไปไกลอยู่หน่อย ในคลองนี้น้ำไหลเชี่ยว แต่น้ำใสเพราะเป็นลำห้วย มีคลองแยกข้างขวามือ แต่ต้นทางที่จะเข้าไป เรียกว่าแม่พล้อถ้าไปตามลำคลอง ๓ วันจึงถึงป่าไม้ แต่มีหลักตอมาก เขาขึ้นเดินไปทางวันเดียวถึง ป่าไม้นี้พะโป้กะเหรี่ยง ในบังคับอังกฤษเป็นคนทำเมียเป็นไทยชื่ออำแดงทองย้อย เป็นบุตรผู้ใหญ่บ้านวัน และอำแดงไทย ตั้งบ้านเรือนอยู่ติดกันในที่นั้น ไปขึ้นถ่ายรูปที่หน้าบ้าน ๒ บ้านนี้แล้ว จึงกลับมาจอดกินกลางวันที่หาดกลางน้ำ.......”

..(ภาพนิทรรศการเสด็จประพาสต้น ที่พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติกำแพงเพชร)...
.....จากเรื่องจริงสู่บทประพันธ์ “ชั่วฟ้าดินสลาย” ของ มาลัย ชูพินิจ ที่นำบรรยากาศของบ้านพะโป้ มาผูกโยงเป็นเรื่องราวโศกนาฏกรรมแห่งรัก ระหว่าง พะโป้คหบดีชาวพม่า นายห้างปางไม้แห่งกำแพงเพชร  ยุพดีสาวสวยแห่งพระนคร และ ส่างหม่องหนุ่มพม่าหลานของพะโป้ สองหนุ่มสาวผู้ที่ถูกพันธนาการความรักไว้ด้วยโซ่ตรวน..ตราบ “ชั่วฟ้าดินสลาย” จากคำบัญชาของพะโป้  ไม่มีใครยืนยันว่า “พะโป้”ในบทประพันธ์ กับ “พะโป้” ที่เป็นเจ้าของเรือนไม้สัก เป็นคนเดียวกันหรือไม่...แต่ "พะโป้"ที่มีตัวตนจริงของชาวคลองสวนหมาก คือ ชายชาวกะเหรี่ยงที่ได้สัมปทานป่าไม้ในเขตคลองสวนหมาก เป็นเศรษฐีใหญ่ที่มีความศรัทธาในพุทธศาสนา ในขณะที “ส่างหม่อง” ในความเป็นจริงหาใช่หลานของพะโป้ตามบทประพันธ์ แต่เป็นชาวไทยใหญ่ที่ทำการค้าไม้เช่นเดียวกับพะโป้ และเป็นคู่เขยกัน...การนำสถานที่ ชื่อของบุคคล มาปรากฏในนิยาย ไม่ได้เกี่ยวเนื่องกัน แต่เรื่องจริงกับภาพในบทประพันธ์กับสอดประสานให้เห็นภาพความยิ่งใหญ่ของบ้านห้างพะโป้และความยิ่งใหญ่ของการค้าไม้ในเมืองกำแพงเพชรให้ชัดเจนยิ่งขึ้น


..(ภาพส่างหม่อง ตัวจริงที่ไม่ได้อิงนิยาย)...
.......แม้กาลเวลาผ่านเลยมานับร้อยปี แต่ภาพเรือนไม้เก่าตรงหน้ามิได้บดบังความงามในอดีตไว้ได้เลย หากเป็นในอดีตบ้านพะโป้แห่งนี้คงจัดได้ว่าหรูหรา สง่างาม ด้วยตัวบ้านเป็นอาคารไม้ ๒ ชั้น สร้างด้วยไม้สักทั้งหลัง รูปแบบไทยผสมตะวันตก ประดับด้วยไม้ฉลุลายอย่างประณีต ภาพที่เห็นตรงหน้ากับภาพจินตนาการในบทประพันธ์ซ้อนทับกันอย่างลงตัว “บ้านห้าง” ของพะโป้ที่แม้จะทรุดโทรมไปแต่ก็ยังตั้งตระหง่านเป็นตำนานของคลองสวนหมาก ขุมทรัพย์ที่ถูกซ่อนอยู่คืออดีตอันรุ่งเรืองแห่งการค้าไม้สักของเมืองกำแพงเพชร และบทประพันธ์ที่มีเสน่ห์ชวนน่าสัมผัส  อดีตที่ซุกซ่อนอยู่ในทุกร่องรอยบนผิวไม้ของบ้านพะโบ้ เสียงพัดไหวของหมู่ไม้ที่รายล้อมสอดประสานกันเป็นท่วงทำนองเพลง “ชั่วฟ้าดินสลาย”


...(ภาพบริเวณบ้านพะโป้ ในอดีตที่ยังรุ่งเรื่องด้วยสัมปทานป่าไม้)...
    “...ชั่วดินฟ้า รักเธอ เสมอใจ ที่ฉันรำพัน ทุกวัน ฝันไป ถึงเธอ
อยากให้เธอ หวานใจ อยู่ใกล้ พลอดรัก ร้อยเรียง ร่วมเคล้าเคียงฉันและเธอ  
ก่อนเข้านอน ฉัน วอน ฝันไป เพ้อครวญ ภาพรักหลอน ให้ชวน ละเมอ
อยากให้เป็น ของเธอ ชั่วฟ้า ดินได้ อย่ามี อันใดพรากไป ไกลกัน…”
...
...สายน้ำแห่งกาลเวลาได้กระซิบเบา ๆ..บอกฉันว่า...ตราบชั่วฟ้าดินสลาย...ข้าคือ “ขุมทรัพย์แห่งนคราชากังราว”
เสียงกระซิบจากสายลมบอกฉันว่า..”ตามย้อนสายน้ำขึ้นไปสิ...ฉันคือขุมทรัพย์นคราชากังราว..ฉันจะรอเธออยู่ที่ต้นกำเนิดแห่งสายน้ำ”...
...
....ฉันอำลาเขตเมืองกำแพงเพชรเพื่อตามสายน้ำไปค้นหาขุมทรัพย์ที่ถูกโอบอุ้มไว้ด้วยธรรมชาติที่สมบูรณ์ ขุมทรัพย์ที่ทำให้เกิดกิจการป่าไม้ที่สำคัญในอดีต เสียงจากสายนทีคลองลานที่ผาดโผนจากหน้าผาสูง สู่แอ่งน้ำในอ้อมกอดของพงไพรดังก้องเข้ามาในโสตประสาท หรือว่าขุมทรัพย์จะถูกซ่อนอยู่ในมุมใดมุมหนึ่งของที่นี่ สายน้ำอันฉ่ำเย็นที่ไหลเรื่อยผ่านโขดหิน ภาพน้ำตกสูงใหญ่ตรงหน้าทำให้ฉันหยุดตลึงกับความยิ่งใหญ่งดงามของหน้าผาสูงและสายน้ำที่สาดกระเซ็น ละอองน้ำที่หยาดรดบนผิวหน้า เพิ่มความชุ่มชื่นในหัวใจ บรรยากาศโดยรอบน้ำตกช่างสวยงาม ที่นี่เป็นบ้านของสัตว์ป่า เป็นป่าต้นน้ำลำธาร ที่เป็นต้นกำเนิดของสายนทีแห่งเมืองกำแพงเพชร เช่น คลองขลุง คลองสวนหมาก ซึ่งไหลรวมกันลงสู่แม่น้ำปิง มากมายด้วยพรรณพฤกษา และพันธ์ไม้เฉพาะถิ่น เช่น “ผักกาดหินคลองลาน” ในอดีตผืนป่าคลองลานเช่นบริเวณป่าคลองสวนหมาก เป็นแหล่งในการทำสัมปทานป่าไม้ แต่ในปัจจุบันขุมทรัพย์แห่งธรรมชาติเหล่านั้นกลับได้รับการอนุรักษ์ให้คงอยู่ไว้ภายในเขตอุทยานแห่งชาติ ด้วยความวามร่วมมือร่วมใจของเจ้าหน้าที่กว่าร้อยชีวิต ที่ยึดมั่นในอุดมการณ์แห่งคลองลาน และความร่วมมือของคนในพื้นที่ ทำให้ป่าคลองลานยังอุดมสมบูรณ์ และสายน้ำตกคลองลานยังคงสวยงดงามเด่นตระหง่านในหมู่พฤกษ์ไพร...


...(ภาพดอกผักกาดหินคลองลาน)...
"...ภูผาสูงตระหง่านท้านที
ชลธีก็คึกเข้าถาโถม
เสียงคำรามกึกก้องครามโครม
เผ่นโผนกระโจนลงผืนไพร
สายธารไหลเลื้อยเซาะแก่งหิน
ไหลรินดังเพลงพิณที่อ่อนไหว
บรรเลงเพลงขับกล่อมทั่วแนวไพร
พริ้วไหวอ่อนช้อยงดงาม..."

...(ภาพสายธารแห่งน้ำตกคลองลาน)...
....
...เสียงคำรามของสายน้ำที่ผาดโผนสู่แก่งหินเบื้องล่าง  ราวเสียงตะโกนก้องของธรรมชาติว่า... ข้าคือ “ขุมทรัพย์แห่งนคราชากังราว”...
ฉันหยุดมองสายน้ำที่ไหลเซาะแก่งหินตรงหน้า หลายคนเปรียบเปรยไว้ว่าเสมือนกาลเวลาที่หมุนผ่านไปไม่ย้อนคืน วันนี้ฉันได้ก้าวตามเสียงเรียกของหัวใจแห่งการค้นหา ฉันพบเจอหลายสิ่งหลายอย่างมากมาย อดีต ปัจจุบัน ผู้คน ผืนดิน และสายน้ำ ก่อให้เกิด...“ขุมทรัพย์แห่งนคราชากังราว” ในหลากหลาย   ยุคสมัย...และฉันเชื่อว่า..ขุมทรัพย์แห่งนคราชากังราวยังคงซ่อนตัวอยู่ให้ผู้คนเข้าไปค้นหา และเชื่อว่าขุมทรัพย์เหล่านี้จะคงอยู่ตลอดไป..ตราบ“ชั่วฟ้าดินสลาย”....



Create Date : 09 ตุลาคม 2558
Last Update : 12 ตุลาคม 2558 8:26:43 น. 1 comments
Counter : 1530 Pageviews.

 
thx u crab


โดย: Kavanich96 วันที่: 10 ตุลาคม 2558 เวลา:2:32:21 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

supernopmanee
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add supernopmanee's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.