Group Blog |
มัทนะพาธา สวัสดีค่ะ ใกล้ปีใหม่แล้ว ปีนี้จะว่าหนาวกกว่าทุกปีก็ไม่เชิง จะว่าร้อนกว่าทุกปีก็ไม่ใช่ คนพิมพ์นี่เป็นหวัดไม่สบายไปแล้วหนึ่งรอบ แพลนสิ้นปีนี้คนอื่นวางไว้กันยังไงก็ไม่รู้ แต่ที่แน่ ๆ เราวางแพลนไว้ว่าปีนี้จะเที่ยวภูกระดึงงง นัดกับเพื่อน ๆ ที่ทำงานแล้วไว้ จึงได้ผลสรุปว่าคงขึ้นภู เสาร์-อาทิตย์เท่านั้น กำหนดการเป็น 23-25 ธันวาคม นี้แลลล ใกล้แล้วว ตื่นเต้นมากกกก ใครจะไป ตามมา ๆ อิอิ ตอนนี้อยากทิ้งงานทิ้งภาระทุกอย่างแล้วออกไปข้างนอกกกกก วันนี้ที่แว๊บเข้ามา ที่จริงก็ตั้งใจไว้หลายวันแล้วตั้งแต่อ่านนิยายชุด The princess story ของผู้แต่ง mirininthemoon สำนักพิมพ์ห้องสมุด ชื่อเรื่องคือ ลิลิตบุษบา กับ หอมกลิ่นวิมาลา บอกเลยว่าแค่ชื่อเราก็สะดุดแล้ว ไม่ขอพูดถึงความสนุกไม่สนุกแต่อยากบอกว่า พออ่านเรื่องนี้จบ เราคิดถึงหนังสือเรียนภาษาไทยสมัยมัธยม ที่สอนเรื่องวรรณคดีไทย เช่น อิเหนา ขุนช้างขุนแผล ไกรทอง รามเกียรติ์ พระอภัยมณี ทำให้เราอยากกลับไปอ่าน ไปทบทวนเนื้อหา ทำความเข้าใจใหม่ ว่าเป็นใคร มาจากไหน เกี่ยวข้องกับใคร อะไรอย่างนั้น อาจเพราะชอบอ่านเป็นทุนเดิม เลยอยากรู้เรื่องราวเก่า ๆ เราว่า วรรณคดีเหล่านี้สนุกน่ะ มีความงดงามในตัวเอง มันทำให้เราตกหลุมรักอีกครั้ง ป.ล. เราชอบพี่ภัยมากกก ลงเสียงคะ ขา ตลอดดด กับขุนแผนที่รู้สึกถึงความแมนแบบไทยแท้ 555 นอกจากเพ้อเจ้อเรื่องนิยายที่อ่านแล้ว วันนี้เราเลยเก็บเกี่ยววรรณคดีอีกชิ้นหนึ่งมาให้อ่านกันเพื่อทบทวนความจำ เป็นเรื่องที่เราทำนิทรรศการตอน ม.5 จำได้แม่น เพราะต้องตามหารูปดอกกุหลาบหลากหลายสายพันธุ์แล้วเอาไปเคลือบ วุ่นวายมาก นอกจากนี้แล้วยังเป็นกลอนที่อ่านสนุก ให้ข้อคิดดี ชอบการร้องโต้ตอบกัน ดังนั้นจึงขอเสนอ...มัธนะพาธา ตำนานรัก ดอกกุหลาบ ผู้แต่งคือ รัชกาลที่ 6 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่มา : //www.phichai.ac.th/mathana
องก์ที่ ๓
ฉาก : ลานหน้าอาศรมของพระกาละทรรศิน [คือฉากเดียวกันกับตอนที่ ๓ แห่งองก์ที่ ๒ นั่นเอง,แต่หนังกวางที่ปูบนแท่นศิลาใต้ต้นไม้นั่นเก็บ ไปเสีย ; และสมมติว่าเป็นเวลากลางคืน, มีแสงเดือนหงายแจ่มอย่างในวันเพ็ญ.] อินทะวิเชียร, ๑๑.) ชัยเสน. โอ้โอ๋กระไรเลย บมิเคยณก่อนกาล ! พอเห็นก็ทราบซ่าน ฤดิรักบหักหาย ยิ่งยลวะนิดา ละก็ยิ่งจะรัอนคล้าย เพลิงรุมประชุมภาย ณอุราบลาลด พิศไหนบมีทราม วะธุงามสง่าหมด จนสุดจะหาพจน์ สรเสริญเสมอใจ องค์วิศวะกรรมัน นะสิปั้นวะธูไซร้ พอเสร็จก็เทพไท พิศะรูปสุรางค์เพลิน ยืนเพ่งและนั่งพิศ วรพักตร์บหมางเมิน งามใดบงามเกิน มะทะนาณโลกสาม แลวิศวะกรรมัน ผิจะปั้นวะธูตาม แบบอีกก็ไม่งาม ดุจะโฉมอนงค์นี้ เหตุนี้สินงคราญ ณสถานพิภพตรี จึ่งไม่ประสบที่ สิริรูปะเทียมทัน งามเกินมนุษย์จริง กละหญิงนิมิตฝัน จนแรกประสบนั้น ดนุจวนจะปลุกตัว นึกว่าสนิทนิทร์ นยนาก็แน่วนัว แต่นึกก็ออกกลัว จะผวาและไม่เห็น ครั้นเมื่อสดับศัพ- ทะสำเนียงก็เยือกเย็น ราวดื่มอุทกเพ็ญ รสะรื่นระรวยใจ เสียงเจ้าสิเพรากว่า ดุริยางคะดีดใน ฟากฟ้าสุราลัย สุรศัพทะเริงรมย์ ยามเดินบเขินขัด, กละนัจจะน่าชม กรายกรก็เร้ารม- ยะประหนึ่งระบำสวย ยามนั่งก็นั่งเรียบ และระเบียบบเขินขวย แขนอ่อนฤเปรียบด้วย ธนุก่งกระชับไว้ พิศโฉมและฟังเสียง ละก็เพียงจะขาดใจ โอ้นอนจะหลับไหล ฤฉะนี้นะอกเอ๋ย ขืนนอนก็ร้อนเร่า ฤดีเฝ้าคะนึงเชย หากขืนจะนอนเฉย อุระอาจจะพังภิน จำมาณที่นี้ เพราะว่ะใกล้สุนาริน โอ้เราบสมจิน- ตะนะได้ฤฉันใด ? ช้าก่อน!ดนูเห็น ณประตูสิรำไร ดังหนึ่งจะมีใคร จระจากพระอาศรม อ้าขอถวายอัญ ชลิองค์สุโรดม ขอให้ดนูชม วธุเลิศเถอะสักที ! (อุปัฏฐิตา, ๑๑.) ชัยเสน. อ้าโฉมมะทะนา บริสุทธิบังอร ข้าฤๅจะติหล่อน เพราะสดับวจีหวาน ? ชื่นจิตตะสดับ มธุรสฤดีบาน ทราบว่ายุวะมาลย์ กรุณาณข้านี้ พอเห็นวรพักตร์ วนิดาวะรางคี บัดนั้นฤก็มี ฤดิท่วมสิเนหา เหมือนโฉมดะรุณี นะแหละยื่นสุหัตถ์มา ล้วงใจดนุคร่า และกระลึงหทัยไว้ แต่นั้นก็อนงค์ นะสิยังบคืนให้ กำดวงฤดิใน วรหัตถะแน่นครัน ! หากนางบมิชอบ และจะคืนหะทัยนิ้น ข้านี้ก็จะศัล- ยะพิลาปพิไรวอน ขอให้วนิดา กรุณาดะนูก่อน อย่าเพ่อสละรอน ระติราญสุไมตรี ถึงหล่อนจะมิรัก ก็จะขอกะโฉมศรี ให้ยอมดนุมี ฤดิรักพะธูไป จนกว่าจะประจัก- ษณะจิตตะหล่อนไซรั แล้วยกฤดิให้ ดนุผู้พยายาม อ้าโฉมมะทะนา ผิวะหล่อนจะยอมตาม ใจพี่ละก็ความ สุขะพี่จะพูนพี แต่หากมะทะนา บมิรักก็พี่นี้ เหมือนตกอะวิจี ทุขะท่วมบรู้วาย (โตฎก, ๑๒.) มะทะนาดนุรัก วรยอดยุพะดี และจะรักบมิมี ฤดิหน่ายฤระอา ผิวะอายุจะยืน ศะตะพรรษะฤกว่า ก็จะรักมะทะนา บมิหย่อนฤดิหรรษ์ นยะนาก็จะชม วธุต่างมะณิพรรณ และจะสูดสุวะคันธ์ ระสะต่างสุผะกา ผิวะตื่นก็จะดู ยุวะดีสิริมา ผิวะหลับฤก็ข้า จะสุบินฤดิเพลิน ทิวะราตริจะนอน, ฤจะนั่งฤจะเดิน บมิมีละจะเหิน ฤจะห่างมะทะนา บมิเห็นวรพักตร์ ก็จะหนักอุระว้า ขณะเคียงพะนิดา ก็ระรื่นฤดิศานต์ ผิวะเจ้าก็สมัคร และจะรักดนุนาน จระสู่อุทะธาร เถอะนะเราก็จะวัก อุทะกล่าวสุประทาน เฉพาะเทพสุรศักดิ์ และฉะนั้นละก็จัก ดุจะหมั้นจะวิวาห์ มัทนา. ผิพระโปรดละก็ข้อย บมิขัดวะจะนา และจะตามพระลิลา จระทั่วปะฐะพี (ฉบงง,๑๖.) โสมะทัต. ข้าเคารพท่านเสนา ! อันตัวท่านมา แห่งนี้ทำไมแต่ตรู่ ? ศุภางค์. เรามีธุระร้อนอยู่ มาหาท่านผู้ เป็นศิษย์ผู้ใหญ่ที่นี้ โสมะทัต. พวกเจ้าจงหลีกไปที ! เรากับเสนี มีกิจจะพูดจากัน (พวกศิษย์และบริวารเข้าโรงทางหลืบขวาทั้งหมด) บัดนี้มีข้อสำคัญ ใดจงบอกพลัน เสนีมิต้องเกรงใจ ศุภางค์. ท่านเคยได้เล่าเรื่องให้ ว่านางทรามวัย ผู้เห็นอยู่เมื่อวันวาน นั้นโดยปรกะติกาล เป็นพฤกษะบาน มาลีสุคนธ์หอมเย็น และต่อเมื่อถึงวันเพ็ญ นางจึ่งจะเป็น นงคราญวิสุทธิ์ศรีใส ดังนั้นถูกฤาฉันใด ? โสมะทัต. ถูกเช่นนั้นไซร์ ศุภางค์. แล้วก็เมื่อครบหนึ่งวัน กับอีกหนึ่งคืนนางนั้น ก็กลับกลายพลัน เป็นพฤกษะอีกทันที ถูกไหมเข้าใจเช่นนี้ โสมะทัต. ถูกแล้วเสนี. ศุภางค์. เมื่อกี้พวกศิษย์บอกข้า ว่ากุพชะกะพฤกษา หายไปแล้วนา ท่านทราบเหตุแล้วฤาไฉน ? โสมะทัต. พอตื่นแล้วบูชาไฟ แล้วข้าก็ไป ยังสวนที่ข้างอาศรม ตั้งจิตตรงไปใฝ่ชม กุพชะโกดม แต่เดินไปถึงย่านกลาง สวนนั้นก็เห็นหลุมว่าง พฤกษาสำอาง มิอยู่ ณ ที่เคยอยู่ ข้าเที่ยวค้นคว้าหาดู เผื่อจะไปอยู่ แห่งอื่นเพื่ออาศัยร่ม ไม่พบตระหนกอกกรม จึ่งมาอาศรม เผื่อจะได้พบภายใน ศุภางค์. น่ากลัวป่วยการเข้าไป ! โสมะทัต. เอ๊ะ ! เพราะเหตุใด ? โปรดบอกให้รู้กิจจา. นาค. ใต้เท้าขอรับ. ศุภางค์. อ้าว ทำไมกันอีกล่ะเพื่อน ? นาค. ก็คือว่า- ศุน. เพื่อนกระผมตั้งใจจะกราบเรียนว่าเรื่องที่ได้กราบเรียนแล้วเมื่อกี้นี้นั้น มันมีข้อความต่ออีก ดังเพื่อนกระผมจะได้กราบเรียนต่อไป (สะกิดเพื่อน) ศุภางค์. เพื่อไม่ให้ต้องเปลืองเวลาเปล่า ฉันขอบอกให้เพื่อนทราบว่าเรื่องที่เพื่อนจะเล่านั้น ฉันได้รู้เพียงพอที่ฉันอยากจะรู้แล้ว และฉันขอแนะนำว่าในส่วนตัวเพื่อนทั้งสอง ก็ไม่ควรอยากรู้อยากเห็นอะไรยิ่งไปกว่าที่ได้รู้ได้เห็น อยู่แล้ว เข้าใจไหม ? นาค. ไม่เข้าใจขอรับ ! ศุภางค์. (พูดกับศุน.) แต่ส่วนเพื่อนเป็นคนฉลาดคงเข้าใจแล้วละสินะ ? ศุน. เข้าใจแล้วขอรับ. ศุภางค์. เข้าใจว่ากระไร ? ศุน. เข้าใจว่าใต้เท้าไม่อยากพูดกับกระผมและเพื่อนกระผมอีก. ศุภางค์. (หัวเราะ) ฉันว่าแล้วว่าแกเป็นคนฉลาด ! (พระกาละทรรศินออกทางประตูอาศรมมายืนอยู่ที่ระเบียง : โสมะทัตตามออกมาด้วย. ศุภางค์ลุก ขึ้นกระทำความเคารพ. ฝ่ายนาคและศุนเลี่ยงเข้าโรงทางหลืบขวา) (สรภัญญะ.) (อินทะวิเชียร, ๑๑.) อ้าองค์พระอัคนี วรศรีประภาใส เป็นเอกอุดมใน หุตะกิจพะลีการ ข้าขอประณตองค์ สุระทั้งณตรีสถาน ทุกภาคพิเศษมาน มนะมุ่งณการยัญ หนึ่งคือสุรีย์แจ่ม สุจรัสณภูมิสวรรค์ ส่องโลกมนุษย์นัน- ทะนะอุ่นระอุกาย ที่สองประภาปรา- กะฏะในนะภาพราย คือวิชชุโชติ์ฉาย รุจิแลบณเมฆา ที่สามก็คือไฟ นระก่อณเคหา เพื่อกอบสุภักษา และประกอบพะลีพูน องค์นี้และได้เชิญ พระเสด็จณแท่นกูณฑ์ ด้วยพรอ้มมโนมูล จะกระทำหุตาการ อ้าองค์พระทรงเมษ สุระเดขตระการฉาน โปรดเอื้อและเอาภาร ธุระด้วยสุไมตรี ยามเริ่มพะลีกรร- มะสุยัญญะการนี้ จงสิทธิด้วยดี ดุจะข้าทำนูลวอน ช่วยนำพะจีถึง สุระเทพณอัมพร มารับพะลีกร ดนุได้ผจงสรรพ์ ฯ (จิตรปทา, ๘.) ชัยเสน. ข้าชัยเสน อธิเบนทร์พงศ์ จันทะประสงค์ พิธิสมรส กับมะทะนา วธุปรากฏ กอบวระยศ สิริเท่ากัน ; ข้าจะถนอม ทะนุพร้อมพรั่ง สมดุจะดัง มหิษีอัน เป็นภริยา สหชาติกัน เป็นอรขวัญ ณนิเวศน์ใน ! มัทนา. ข้ามะทะนา วนิดายอม มอบฤดิน้อม ณพระทรงชัย เป็นวระราช มหิษีใฝ่ ภักดิณไท้ บมิลดลา. (ทำนองสดุดีสังเวย.) (วสันตะดิลก, ๑๔.) อ้าหญิงและชายฤดิสมัคร มะนะร่วมสิเนหา พร้อมจิตผสมสะมะระมา อภิเษกะสมรส เหมือนหนึ่งประมวญสะริระอีก มะนะรวมก็ยงยศ ยงศักดิเกียรติคุณะหมด เพราะผสมกำลังกัน ผู้ใดสมัครสะมะระสม- ระสะร่วมมโนฉันท์ ปวงไทสุเทวะมรุสรร- พะอำนวยพระพรพูน หญิงชายกระทำวิธิวิวา- หะสิมุ่งผดุงกูล วงศาคณาคณะประยูร บมิเสื่อมมิทรามหาย เทวาประสิทธิวรบุตร และธิดาประดุจหมาย ให้ทรงและสืบสกุลละสาย สุวพันธุพืชงาม ขอทวยสุเทวะสุระฤท- ธิมะหิทธิเรืองราม โปรดช่วยบำรุงวรวิศาม- ปะติอีกพระชายา ให้ทรงเจริญสิริสุวัต- ถิพิพัฑฒะนาอา- ยูวรรณะสุขพละและสา- ระวิสุทธิศฤงคาร ขอพรประสิทธิบมิขาด ณ พระราชะสมภาร อีกเทวิองค์อระวิศาล สิริสิทธิ โดย: สมาชิกหมายเลข 717172 วันที่: 19 ธันวาคม 2559 เวลา:2:22:48 น.
องก์ที่ ๕
[ฉากเป็นห้องประทับที่ข้างในพลับพลา, ซึ่งมีม่านทองกั้นแทนฝาทั้งด้านขวาและด้านซ้าย; ด้าน หลังมีม่านรวบผูกให้แหวกตรงกลางเป็นช่องเข้าออก, มีลับแลตั้งบังช่องนี้, ทางด้านซ้ายมือมี เตียงตั้งอยู่ชิดม่านมีราชอาสน์และหมอนทอด, และเครื่องราโชปโภคตั้งพอสมควร.] (ยานี, ๑๑.) นันทิวรรธนะ. ขอเดชะพระบาท นรนาถเหนือเกศี บัดนี้เฒ่าธชี ผู้มีชื่อวิทูรไซร้ ซึ่งมีพระบัญชา ให้ตระเวนแล้วขับไล่ โอหังบังอาจใจ เข้ามาถึง ณ ค่ายนี้ ข้าบาทได้ซักถาม พราหมณ์ว่ามาก็เพราะมี เรื่องทูลพระทรงศรี เป็นข้อความสำคัญนัก ยืนยันสำคัญแท้ ว่าถึงแม้แกเองจัก ต้องรับอาญาหนัก ก็ขอทูลซึ่งกิจจา ชัยเสน. แกคงต้องมีสิ่ง จำเป็นจริงแกจึงกล้า เอาเถิดเรียกเข้ามา จะฟังเรื่องของแกดู (สัทธรา, ๒๑) ชัยเสน. ฟังคำหมอเฒ่าวิทูรแจ้ง วะจะนะประดุจจะแทง ที่อุราแยง กระทั่งใจ โอ้แพ้รู้นาริจัญไร ทุษะประทะณหะทัย โดยมิทันได้ คะนึงว่า จัณฑีผู้เป็นธิดารา- ชะมะคะธแหละจะกล้า ออกอุบายพา- ละเช่นนั้น โดยความหึงส์หนักเพราะรักครั้น คะดิประทะทุษะพลัน พลุ่งประหนึ่งควัน กระทบตา สุดแสนคั่งแค้นฤดีว่า ปิยะวะธุมะทะนา นอกฤดีข้า ก็ผิดใหญ่ บัดนี้ปรากฏบผิดใด สุปิยะชิวะประลัย ข้าจะอยู่ไย ณ โลกนี้ ! (สาลินี, ๑๑) นันทิวรรธนะ. ข้าขอบังคมบาท สุรนาถะราชัน จิตข้านี้โล่งพลัน เพราะสดับพระวาจา บัดนี้กราบทูลขอ พระประทานอภัยข้า ด้วยมีซึ่งกิจจา ดนุสารภาพผิด เมื่อคืนที่ตรัสสั่ง ดนุปลงพระชีวิต เทวีผู้มิ่งมิตร มะทะนากะชู้ไซร้ ข้าพาทั้งสองถึง ณ ประตูพระเวียงชัย พบพราหมณ์มาแต่ไพร ทิชะถามคดีพลัน ข้าเล่าถี่ถ้วนจึ่ง ทิชะทูลกะแจ่มจันทร์ ขอเชิญสู่อารัณ- ยะกะพร้อมคณาชี ข้าเห็นว่าโปรดให้ ดนุปลงพระชีวี นั้นคือว่าภูมี จะมิเลี้ยงพระนางไซร้ แม้ปล่อยให้เธอเข้า ณ อรัณยะสูญไป เหมือนสิ้นชีวาลัย เพราะก็คงบคืนมา ข้าจึ่งได้กล่าวคำ อนุญาตทิชาพา เทวีเข้าสู่ป่า และบได้เผด็จชนม์ ชัยเสน. อันว่าหัวหน้าพราหมณ์ คณะผู้จะเดินด้น พานางสู่ไพรสณฑ์ นะแหละรู้ฤชื่อไร ? นันทิวรรธนะ. เขานั้นปรากฏนา- มะว่ะโสมะทัตไซร้ แลกล่าวว่าอยู่ใน หิมะวันอรัญศรี ชัยเสน. ขอบใจ, เจ้านี่เป็น วรเสวิยอดดี เหมือนนำซึ่งวารี สิตะช่วยชโลมตู ! ดีใจที่รู้ว่า มะทะนานะยังอยู่ พอมีโอกาสกู และจะขอวราภัย เมียรอดยังห่วงมิตร ก็ศุภางคะนั้นไซร้ ได้ปลงชีวาลัย ฤว่ะปล่อยประดุจกัน ? นันทิวรรธนะ. ข้อบอกแก่เสนี จะบปลงละชีวัน เป็นแต่ให้เขานั้น มละเขตประเทศนี้ เขาตอบว่าเขานั่น ฤดิมั่นณภักดี ต้องห่างจากทรงศรี ชิวะเขาบอยากครอง ขอลาแลว่ามุ่ง จระตรง ณ ที่กอง ทัพหลวงด้วยใจปอง ฤดิแฝงระหัสอยู่ จนถึงเวลาที่ จะประยุทธะต่อสู้ ศึกแล้วเขาเตรียมจู่ จระรบศะตรูพาล เพื่อตายในที่รบ อริอย่างทหารหาญ ข้าฟังนึกสงสาร ก็ประสาทะตามใจ ครั้นถึงเวลายุทธ ดนุเห็นศุภางค์ไซร้ ออกนำหน้าพลไป และประยุทธะหน้าทัพ เห็นพวกข้าศึกห้อม ณ ศุภางคะเหลือนับ ทั้งฟันทั้งแทงยับ และศุภางคะล้มตาย สมใจทีใฝ่มอบ ชีวะเป็นพะลีภาย ใต้บาทแห่งฦาสาย เพราะว่ะมั่นกตัญญู ชัยเสน. เออกูค่อยคลายความ ทุขะทัพหทัยอยู่ เมื่อทราบมิตรของกู บมิเสียชิวีทราม เป็นเชื้อชาตินักรบ สละชีพ ณ สงคราม นับว่าได้ตายงาม ดุจะนายทหารกล้า อีกหนึ่งนั้นคือนาง สุปริยัมวะทาภา ได้ออกจากพารา จระสู่ประเทศไหน ? นันทิวรรธนะ. นางขอตามไปเพื่อน วรเทวิศรีใส จึ่งพร้อมกันเดินไป ณ ประเทศะอารัญ (ภุชงคัปปะยาตร์, ๑๒.) ปริยัมวะทา. พระแม่เพียรพะลีมา ก็สัปดาหะล่วงสาม มิเห็นว่าจะสมความ ประสงค์ดังดำรัสไว้ กระหม่อมฉันจะทูลสา- ระภาพตรง ณ จริงใจ กระหม่อมฉันมิอยากให้ พะลีนี้ประสิทธิ์ผล เพราะหากว่าพะลีเสร็จ เสด็จกลับ ณ เบื้องบน กระหม่อมฉันจะต้องทน ระทมทุกขะหงอยเหงา เพราะทุกวารก็บานใจ และรับใช้พระแม่เจ้า บำเรอบาทะค่ำเช้า บเคยคลาดและคลาไกล พระแม่โปรดกระหม่อมฉัน ก็อย่าพลันเสด็จไป จะทรงทิ้งสะขีให้ อนาถโอ้บสงสาร มัทนา. อ๊ะปรียัมวะทานาง จะหมองหมางมิเข้าการ มิใช่ฉันสงสาร ฤชิงชังนะหล่อนเอ๋ย เพราะตั้งแต่ดนูไป ณ กรุงไกรก็ทรามเชย บำเรอจิตสนิทเคย ประจบดีบเว้นวัน และเห็นแล้วละรักจริง ผิจำทิ้งก็ตัวฉัน จะเสียใจและโศกศัลย์ มิน้อยแน่ละโฉมตรู ผิเทวาธเกื้อกูล จะลองทูลและถามดู ผิพานางนะไปอยู่ กะข้าได้จะพาไป ปริยัมวะทา. พระแม่เจ้าเสด็จสู่ พิภพสวรรค์ ณ ชั้นใด ก็อยากตามเสด็จไป บำเรอบาทบคลาดคลา (รโรทฺธตา, ๑๑) มัทนา. ฟังพระวาทะวรศัพท์ ก็จับฤทัย เห็นพระทรงกรุณะไซร้ บจืดบจาง ข้าจะทูลนะฤก็ยาก บอยากจะพราง แต่มิทูลอะมระทาง ก็คงมิโปรด ข้าพระบาทะฤก็เขลา และเฉาและโฉด คงมิพ้นสุระพิโรธ และโทษะกร ข้าเฉลยพระมธุรส สุราดิศร ได้ก็ดังประดุจะก่อน ณ ภูมิสรรค์ อันจะทรงพระกรุณา ณ ข้าฉะนั้น เป็นพระคุณดนุจะพรร- ณะนาบได้ หากจะมีวิถิถนัด บขัดหทัย ทั้งจะใช้ ณ ธุระใด บมีระอา แต่จะโปรดดะนุและให้ คระไลนภา เป็นพระบาทะบริจา- ริกาฉะนี้ เกรงจะผิดพระนิติธรรม- มะอันนารี เสพย์กะสองบุรุษมี ฤใครจะชม ? อันพระองค์อะมระเศรษ- ฐะเดชอุดม จึ่งมิควรจะอภิรม- ยะนาริทราม ข้าทำนูลวะจะนะตรง ดำรง ณ ความ สัตยะธรรมะคะติงาม นะเทวะไท ! (อินทวงส์, ๑๒.) ชัยเสน. ฟังนางแถลงเหตุ ภยะเภทะจับหทัย เห็นเป็นพยานไซร้ มะทะนาวิเศษแท้ ด้วยหล่อนสิจงรัก มนะภักดิสุดละแม้ เทวันธชวนแม่ บมิยอมประนอมฤดิ หานาริรัตน์ไหน ณ ประเทศะเมทินี เปรียบมิ่งมเหสี ดนุได้นะสุดจะหา ! แม้รอประเดี๋ยวเดียว ฤก็ผัวก็คงจะมา ทันพบและแก้วตา นะก็คงบร้อนกมล เป็นกรรมกระทำไว้ ณ อดีตประสิทธิผล ผัวจึ่งมิทันยล วระพักตร์สุลักษะณา ถึงแม่จะเป็นกุพ ชะกะแล้วก็ช่างเถอะข้า ขอนำสุมาลา ณ นครทะนุถนอม จักจัดคณานาง สะขิภักดิแวดและล้อม ทั้งมีทหารพร้อม จระตั้งกระบวนคละไล ถึงเวียงจะตั้งการ สุรยัญพิเศษพิสัย ป่าวร้องประกาศให้ มรุอีกมนุษย์นิการ รู้เรื่องประเทืองเทิด วระเกียรติสายสมร เทวานะรากร ก็จะพร้อมและโมทนา อีกเราจะรับตัว วระนาฎปริยัมวะทา กลับคืนพระพารา และจะเลี้ยงประดุจณเดิม ให้สมกะที่ซื่อ สุจริตคุณาเฉลิม ยศศักดิส่งเสริม และดนูจะขออภัย ที่ได้กระทำโทษ วธุผิดสุธรรมะไซร้ คงตอบและแทนให้ สุขะศานต์สราญทวี ปริยัมวะทา. หม่อมฉันก็เป็นข้า วระบาทพระภูบดี แต่น้อยบเคยมี วระนาถะอื่นฤไกล เมื่อทรงพระการุณ- ยะก็ข้าสราญหทัย ชีวิตถวายไว้ ณธุลีพระบาทยุคล (อีสิสะ, ๒๐.) ชัยเสน. อ้าวะธูดะนูนะทุกข์ทวี เพราะแสนจะโศกวิโยคสุปรี- ยะอย่าแหนง พี่สิผิดเพราะจิตวิโรธะแรง อุบายะชั่วบรู้บแจ้ง สิจึ่งหลง ยามตระหนักสิชักจะบ้าจะปลง ประหารชิวีบมีประสงค์ จะคงอยู่ แต่เผอิญสุเสวิเตือนดะนู ฉะนั้นสิจึ่งสำนึกนะตู บวางวาย เสด็จประยุทธะสมนิยมก็หมาย และมุ่งฤดีจะรับพระสาย สมรพลัน จากพนาและคืน ณ เขตตะขัณฑ์ และมุ่งจะเสกสุนารินัน- ทะนาภา เป็นพระอัคคะราชินีมหา สุมาตุแห่งนิกรประชา ณ หัสดิน โอ้เผอิญก็มามิพบยุพิน กระนั้นนะข้าซิยังถวิล จะรับไป จึ่งจะเชิญสุกุพชะกาวิไล แหละแทนอนงคะจงคระไลย เถอะพฤกษา ข้าจะรับประทับ ณ สีวิกา และพร้อมกระบวนจะแห่ ณ ธา- นิรังสรรค์ ถึงบุรีจะได้เฉลิมพระขวัญ จะเปรอมิให้อนาถ ณ วัน ฤราตรี เชิญเถอะแม่ดนูเชิญนะมารศรี เสด็จเถอะอย่าระคายฤดี ดนูวอน ! (กุสุมิตลตา, ๑๘.) กาละทรรศิน. ข้าขอให้เทพองค์อะธิปะติณไตร- ตรึงษะโปรดให้ พระพรสิทธิ์ แด่องค์สมเด็จราชะปะระมะบพิตร เรืองมหาฤท- ธิเดชา มีชัยในการยุทธะและบมิปะรา- ชัย ณ ทั่วหล้า สกลขาม ขอจงทรงสวัสดีนิจจะสุขะอภิราม รมยะทุกยาม บเสื่อมซา หนึ่งอวยพรให้กุพชะกะสุระผกา คงดิลกหล้า บสูญพรรณ เป็นสิ่งชวนยวนจิตตะนระสุวะคันธ์ ช่วยระงับสรร- พะทุกข์หนัก หญิงชายยามเริ่มรู้ระสะณฤดิรัก ใช้กุหลาบจัก ระเริงใจ อันดวงมาลีกุพชะกะสิผิวะให้ พึงจะรู้ได้ ว่ารักแท้ และยามดมดอกกุพชะกะนะก็จะแก้ เดือด ณ ดวงแด และสุขพลัน ขอมาลีศรีกุพชะกะสิริสุคันธ์ จงประดิษฐ์พรรณ นิรันดร ! โดย: สมาชิกหมายเลข 717172 วันที่: 19 ธันวาคม 2559 เวลา:2:24:12 น.
|
สมาชิกหมายเลข 717172
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?] Friends Blog Link |
ฉาก : ในกลางหิมะวัน.
[เป็นลานหญ้าอยู่ในระหว่างต้นไม้ใหญ่งาม ๆ, ที่ตรงกลางแห่งด้านหลังของเวที มีต้นกุหลาบ
อยู่ต้น ๑, ซึ่งมีดอกแต่ดอกเดียว, เป็นดอกใหญ่, สีชมพูแก่. นอกจากต้นกุหลาบ มีต้นดอกไม้
อย่าอื่นอีกบ้างก็ได้, และตามต้นไม้มีกล้วยไม้กำลังออกดอกไสวอยู่หลายช่อ.]
(อุปัฏฐิตา, ๑๑.)
โสมะทัต. อันบุษปะประหลาด บมิเห็น ณ แห่งใด
งามสรรพะวิไล- ยะวิเศษะมาลี
สีแดงก็มิจ้า ดุจะดอกชบาสี
งามดังดรุณี ยละเพลินเจริญตา
กลิ่นหอมก็ระรวย รสะลมรำเพยพา
ถึงไหนฤก็น่า จะระรื่นภิรมย์หวน
แม้แต่ศิระเกล้า วนิดาละอองนวล
เห็นแน่จะประมวล วรลักษะณานาง
ลอยภาชะนะน้ำ ก็จะทำอุทกพลาง
หอมรื่นระสะอย่าง สุรเทวะโอสถ
จัดภาชนะตั้ง พะลิเทวะทรงยศ
กลิ่นหอมบละลด จะประลุณเเดนสรวง
อันบุษปะประเสริฐ ณสกลพิภพปวง
งามเลิศและเหมาะดวง ฤดิเท่าบพึงหา
(ฉบงง, ๑๖.)
กาละทรรศิน. ไหนเล่าต้นไม้ที่ว่า มีดอกสง่า
และหอมประเสริฐส่งไกล ?
ศุน. อยู่นี่เจ้าข้า ! ข้าไซร้ เป็นผู้ที่ได
ประสบพบดอกอัศจรรย์
นาค.. ตูข้ามาด้วยพร้อมกัน
ศุน. แต่ว่าดิฉัน
เป็นผู้ประสบพบแท้
นาค.. ตูข้าเดินหาเจียนแย่ ส่วนเขานอนแผ่
สบายอยู่กลางปัฐพี
ศุน. จะนอนหรือนั่งตามที แต่เห็นของดี-
เพราะโชคเท่านั้นบันดาล !
กาละทรรศิน. มัวเถียงกันไม่เข้าการ ! ไปเก็บดวงมาลย์
มาใหัเราพลันทันใด.
(อุเปนทะวิเชียร, ๑๑.)
กาละทรรศิน. อ๊ะ !อย่านะอย่าเพ่อ ผิวะมิ่งสุมาลี
จะไปกะเรานี้ ละก็จึ่งจะพาไป
เพราะเราสิเล็งญา- ณะเเละทราบฉะนี้ได้
ผะกาพิเศษไซร้ บมิใช่ผะกาจริง
และเป็นวะธูผู้ ปะระเศรษฐะยอดหญิง
เพราะรักษะสัจยิ่ง บมิยอมจะเสียธรรม์
ก็ถูกกำราบให้ จุติจากณแดนสวรรค์
กำเนดประดุจพัน- ธุผกาพิเศษนี้
ณ วันพระจันทร์เพ็ญ ก็จะเป็นสุนารี
และคงฉะนั้นมี เฉพาะหนึ่งทิวากาล
และเอกะราตรี ก็จะกลับสกนธ์ปาน
ผะกาสุคนธ์หวาน รสระรื่นระรวยไซร้
ณ ถิ่นวนารัณ- ยะกะนี้สิอยู่ไกล
กุฎีและทิ้งไว้ จะลำบากสกนธ์นาง
ฉะนั้นจะกล่าวชวน จระไปณสวนข้าง
กุฎีดนูพลาง จะทะนุถนอมดี
(สัทธะรา, ๒๑.)
อ้ามาลีเลิศฤดีเพลิน, สุวิมะละและเจริญ
ข้าจะขอเชิญ ผะกาไป
สู่สวนงามข้างกุฏิให้ ระมะณิยะจะบำรุงไว้
เพื่อบมีภัย พิบัติปวง
ข้ารับคำว่าจะแหนหวง ประดุจะวรธิดาดวง
ใจจะใฝ่ห่วง สุดาภา
อ้าเชิญไปกับบิดานา ! ดรุณิอภยะครา
ขุดชะลอพา จรัลไป !
ฉบงง, ๑๖)
กาละทรรศิน. บัดนี้เจ้าอย่าร่ำไร ช่วยกันยกไป
ยังสวน ณ อาศรมสถาน
ต้องดีอย่าได้ลนลาน ประคองเมื่อผ่าน
ที่เดินลำบากยากเข็ญ
จำไว้ว่าไม้นี้เป็น ของวิเศษเช่น
บ่มี ณ ดินแดนใด
ตามมาข้าจะนำไป โสมะทัตไซร้
จงคอยกำกับตามมา.
(อินทะวิเชียร, ๑๑.)
ชัยเสน. เรามัวละเลิงไล่ มิคะงามตะบึงบ้า
จนลึกณกลางป่า และระอิดระอาใจ
บัดนี้มิรู้ว่า ดละแทบณหนใด
อีกทั้งจะเดินไป บริวารบตามทัน
เขาคงจะเป็นห่วง และวิตกเพราะเราครัน
ใครเจนพะนารัณ- ยะประเทศะถิ่นนี้ ?
(อุปชาติ, ๑๑.)
ชัยเสน. อโหระลึกขึ้น ละก็สุดจะเสียดาย !
ได้เคยประสบหลาย มิคะแล้วบ่เคยเห็น
กวางงามอร่ามทั่ว วรกายะดังเช่น
ดนูละเลิงเล่น จรไล่ณวันนี้
ชะเนตรสนิทนิล กละนิลมะณีศรี
ยามแลชำเลืองมี กิริยาประหนึ่งอาย
เขางามประหนึ่งช่อ วรวิชชุมาลย์ฉาย
และหนังระยับลาย กละเลื่อมประดับวาว
ขนองสนิทดำ ดุจะเขียนเขม่ายาว
งามทรวงสะอาราว หิมะตกณยอดผา
ยามเดินก็งามยิ่ง และจะวิ่งก็ยวนตา
จริตกิริยา กละสาวสุรางค์สวรรค์
และเมื่อดนูตาม มิคะใกล้จะตามทัน
โน้มน้าวธนูมั่น เหมาะและเตรียมจะยิงไป
มัวเพลินตะลึงนึ่ง บมิยิงณบัดใจ
และกวางก็ว่องไว จรแผล็วณแนวพง
(ภุชงคัปปะยาตร์ ๑๒.)
กาละทรรศิน. เอะมีเหตุอะไรหนอ จะบังเกิดอุปัทว์มา
เพราะว่าเนตระซ้ายขวา เขม่นอยู่จะเป็นลาง
อะโหนึกก็ร้อนอก วิตกถึงธิดาพลาง
ชะรอยภัยจะพานนาง ธิดาแน่ละครานี้
ตะแรกตรวจณฤกษ์ยาม ก็ดูงามและดูดี
คำนวณต่อสิเห็นมี เคราะห์ร้ายแทรกณชาตา
บรู้ที่จะทายแน่ จะมีโชคและลาภา
ฤว่าร้ายและนวลนา- รืจักต้องกำสรวลศัลย์
อนิจจาจะเศร้าจิต ผิเจ้ายอดสุดานั้น
เคราะห์เจ้าร้ายทำลายขวัญ, ก็รูปนี้จะพลอยโศก
เพราะรูปได้สุดามา ประดุจได้ประสบโชค
ประหนึ่งเจ้าและนำโศลก ประเวศแน่วณอาศรม
และหากต้องวิโยคเจ้า จะแสนเศร้าณอารมณ์
เพราะเคยเห็นและเคยชม บเว้นว่างณวันเพ็ญ
ธิดาช่างบำเรอจิต บิดาให้ฤดีเย็น
ประดิษฐ์โภชนาเช่น บเคยลิ้มณก่อนกาล
จะกินเค็มฤกินมัน ก็พลันสมมะโนมาลย์
จะชอบเปรี้ยวฤชอบหวาน ก็ปรุงรสบผิดใจ
มหาเทวะทรงศักดิ์ ! ดนูภักดิต่อไท
พระจงโปรดดนูไซร้ และคุ้มครองสุดาภา
(เมฆวิปผุชชีตา ๑๙.)
กาละทรรศิน. ชโยข้าขอกล่าวคำประจุคะมะนะการ
แด่พระผูผ่าน มไหหศวรรย์
ชโยขอให้องค์ท้าวนะระปติพระชัน-
มายุร้อยพรร- ษะกาลยง
ชโยขอให้มีชัยชำนะอริทะนง
สมประสงค์องค์ อธีราช
ชโยขอให้องค์ขัตติยะนิกะระนาถ
สิทธิสมมาด ณกิจการ
ชโยขอจงทรงเกษมสุขะฤดิสราญ
ทุกทิวากาล และราตรี
ชโยขอจงองค์ท้าวปิยะนะระบดี
คงพะลังมี นิรันดร
(อินทะวิเชียร, ๑๑.)
ศุภางค์. นึกน่าอนาถจิต ก็จะคิดประการใด ?
นึกแล้วว่ะทรามวัย ฤก็ควรกะทรงศักดิ์
นึกเล่าก็สงสาร วนิดายุพาพักตร์
นึกถึงจะต้องหนัก อุระแน่ละนงคราญ !